Happy Mum Happy Me ร้านอาหาร-คาเฟ่โฮมเมดที่เสิร์ฟความรักผ่านปลายจวักรสมือแม่
Behind The Taste ขอชวนทุกคนไปเคาะประตูบ้าน ‘Happy Mum Happy Me’ ร้านอาหาร-คาเฟ่โฮมเมดแห่งย่านนวมินทร์ 42 ภายใต้การดูแลของ ‘คุณกุ๊ก-อำนวยสินธุ์ พุกรักษา’ และ ‘คุณแม่กุ้ง-วรนุช แซ่ปั่ง’ คู่แม่ลูกสุดน่ารักที่ร่วมกันรังสรรค์ความอร่อยสไตล์ Home Cooked ท่ามกลางบรรยากาศอันแสนอบอุ่นของชายคาบ้านไม้ ซึ่งเต็มไปด้วยสีสันและความสดใส ให้ความรู้สึกเหมือนได้มานั่งทานข้าวที่บ้าน ด้วยการเสิร์ฟความรักผ่านรสมือแม่ ผู้ส่งมอบความอร่อย พร้อมรอยยิ้มแห่งความสุขไปกับอาหารทุก ๆ จาน
Happy Mum Happy Me กับภารกิจสานฝันเพื่อความสุขของแม่
จากอดีตบ้านแฝดร้างสุดซอยนวมินทร์ 42 ซึ่งปัจจุบันได้กลายมาเป็นร้านอาหาร-คาเฟ่โฮมเมด บรรยากาศสุดโฮมมี่ที่ชื่อว่า ‘Happy Mum Happy Me’ ต้อนรับผู้มาเยือนทุกคนอย่างอบอุ่นด้วยการทักทายของสองพนักงานมะหมาสี่ขา ‘น้องทองชุบ' (เฟรนช์ บูลด็อก) ‘น้องทองกวาว’ (คอร์กี้) พร้อมใบหน้าที่เปื้อนยิ้มของ ‘คุณกุ๊ก-อำนวยสินธุ์ พุกรักษา’ ลูกชายผู้สานฝันในการเปิดร้านอาหารให้กับ ‘คุณแม่กุ้ง-วรนุช แซ่ปั่ง’ เพื่อเติมเต็มความสุขช่วงวัยเกษียณ จากการได้ทำอาหารให้ลูกค้าทุกคนเอ็นจอยความอร่อย เหมือนได้ทานกับข้าวบ้าน กว่าจะมาเป็น Happy Mum Happy Me ที่เสิร์ฟความอร่อยมากว่า 4 ปี จนถึงทุกวันนี้ได้นั้นไม่ง่ายเลย ครั้งนี้จึงชวนทั้งคุณกุ๊กและแม่กิ๊กมาร่วมสนทนา บอกเล่าเรื่องราวถึงจุดเริ่มต้นของการเปิดให้บริการที่ถ่ายทอดความรัก ความสุข ความผูกพันของแม่-ลูก ให้ได้สัมผัสในทุกอณู
คุณกุ๊ก : "Happy Mum Happy Me เกิดจากความฝันของแม่ครับ แรก ๆ คือแม่อยากเปิดร้านอาหารตามสั่ง แต่เราก็บอกว่ามันยากนะ เพราะแต่ละคนกินเผ็ด กินหวานไม่เหมือนกัน และการเตรียมวัตถุดิบเยอะ เราเลยคิดว่าจะเปิดเป็นคาเฟ่แทน ให้แม่ลองเซ็ตเมนูที่อยากทำก่อน ตอนที่เปิดร้านใหม่ ๆ จะเป็นการเสิร์ฟอาหารใต้ผสมกับอาหารทั่วไปครับ ส่วนผมกับแฟนก็จะดูแลในส่วนของบาร์เครื่องดื่มหน้าร้านครับ เริ่มแรกเราเปิดร้านกันที่นี่เลย เป็นช่วงโควิดที่เราไม่ได้เดินทางไปไหน แต่ตอนนั้นพื้นที่จะเล็กกว่านี้มากครับ พอเรามีแพชชั่นจากการเก็บเงินก้อนนึง แล้วเห็นว่าบ้านหลังนี้มันบ้านร้างมา 20 ปี เลยอยากชุบชีวิตบ้านหลังนี้ให้มันน่าอยู่ขึ้น ร้านนี้เลยตั้งชื่อตามคอนเซ็ปต์ที่ตั้งใจไว้แต่แรกคือ ‘ถ้าแม่มีความสุข เราก็จะมีความสุขตามสิ่งที่แม่ทำ’ พอรีโนเวทบ้านหลังนี้เสร็จเรียบร้อยแล้วก็เดินหน้าตามความฝันของแม่ ร้านนี้จะเปิดแค่วันเสาร์-อาทิตย์ เท่านั้น เพราะด้วยความที่เราทำงานประจำ อีกอย่างแม่จะได้ไม่เหนื่อยเกินไปด้วยครับ”
คุณแม่กุ้ง : "4 ปีที่ได้เปิดร้านนี้มา รู้สึกแฮปปี้มาก เพราะสิ่งที่หวังไว้มันยิ่งกว่าที่เราหวังอีก คนที่มาทานอาหารทุกคนก็เปรียบเสมือนสมาชิกของเราที่เพิ่มขึ้นทุก ๆ ปี มีความสุขเพราะทำด้วยใจรัก อาหารทุกจานผ่านมือแม่หมดเลย เรามีใจที่อยากทำกับข้าว ลูกค้าทุกคนเปรียบเหมือนลูก ๆ ของเรา เหมือนเขากลับมาบ้าน มาเยี่ยมบ้าน พอคิดแบบนี้ก็มีความสุข"
"จริง ๆ แม่จะอยู่ในครัวตลอด ว่างอีกทีก็ตอนที่ว่างจากออเดอร์ พอเดินมาหน้าร้านแปบเดียว คนนั้นคนนี้ชวนถ่ายรูป มีลูกค้ามาพูดคุย บอกเราว่า ‘อร่อยนะแม่’ แค่คำว่าอร่อย เราก็มีความสุขแล้วค่ะ คิดว่าทำได้มาถึง 4 ปีก็คุ้มค่าแล้ว แรงยังดีไม่มีเหนื่อย ถึงจะ 60 แล้ว แต่ยังรู้สึกว่าตัวเองยังมีคุณค่า อายุมันแค่ตัวเลขตราบใดที่ใจเรายังมีความสุข แม่เลยทำในสิ่งที่ตัวเองมีความสุข"
หมัดเด็ด ! เคล็ดลับความอร่อย ทำอาหารสไตล์โฮมเมดรสมือแม่
จากเมนูในความทรงจำวัยเด็ก ณ วันนี้ ร้าน Happy Mum Happy Me จึงเลือกเสิร์ฟความอร่อยในสไตล์โฮมเมด ซึ่งครีเอตมาจากเมนูที่คุณแม่กุ้งทำให้คุณกุ๊กและที่บ้านทานอยู่บ่อย ๆ บางเมนูเน้นทานง่าย ส่วนบางเมนูก็เป็นอาหารใต้หาทานยาก โดยจะเลือกหยิบยกมาให้คนกรุงเทพฯ ได้ลองทานกัน
คุณแม่กุ้ง : "ต้องเล่าย้อนไปว่าเมื่อก่อน เราไม่ถนัดเรื่องอาหารเลย ไม่เคยทำกับข้าว พอมีครอบครัว ลูกชายก็กินเก่ง เลยเป็นจุดเปลี่ยนให้ต้องฝึกทำให้เป็น แล้วก็ปรับตัว พัฒนาตัวเองมาเรื่อย ๆ จนทำอาหารเป็น ปรุงอาหารได้เป็นสูตรเฉพาะของตัวเอง"
คุณกุ๊ก : "เมนูที่เราเสิร์ฟในร้านก็จะมีเมนูที่เป็นความทรงจำของเรา ทำกินกันบ่อยที่บ้าน อย่างหลัก ๆ ก็คือ ‘กะเพราหมูสับพริกเหลือง’ เป็น Feeling ของการกลับมาบ้านแล้วจะได้กินเมนูนี้บ่อย ๆ สำหรับเรากะเพราเป็นเมนูที่กินได้ก็ไม่เบื่อ เพราะฉะนั้นเมนูที่มีในร้านแน่ ๆ ก็จะเป็นกะเพราครับสูตรเฉพาะของบ้านเราครับ รวมถึงฟังเสียงลูกค้าเป็นหลักด้วย เพราะบางเมนูลูกค้าก็เป็นคนแนะนำ ถ้าเรามีเบสของวัตถุดิบอยู่แล้ว ก็จะทำแล้วให้ลูกค้าชิม ถ้าลูกค้าโอเค เราก็จะลองเอามาเสิร์ฟที่ร้าน และต้องบอกว่าทุกจานแม่ลงมือทำด้วยตัวเขาเอง วัตถุดิบทุกอย่างแม่ก็เป็นคนเลือก ไปตลาดเอง ซื้อของทุกอย่าง เป็นรายละเอียดของวัตถุดิบที่เราใส่ใจ ปรุงรสผ่านมือแม่เท่านั้น ก่อนเสิร์ฟถึงมือลูกค้า"
คุณแม่กุ้ง : "เพราะเรารู้ไง วัตถุดิบเราต้องเลือกเอง เลือกเองแล้วสบายใจกว่า เหมือนทำกับข้าวที่บ้าน ความรู้สึกเราไม่ได้เกร็งถึงขนาดแบบโอ้โห ! ต้องเนี้ยบระดับ 5 ดาวนะ คือแม่ทำด้วยความรู้สึกของแม่ที่แม่เป็นแม่บ้าน รู้สึกมันสบายไม่เกร็งจนเกินไป ทำได้ลื่นไหลได้ตลอด อย่างบางครั้งมีออเดอร์ 100 จาน เราก็ทำของเราไปเรื่อย ๆ และปรุงสดใหม่แบบจานต่อจานเลยนะ"
คุณกุ๊ก : "นอกจากเมนูคุ้นเคยที่แม่ทำให้กินบ่อย ๆ แล้ว บางเมนูเราก็ได้แรงบันดาลใจมาจากเทรนด์ใหม่ ๆ ด้วย เหมือนเราดูเทรนด์ของเมนูตอนนี้ว่าคนอยากทานเมนูสไตล์ไหน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องดูตามความถนัดของแม่เราด้วย"
คุณแม่กุ้ง : "จริง ๆ เราเน้นทำด้วยใจ ทุกจานเราทำมาจากใจหมด ก็เลยไม่ได้คิดว่าจะต้องทำอะไรที่มันหวือหวา ตามกระแสอะไรไปเสียหมดค่ะ แต่เราก็คอยดูนะ เมนูไหนที่ว่าฮิตก็มาลองทำกัน แต่ถ้าลองแล้วมันไม่ใช่ตัวเรา สไตล์เรา ก็กลับมาทำอะไรที่เป็นความถนัดของเราดีกว่า"
เมนูแนะนำประจำร้าน Happy Mum Happy Me
คุณแม่กุ้ง : "จานแรกเป็น ‘หมี่กะทิพุมเรียงกุ้งสด’ จะเป็นหมี่ผัดกับน้ำเครื่องแกงทางใต้ จังหวัดสุราษฎร์ธานี รสชาติจะออกเผ็ด ๆ เหมือนผัดไทย แต่สูตรของแม่แม่จะทำน้ำเครื่องแกงไว้ ก่อนจะมาผัดตัวเส้น ถ้าผัดเสร็จแล้วแม่จะเอามาราดทีหลัง ส่วนกุ้งแม่ก็จะมาโปะทีหลัง รวมเป็นรสเปรี้ยวหวานที่ไม่เผ็ดเลย แล้วตัดความหวานด้วยพริกแห้ง ถั่วป่น เหมือนผัดไทยทุกอย่าง เพียงแต่มาแซมมาด้วยใบบัวบก ซึ่งให้รสชาติที่เข้ากันมาก"
คุณกุ๊ก : "ผัดแบบแยกซอสจะเวิร์คกว่า เพราะมันมีทั้งความแห้งของเส้นที่เราผัดไว้ เป็นความอร่อยอีกแบบ หรือจะเลือกคลุกเคล้าทุกอย่างรวมกันมันก็พอดี น้ำซอสร้อน ๆ กับกุ้งตัวใหญ่ ๆ เหมือนได้กินสปาเกตตี้ราดคาร์โบนาร่าสไตล์พุมเรียง ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากคุณยาย เพราะคุณยายเราเป็นคนพุมเรียง"
คุณแม่กุ้ง : "เหมือนกลิ่นอายบางอย่างก็ตั้งต้นมาจากความเป็นสูตรอาหารของครอบครัว เมนูนี้เป็นซิกเนเจอร์ของร้านเลย เพราะเราคุ้นเคย เห็นเมนูนี้มาตั้งแต่เล็ก ๆ ลองหัดทำอยู่หลายครั้งมาก เพราะผัดยากมาก กว่าจะได้สูตรเฉพาะที่ลงตัว"
คุณแม่กุ้ง : "ต่อมาเป็น ‘กะเพราหมูสับพริกเหลือง’ สูตรของแม่จะไม่ใช้น้ำมัน เอาหมูสับผัดลงในกระทะเลย ผัดให้หอมให้แห้งติดกระทะ เพราะน้ำมันจะออกมาจากตัวหมูสับอยู่แล้ว เราก็ผัดแล้วปรุงรส จนออกมาเป็นจานเด็ดจานนี้ที่ลูกค้าติดใจ"
คุณกุ๊ก : หลัก ๆ พริกที่เราใช้ในเมนูกะเพราจะมีพริก 3 แบบ คือ พริกแห้ง พริกจินดา แล้วก็พริกเหลือง เราใช้พริกเหลืองเพราะอยากจะโชว์ความเป็นอาหารใต้ลงไปด้วย สังเกตได้ว่าพริกเหลืองจะอยู่ในอาหารใต้ทุกเมนูอยู่แล้ว เราเลยเพิ่มความหอมให้กะเพราจานนี้ด้วยพริกเหลือง เป็นอีกเมนูที่เราทานบ่อยที่บ้าน เสิร์ฟพร้อมกับไข่เป็ดเยิ้ม ๆ และพริกน้ำปลา
คุณกุ๊ก : "อีกเมนูแนะนำคือ ‘ข้าวขยำปลาทู’ อันนี้เป็นเมนูใหม่ล่าสุดของร้านเลย แรงบันดาลใจจริง ๆ เกิดมาจากที่ว่าเมนูหลัก ๆ ของร้านเรามีข้าวผัดอยู่แล้ว เลยเบสการผัดข้าวผัดที่เป็นการผัดแบบหอมกระทะ โดยเลือกใช้วัตถุดิบหลักที่เป็นปลา พอให้แม่ลองทำให้ทานปุ๊บแค่ครั้งแรก ทุกคนในร้านก็ติดใจเลย อีกอย่างช่วงนี้เป็นช่วงที่ปลาทูอร่อยด้วย ปลาทูที่ร้านใช้ก็คือตัวใหญ่มาก ในข้าวผัดก็จะใส่มะกรูดซอย หอมแดง แล้วก็พริกขี้หนูสวน เผ็ด ๆ แซ่บ ๆ ไปเลย
ตามด้วย ‘สลัดส้ม’ สลัดจานนี้เบสไอเดียและความอร่อยมาจากการที่ลูกค้าทุกคนถามเสมอว่าที่ร้านมีเมนูมังสวิรัติมั้ย เราก็เลยครีเอตเมนูนี้ขึ้นมา เกิดจากการที่เราชอบกินสลัดอยู่แล้วและชอบเอาส้มมาหั่น ๆ ใส่ลงไปในจานสลัดด้วย เป็นเมนูทานง่าย ๆ แต่กลับขายดี ทานแล้วสดชื่น คลุกเคล้ามากับซอสบัลซามิก มีจานสลัดคั่นระหว่างมื้ออาหาร ก็จะรู้สึกได้ว่าเป็นการทานแบบครบเครื่องครับ"
ในส่วนของเมนูเครื่องดื่ม ทางคุณกุ๊กก็ได้เลือกนำเสนอเป็นแก้วเครื่องดื่มที่เติมความสดชื่นได้ดีระหว่างวัน อย่าง ‘สตรอว์เบอร์รี่โซดา’, ‘มัทฉะส้มสด’ และ ‘โฮจิฉะแคนดี้’
คุณกุ๊ก : "หลัก ๆ ตัวซอสอย่างซอสสตรอว์เบอร์รี่เราทำเอง คือมีความเปรี้ยวซ่า ส่วนมัทฉะส้มสดก็เป็นน้ำส้มคั้นสดครับ พอมาผสมเข้ากับมัทฉะที่กำลังมาแรงในตอนนี้ด้วยแล้วก็ยิ่งได้ความสดชื่นที่ลงตัว เป็นเมนูที่ขายดีอันดับ 1 อันดับ 2 ของร้านเลย ส่วนตัวโฮจิฉะจะเป็นนมโฮจิฉะหอม ๆ ที่ได้ความหวานจากแคนดี้ที่ทำมาจากน้ำตาลอ้อย เป็นอีกหนึ่งแก้วที่น่าลองไม่แพ้กัน"
เอ็นจอยความอร่อยอย่างเต็มที่ในบรรยากาศอบอุ่น สบาย ๆ เหมือนได้มาทานข้าวบ้าน
คุณกุ๊ก : "บรรยากาศในร้าน เราเลือกเอาเฟอร์นิเจอร์ของที่บ้านบางส่วนมาบิวท์ใหม่ ทาสีใหม่ ฟีลที่ได้เลยมีความโฮมมี่ เหมือนกลับมาบ้านแม่ เพื่อมากินข้าวฝีมือแม่หรือได้กินกับข้าวบ้าน ในบรรยากาศที่เป็นบ้านจริง ๆ"
ตลอด 4-5 ปีที่ผ่านมา Happy Mum Happy Me ต้องเผชิญกับความท้าทายมากมาย ทั้งช่วงที่ต้องปิดร้านนานถึง 6 เดือนจากการก่อสร้างถนน และผลกระทบจากสถานการณ์โควิด แต่ด้วยกำลังใจจากลูกค้าและความไม่ยอมแพ้ของครอบครัว พวกเขาจึงใช้ช่วงเวลาเหล่านั้นในการปรับปรุงและขยายร้านให้ใหญ่ขึ้น ทำให้ Happy Mum Happy Me แข็งแกร่งและเป็นที่รู้จักมากขึ้น ซึ่งในอนาคตทางร้านมีแผนที่จะขยายช่องทางการเข้าถึงลูกค้าด้วยการออกบูธ เพื่อให้ผู้ที่อยู่ไกลจากโลเคชันร้าน ได้มีโอกาสลิ้มลองรสชาติความสุขนี้ รวมถึงยังเผยถึงความฝันที่จะขยายธุรกิจไปสู่บริการ Catering เพื่อเสิร์ฟความสุขแบบโฮมเมดในงานอีเวนต์ต่าง ๆ อีกด้วย
สองพาร์ทเนอร์ธุรกิจ
และการใช้ชีวิตที่เติมเต็มความสุขซึ่งกันและกัน
คุณแม่กุ้ง : "ความรู้สึกของแม่ตอนนี้คือการได้ลงมือทำในสิ่งที่เรารักแบบเต็มร้อย ทำด้วยใจจริง ๆ ทุกอย่างของแม่ในปีแรกต้องยอมรับว่าเหนื่อย เราไม่เคยโปรโมทอะไรเลย เพราะคิดว่าสิ่งที่เราทำ แม่ทำด้วยใจ แม่มีความสุข มันมีความสุขที่ได้ทำของอร่อย ๆ ให้คนอื่นกิน ทุกวันนี้แม่ก็จะพยายามที่จะปรับปรุงตัวเอง อยากจะทำให้มันดีขึ้นเรื่อย ๆ เกินกว่ากระแส หรือเป็นเจ้าของกระแสในแบบที่เป็นตัวเองด้วย ถ้าพูดภาษาชาวบ้านก็คือทำให้มันเจ๋งกว่ากระแสทั่วไปนะ ทำอะไรก็ได้ที่มันดี ทำออกมาแล้วลูก ๆ ทุกคน ลูกค้าทุกคนบอกว่าอร่อยกว่าตามกระแส"
คุณกุ๊ก : "ความสุขของเราคือการทำร้าน จากวันแรกที่มันมีแค่ร้านเล็ก ๆ จนตอนนี้มันใหญ่ขึ้น เรามองแล้วยังงงอยู่เลยว่าโอ้โห ! เออ มันมันสามารถใหญ่ขึ้นได้จริงๆ เนาะ สิ่งหนึ่งคือคนชอบในอาหารของแม่ ซึ่งชอบจริง ๆ ไม่ได้ชอบเพราะเกรงใจเรา มันเลยทำให้เรารู้สึกภูมิใจในตัวเขา เพราะเขาคือแม่บ้านมาทั้งชีวิต การมานั่งทำงานมันยากนะสำหรับคน ๆ นึงที่อยู่สบายมาตลอด แต่เราเป็นคนพาเขามาลำบาก แต่สิ่งที่เขาได้มามากกว่าความลำบากคือความภูมิใจในตัวเอง แล้วก็เลยภูมิใจในตัวเขาด้วย
อย่างที่เคยพูดไว้กับแม่เสมอว่า ‘พาร์ทเนอร์ที่ดีที่สุดในการทำธุรกิจ คือเราเลือกไม่ผิดจริง ๆ ที่เป็นแม่’ จากตอนแรกต้องบอกตรงๆ ว่ามันก็ไม่มีใครอยากมาทำกับเราหรอก เพราะทุกคนก็กลัวกังวลว่าครอบครัวทำงานด้วยกันจะเป็นยังไง จะทะเลาะกันไหม บอกตรง ๆ ทะเลาะแน่นอน 100% แต่ว่าสุดท้ายแล้ว พอทะเลาะปุ๊บมันจบปัญหา เดินต่อไปได้ เราจะรู้แล้วว่าเขาไม่ชอบตรงนี้ เราต้องดูจังหวะว่าควรทำอะไรตอนไหน เราต้องเข้าใจว่าเราควรบอกฟีดแบ็คเขาตอนไหนยังไง เพื่อจะรักษาน้ำใจของกันและกัน มันก็เลยทำให้เราเรียนรู้การอยู่กับแม่มากขึ้นด้วย”
คุณแม่กุ้ง : "สำหรับกุ๊กเนี่ย แม่มีความรู้สึกว่าแม่ส่งเขาถึงฝั่งแล้ว การตัดสินใจอะไรของเขาอยู่ที่เขา เขาเป็นคนขีดเส้นทางชีวิตเอง แม่แค่วางพื้นฐาน ขุดท่อทำท่อให้ที่มันเดินไปแล้วมันไม่ขลุกขลัก บางครั้งเขาตกหลุมตกบ่อตกอะไรแม่ก็ต้องพยายามดึงขึ้น ในเมื่อพอเขาถึงฝั่งฝันทุกอย่าง เขาทำร้านนี้ได้แม่รู้สึกภูมิใจมาก ๆ เลย แม่ภูมิใจในตัวเขามาก ดีใจที่การลงทุนครั้งแรกของเขาสำเร็จโดยที่มีแม่อยู่ข้าง ๆ"
คุณกุ๊ก : "ส่วนผมความภูมิใจของผมคือการได้เลือกแม่เป็นพาร์ทเนอร์ในการทำธุรกิจครั้งนี้ แล้วก็มั่นใจในฝีมือของแม่ รู้สึกว่าแม่เราทำอาหารอร่อยที่สุดในโลกเลยสำหรับเรา ก็เลยอยากพรีเซนต์ให้ทุกคนได้ทานในสไตล์ที่เป็นคุณกุ้งนี่แหละ ให้ทุกคนได้ลองทานแล้วดูว่าชอบเหมือนเรามั้ย ถ้าชอบเราก็จะดีใจ ถ้าไม่ชอบเราก็บอกว่าแนะนำเราได้นะ เพราะทุกอย่างเราพร้อมเปิดรับ ภูมิใจในสิ่งที่แม่ทำทุกอย่าง สุดท้ายคืออยากขอบคุณแม่ที่เป็นคนเจ้าระเบียบเพราะผมเป็นคนไม่มีระเบียบ แม่จะเป็นคนเจ้าระเบียบแทนผมสำหรับเวลาคุยกับน้อง ๆ ในทีม เพื่อให้ทุกอย่างมันเรียบร้อยเข้าที่ แล้วก็เป็นคนที่พยายามพูดให้กำลังใจน้อง ๆ ทุกคนเสมอ ก็เลยเป็นพลังบวกให้เราเดินมาถึงปีที่ 5 ได้ในที่สุด ก็อยากบอกเขาสั้น ๆ ว่า ‘รักแม่ครับ’ "
เรียกว่าความสุขที่แท้จริงของการเปิดร้าน Happy Mum Happy Me คือการที่คุณกุ๊กได้เห็นคุณแม่ที่เคยเป็นแม่บ้านเต็มเวลามาตลอดชีวิต ได้ค้นพบความภูมิใจในตัวเองจากการสร้างสรรค์อาหารที่ผู้คนชื่นชอบ และคุณแม่กุ้งเองก็รู้สึกว่าการทำงานนี้ทำให้หัวใจพองโต เป็นการเติมความสุขในวับเกษียณไปเรื่อย ๆ พร้อมด้วยความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างแม่ลูกที่นับเป็นหัวใจสำคัญ ถึงแม้จะมีความเห็นต่างบ้าง แต่ก็เรียนรู้ที่จะเข้าใจและเป็นพลังให้กันและกัน
พบความเซอร์ไพรส์ตลอดเดือนสิงหาคมนี้
คุณกุ๊ก : "เดือนสิงหาคมนี้เรามีโปรเจกต์พิเศษที่ร่วมคอลแลปกับ Ease Around ศิลปินนักวาดภาพประกอบครับ ด้วยคอนเซ็ปต์หลัก ๆ คือ "MUM! I’m home!!" ฟีลแบบเหมือนแม่ฉันกลับบ้านมาแล้วนะ ซึ่งคาแร็กเตอร์น้อง Ease Around เป็นตัวแทนสาวออฟฟิศที่ใช้ชีวิตในเมืองกรุง Happy Mum Happy Me เลยเป็นเหมือนบ้านของเขา ตัวกิจกรรมจะจัดขึ้นที่ชั้น 2 ของบ้าน ซึ่งกิจกรรมหนึ่งที่อยากให้ทุกคนมาร่วมสนุกคือ "อยากกินอะไรเขียนบอกแม่สิเดี๋ยวแม่ทำให้กิน" ก็จะมีกิจกรรมให้คนมาเขียนชื่อเมนูที่อยากกิน หรือถึงขั้นเขียนสูตรมาได้เลย แล้วเดี๋ยวเราอาจจะเลือกมาให้แม่กุ้งทำให้กิน เราพยายามสร้างประสบการณ์ดี ๆ ร่วมกับลูกค้าครับ แล้วก็ที่งานจะมีบอร์ดให้คนทั่วไปได้เขียนข้อความฮีลใจกันและกัน อย่างความรู้สึกที่ยังไม่เคยบอกแม่แล้วอยากจะบอกวันนี้ ไม่จำเป็นว่าต้องเป็น 12 สิงหาคม แต่ทั้งเดือนของสิงหาคม มาแสดงความรู้สึกที่คุณอยากบอกแม่ได้เลย"
Happy Mum Happy Me ไม่ได้เป็นเพียงร้านอาหาร แต่คือการถักทอความฝันของ "คุณแม่" ที่อยากเปิดร้านอาหารตามสั่ง ผสานกับวิสัยทัศน์ของ "ลูกชาย" ที่มองเห็นโอกาสในการชุบชีวิตบ้านหลังเก่าให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
ร้าน Happy Mum Happy Me เป็น Pet-friendly สามารถนำน้องหมาน้องแมวเข้ามาในร้านได้ หากแต่แนะนำให้โทร.มาสำรองที่นั่งล่วงหน้า เพื่อเอ็นจอยกับโมเมนต์รับประทานอาหารได้อย่างประทับใจที่สุด
มาสัมผัสความสุขจากทุกจานที่ปรุงด้วยใจ และร่วมเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว Happy Mum Happy Me ได้แล้ววันนี้ !
Happy Mum Happy Me
ซอยนวมินทร์ 42 แยก 25-1-1 แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม (MRT สถานีคู้บอน ต่อด้วยรถแท็กซี่)
เปิดเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 09.00-17.30 น.
โทร. 06-5156-6949



