อย่างที่ทราบกันดีว่า ‘กาแฟ’ นับเป็นหนึ่งในเครื่องดื่มยอดนิยมของคนทั่วโลก เนื่องด้วยรสชาติและกลิ่นหอมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ จึงไม่แปลกที่เครื่องดื่มชนิดนี้จะเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของคนส่วนใหญ่โดยเฉพาะการสอดรับกับไลฟ์สไตล์คนเมืองที่มีส่วนช่วยเติมเต็มความสดชื่นกระปรี้กระเปร่าให้กับร่างกายไปตลอดทั้งวัน แต่จะดีแค่ไหนถ้าคนดื่มสามารถเลือกจิบกาแฟแก้วโปรด ดื่มด่ำรสชาติที่ถูกใจในแบบของตัวเองได้ด้วย นั่นจึงเป็นเหตุผลหลักที่นำมาสู่การคิดค้นและคัดสรรเมล็ดกาแฟชั้นดี รังสรรค์ออกมาเป็นกาแฟแก้วพิเศษที่พร้อมเสิร์ฟความกลมกล่อมหอมกรุ่นให้คอกาแฟได้ลิ้มลอง


ครั้งนี้ BKK. จึงขอชวนเหล่า Coffee Lover ไปร่วมสัมผัสวัฒนธรรมการดื่มกาแฟของคนเมืองผ่านหลากหลายเมนูเครื่องดื่มสุดพิเศษที่ 5 ร้านกาแฟคุณภาพดี ย่านต่าง ๆ ในกรุงเทพฯ ซึ่งล้วนแล้วแต่คัดสรรเมล็ดกาแฟ House Blend เกรดพรีเมียมทั้งสิ้น รวมถึงแบรนด์กาแฟสายพันธุ์อาราบิก้า 100% ระดับมาตรฐานโลก จากประเทศออสเตรเลียอย่าง Gloria Jean’s Coffees ที่คุณไม่ควรพลาด ส่วนแต่ละร้านจะเป็นที่ไหนและมีความพิเศษอย่างไรบ้างนั้น ตามไปเช็คลิสต์พร้อม ๆ กันเลย

3

Gloria Jean’s Coffees

 

Gloria Jean's Coffees กับบรรยากาศภายในร้านที่ผสมผสานความเรียบง่ายด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้โทนสีน้ำตาลตัดกับสีดำ

ประเดิมร้านแรกกับการชวนทุกคนมาดื่มด่ำรสชาติกาแฟสไตล์ออสเตรเลียนกันที่ Gloria Jean's Coffees ร้านกาแฟคุณภาพดีที่โดดเด่นในเรื่องของรสชาติอันมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว มาพร้อมแนวคิดที่ต้องการอยากนำเสนอรสชาติกาแฟสไตล์ออสเตรเลียนมาสู่คนไทยให้ได้ลิ้มลองความอร่อย โดยคัดสรรเมล็ดพันธุ์กาแฟอาราบิก้า 100% จากทั่วทุกมุมโลกมาพิถีพิถันชงกาแฟที่อัดแน่นไปด้วยคุณภาพในทุก ๆ แก้วตามแบบฉบับของ Gloria Jean's Coffees


Gloria Jean's Coffees โดดเด่นด้วยการเป็น Coffee House ระดับพรีเมียมที่ประสบความสำเร็จในธุรกิจด้าน Franchise มากที่สุด จนในปัจจุบันได้ขยับขยายสาขากว่า 800 สาขาใน 50 ประเทศทั่วโลก โดยมีสาขาที่ประเทศไทย 11 สาขา ที่พร้อมมอบช่วงเวลาแห่งความสุขให้เหล่าคนรักกาแฟได้ลองมาสัมผัสวัฒนธรรมการดื่มกาแฟสไตล์ออสเตรเลียนที่มีหลากหลายเมล็ดกาแฟให้เลือกสรร พร้อมพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์เรื่องราวกาแฟร่วมกันกับบาริสต้าได้อย่างเป็นกันเอง
 

บริเวณเคาน์เตอร์บาร์กาแฟที่คุณลูกค้าสามารถสั่งกาแฟแก้วโปรดควบคู่กับเบเกอรีแสนอร่อย พร้อมร่วมพูดคุยบาริสต้าได้อย่างเป็นกันเอง

ด้วยคอนเซ็ปต์ของการเป็น Coffee House ทำให้ Gloria Jean's Coffees พร้อมเปิดต้อนรับผู้มาเยือนด้วยบรรยากาศของมุมที่นั่งสบาย ๆ อันแสนผ่อนคลาย ที่ผสมผสานความเรียบง่ายด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้โทนสีน้ำตาลตัดกับสีดำ ทำให้ทันทีที่ก้าวเข้ามาในร้านจะสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นพร้อมกลิ่นหอมกรุ่นของเมล็ดกาแฟหลากหลายรสชาติที่อบอวลอยู่ทั่วร้าน

 

หนึ่งในมุมที่นั่งจิบกาแฟสุดส่วนตัว

สำหรับความพิเศษของเมนูเครื่องดื่มจาก Gloria Jean's Coffees การันตีคุณภาพด้วยการคัดสรรเมล็ดกาแฟจาก 3 ทวีปหลักทั่วโลก ได้แก่ ละตินอเมริกา ทวีปแอฟริกา และเอเชียแปซิฟิก โดยมาพร้อมความพิเศษที่นอกจากจะชงกาแฟด้วยเครื่องเอสเพรสโซแล้ว ยังให้บริการกาแฟผ่านการชงแบบคลาสสิกอย่าง Syphon, Drip และ French Press อีกด้วย โดยจะให้รสชาติและกลิ่นกาแฟมีเอกลักษณ์ที่ชัดเจนมากขึ้น ที่ทาง Gloria Jean's Coffees พร้อมนำเสนอวัฒนธรรมการดื่มกาแฟสไตล์ออสเตรเลียนให้คุณได้เพลิดเพลินตลอดวัน

 

คัดสรรเมล็ดพันธุ์กาแฟอาราบิก้า 100% จากทั่วทุกมุมโลกมาใช้ในการชงกาแฟโดยเฉพาะ

 

ดื่มด่ำรสชาติกาแฟแก้วโปรดไปพร้อมกับกิจกรรมยามว่างที่คุณชื่นชอบได้อย่างสบาย ๆ

สัมผัสกลิ่นหอมกรุ่นของกาแฟแก้วแรกกับเมนู Hot Black Coffee (100 บาท) กาแฟดำที่ทางร้านเลือกใช้เมล็ดกาแฟ French Breakfast Blend ที่ผสมผสานการคั่วแบบเข้มและปานกลาง พร้อมเสิร์ฟมาด้วยวิธีการชงแบบ French Press ที่ให้สัมผัสรสชาติแบบเข้มข้นพร้อมกลิ่นหอมกรุ่นโดยไม่ผ่านฟิลเตอร์ใด ๆ นอกจากนี้ ทางร้านยังมีเมล็ดกาแฟให้เลือกอีกหลากหลายรสชาติ อาทิ Colombia Supremo, English Toffee, French Vanilla และอื่น ๆ อีกมากมาย


สำหรับเมนูกาแฟดำ ราคาจะขึ้นอยู่กับวิธีการชงที่ลูกค้าเลือก ได้แก่ French Press ราคา 100 บาท / Drip ราคา 120 บาท / Syphon ราคา 140 บาท
 

Hot Black Coffee (100 บาท)

อีกหนึ่งเมนูพิเศษของทางร้าน แนะนำ Very Vanilla Latte (120 บาท) กาแฟนมที่โดดเด่นด้วยส่วนผสมของรสชาติและกลิ่นหอมหวานของวานิลลาอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ Gloria Jean's Coffees โดยผสมผสานรสชาติหอมหวานเข้ากับกาแฟและนมออกมาได้เป็นอย่างดี ให้รสสัมผัสที่กลมกล่อม หอมละมุนแบบดื่มง่าย


สำหรับเมนู Very Vanilla Latte ราคาจะขึ้นอยู่กับขนาดแก้ว อาทิ แก้วเล็ก 120 บาท / แก้วกลาง 135 บาท / แก้วใหญ่ 155 บาท
 

Very Vanilla Latte (120 บาท)

ปิดท้ายด้วยเมนูเครื่องดื่มซิกเนเจอร์ของทางร้านอย่าง Voltage (130 บาท) กาแฟที่ผสมผสานความหอมหวานด้วยวานิลลาและนม พร้อมเพิ่มความกรุบกรอบด้วยการนำเมล็ดกาแฟอาราบิก้ามาปั่นรวมกันกับเครื่องดื่มที่เป็นสูตรพิเศษของทางร้าน แล้วราดด้วยเอสเพรสโซช็อตปิดท้าย ให้รสชาติเข้มข้น หอมกลมกล่อมที่ไม่เหมือนใคร


สำหรับเมนู Voltage ราคาจะขึ้นอยู่กับขนาดแก้ว อาทิ แก้วเล็ก 130 บาท / แก้วกลาง 150 บาท / แก้วใหญ่ 180 บาท
 

Voltage (130 บาท)

Gloria Jean's Coffees
ถนนสาทร-นราธิวาสราชนครินทร์ ซอย 9 
เปิดทุกวัน เวลา 07.00-20.00 น.
โทร. 0-2286-7231-2 
www.gloriajeanscoffees.co.th
www.facebook.com/GJCThailand

 

Wela Coffee Room หรือห้องกาแฟ 'เวลา' คาเฟ่ขนาดกะทัดรัดแห่งย่านรามคำแหง

สำหรับคอกาแฟคนไหนที่กำลังมองหาร้านกาแฟคุณภาพดี ต้องลองแวะมาที่ Wela Coffee Room ห้องกาแฟขนาดกะทัดรัดที่ขยับขยายจากโรงคั่วกาแฟ Wela Artisan Coffee Roaster มาสู่หน้าร้านบนถนนรามคำแหง 24 โดยมาพร้อมความตั้งใจอันดีที่อยากแบ่งปันเรื่องราวของกาแฟให้คนรักกาแฟสามารถดื่มกาแฟคุณภาพดีด้วยฝีมือตัวเองทุกวัน


ด้วยความที่เจ้าของร้านเชื่อว่าทุก ๆ กระบวนการของกาแฟ นับตั้งแต่การปลูกจนไปสู่เมนูเครื่องดื่มแก้วโปรดของใครหลายคน ล้วนมีความเกี่ยวข้องกับเวลา นับตั้งแต่การปลูก เก็บ หมัก ตากแห้ง คั่ว ตลอดจนถึงการชงและดื่ม จึงเป็นเหตุผลที่ทางร้านได้ใช้ชื่อร้านว่า Wela Coffee Room พร้อมต้อนรับผู้มาเยือนได้มาใช้ช่วงเวลาประทับใจไปกับเครื่องดื่มดี ๆ ในบรรยากาศอบอุ่นของห้องกาแฟ

FULL REVIEW
 

ตกแต่งร้านแบบเรียบง่ายในบรรยากาศอบอุ่น

Wela Coffee Room โดดเด่นด้วยการคัดสรรเมล็ดกาแฟหลากหลายสายพันธุ์จากแหล่งปลูกในไทยและต่างประเทศ นำมาคั่วอย่างพิถีพิถัน เพื่อให้ได้กลิ่นและรสสัมผัสที่เป็นเอกลักษณ์ตามแบบฉบับของ Wela Artisan Coffee Roaster โดยมีหลากหลายเมล็ดกาแฟให้เลือกสรรตามความต้องการ อาทิ บราซิล โคลัมเบีย เอธิโอเปีย และหลากหลายเมล็ดกาแฟจากทางภาคเหนือของไทย

 

เมล็ดกาแฟคั่วเองและอุปกรณ์ชงกาแฟหลากหลายแบบของทางร้านที่วางเรียงรายบนชั้นให้คุณลูกค้าได้เลือกสรร

เริ่มต้นรสชาติกาแฟที่ใช่ไปกับเมนู Filter (Drip) Coffee (80++ บาท) กาแฟดริป ที่ทางร้านมีเมล็ดกาแฟให้เลือกหลากหลายแบบ ทั้งเมล็ดกาแฟไทยและเมล็ดกาแฟนำเข้า โดยจะให้กลิ่นและรสสัมผัสที่แตกต่างกันออกไป อาทิ กลิ่นช็อกโกแลตจากกาแฟบราซิล กลิ่นผลไม้จากกาแฟเอธิโอเปีย หรือกลิ่นหอมหวานสดชื่นของผลไม้ไทย ๆ เช่น ขนุน ลำไย จากกาแฟภาคเหนือของไทย โดยจะสัมผัสได้ถึงความหอมกรุ่นของกลิ่นกาแฟคั่วเข้มได้เป็นอย่างดี

 

Filter (Drip) Coffee (80++ บาท)

อีกหนึ่งเมนูแนะนำ ต้องลอง Latte (70 บาท) ลาเต้ร้อน ที่มีความพิเศษอยู่ที่ทางร้านเลือกใช้เมล็ดกาแฟแบบคั่วกลาง Blend รสชาติจาก 3 แหล่ง ได้แก่ ไทย พม่า และโคลัมเบีย โดยให้รสสัมผัสหอมนุ่มของกลิ่นกาแฟในโทนน้ำตาลทรายแดงและคาราเมล ผสมผสานความลงตัวระหว่างกาแฟและนมออกมาได้เป็นอย่างดี ดื่มง่าย ให้รสชาติกลมกล่อม หอมนุ่มละมุน

 

Latte (70 บาท)

ปิดท้ายด้วยเมนูพิเศษอย่าง Iced Palm Sugar Latte (80 บาท) ที่ทางร้านคิดค้นขึ้นมาสำหรับคนชอบทานกาแฟที่มีรสชาติหวาน โดยเลือกใช้กาแฟคั่วกลางผสมกับน้ำตาลโตนดแท้ ที่ทางร้านได้มาจากแหล่งผลิตน้ำตาลจังหวัดเพชรบุรี โดยให้รสชาตินุ่มละมุนผสมความหอมกรุ่นของกาแฟและน้ำตาลโตนด เสิร์ฟมาพร้อมแผ่นเกล็ดน้ำตาล ที่ช่วยเพิ่มความหอมหวานเข้ากันได้เป็นอย่างดี

 

Iced Palm Sugar Latte (80 บาท)

Wela Coffee Room
ถนนรามคำแหง 24 แยก 2 เขตบางกะปิ
เปิด วันอังคาร-ศุกร์ เวลา 07.30-15.30 น. และวันเสาร์ เวลา 09.00-17.00 น.
โทร. 06-5146-5546
www.welacoffeeroaster.com
www.facebook.com/welacoffeeroaster

 

Blacksmith คาเฟ่กึ่งบาร์ที่มาพร้อมความดิบเท่ในบรรยากาศของโรงตีเหล็ก

สัมผัสความดิบเท่ไปกับคาเฟ่กึ่งบาร์ในบรรยากาศของโรงตีเหล็กแห่งย่านอารีย์ ที่ร้าน Blacksmith มาพร้อมความพิเศษ 2 ช่วงเวลา โดยช่วงกลางวันจะเปิดเป็นคาเฟ่ ส่วนหลังจากช่วงพระอาทิตย์ตกดิน ทางร้านจะถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นร้านอาหารและค็อกเทลบาร์สุดชิค บรรยากาศของร้านถูกออกแบบมาในสไตล์ Industrial Loft ผสมผสานกลิ่นอายความเป็น Colonial รวมอยู่ด้วย มาพร้อมความโดดเด่นด้านโครงสร้างสถาปัตยกรรมของประตูโค้งสีดำและป้ายร้านเหล็กสีทองแดงแบบสะดุดตา ซึ่งถูกตกแต่งด้วยชุดพรมหนังสัตว์ และลานหินกรวดสีน้ำตาลบริเวณกลางร้าน ได้บรรยากาศเหมือนนั่งจิบเครื่องดื่มและทานอาหารอยู่กลางสวนโอเอซิสแถบทะเลทราย สื่อถึงความหรูหราที่ผสมผสานความดิบเท่ออกมาได้เป็นอย่างดี 

FULL REVIEW
 

บรรยากาศภายในร้าน เต็มไปด้วยการตกแต่งด้วยชุดพรมหนังสัตว์

ในส่วนของเมนูเครื่องดื่มนั้น ร้าน Blacksmith ได้เน้นการคัดสรรวัตถุดิบที่ดีนำมาครีเอตในทุกเมนู รวมไปถึงการเลือกใช้เมล็ดกาแฟ House Blend คุณภาพดีอย่าง Black Smith Blend ที่มีส่วนผสมของเมล็ดกาแฟจากดอยผาตั้ง กัวเตมาลา และเอธิโอเปีย นำมาใช้สำหรับครีเอตเมนูเครื่องดื่มกาแฟดำ และ White Smith Blend ที่ใช้เมล็ดกาแฟจากดอยสะเก็ด ผสมผสานรสชาติด้วยเมล็ดกาแฟลาวและบราซิล โดยนำมาใช้กับเมนูเครื่องดื่มกาแฟนม ทำให้กาแฟของทางร้านมีรสชาติโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร

 

ทางร้านเน้นการใส่ใจในทุกรายละเอียดของแต่ละเมนูด้วยวัตถุดิบคุณภาพดี

เริ่มความอร่อยกันที่เมนูซิกเนเจอร์รสชาติแปลกใหม่อย่าง Undead (250 บาท) เมนูกาแฟดำที่ถูกครีเอตออกมาแบบสูตรเฉพาะของทางร้าน โดยมีส่วนผสมของกาแฟเอสเพรสโซคั่วกลางผสมกับน้ำผึ้งป่าอย่าง Black Forest Honey ที่ผสานความหอมสดชื่นด้วยน้ำส้มยูซุ และ Infuse Tea ให้รสชาติของกาแฟแบบเข้มข้น เข้ากันดีกับความหอมหวานของน้ำผึ้งและรสเปรี้ยวนิด ๆ ของส้มยูซุได้อย่างลงตัว

 

Undead (250 บาท)

สำหรับใครที่ชอบดื่มกาแฟนม แนะนำ Dirty Honey (180 บาท) กาแฟนมผสมน้ำผึ้ง โดดเด่นด้วยการนำน้ำผึ้ง Black Forest Honey มาผสมกับกาแฟเอสเพรสโซและนม โดยจะสัมผัสได้ถึงความนุ่มละมุนของกาแฟพร้อมกับกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของน้ำผึ้งที่ลงตัว

 

Dirty Honey (180 บาท)

Blacksmith 
อารีย์ซอย 3 เขตพญาไท
เปิดทุกวัน เวลา 11.00-18.00 น.
โทร. 09-4698-3636
www.facebook.com/BlacksmithAri

6

Single Lane Specialty Coffee

FULL REVIEW
 

Single Lane Specialty Coffee กับบริเวณโซนหน้าบาร์กาแฟ

สำหรับคอกาแฟคนไหนที่กำลังมองหาร้านนั่งจิบกาแฟ พร้อมพูดคุยกับบาริสต้าในบรรยากาศสบาย ๆ ขอแนะนำ Single Lane Specialty Coffee พื้นที่เล็ก ๆ ที่ยกเอาบรรยากาศและรสชาติของกาแฟแบบ Australian Style มาไว้ยังใจกลางย่านพระโขนง พร้อมด้วยโครงสร้างการออกแบบภายในร้านที่มีความลึกเข้าไปด้านในคล้ายกับเลนถนน เมื่อบวกกับการคัดสรรเมล็ดกาแฟที่ทางร้านเน้นเสิร์ฟเป็นพิเศษในรูปแบบของ Single Origin ด้วยแล้ว จึงถูกนำมาเป็นกิมมิกในการตั้งชื่อร้านที่ใช้ชื่อว่า Single Lane นั่นเอง

FULL REVIEW
 

ภายในร้านถูกออกแบบให้มีความลึกเข้าไปคล้ายกับเลนถนน

ด้วยประสบการณ์การเป็นบาริสต้าที่ออสเตรเลียถึง 4 ปี ของ คุณโอและคุณเมย์-เจ้าของร้าน ทั้งคู่จึงตัดสินใจกลับมาร่วมกันปลุกปั้นร้านกาแฟเล็ก ๆ สไตล์ Australian ที่ทั้งเท่และอบอุ่นไปพร้อม ๆ กัน ในส่วนของกาแฟทางร้านเน้นเสิร์ฟเมนูกาแฟที่เบลนด์จากเมล็ดกาแฟแบบ Single Origin ที่จะสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาให้คุณลูกค้าได้ลองชิมทุกอาทิตย์ โดยเลือกใช้เมล็ดกาแฟจากหลากหลายประเทศที่คุณโอและคุณเมย์คัดเลือกมาด้วยตัวเอง โดยเฉพาะเมล็ดคั่วอ่อนไปจนถึงคั่วกลางเพื่อให้ได้รสชาติแนว Fruity ที่ Body ไม่หนักจนเกินไปตามสไตล์ Australian แต่หากใครที่ชอบเมล็ดกาแฟสายพันธุ์ของไทย ทางร้านก็มีเมล็ดกาแฟจากจังหวัดเชียงใหม่และเชียงรายมาให้ได้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกด้วยเช่นกัน 

 

สามารถเลือกเมล็ดกาแฟที่ชอบก่อนจะนำไปดริปได้เลย

มาถึงที่ร้านต้องลองดื่มเมนูคลาสสิกอย่างกาแฟดริป Drip Coffee (160 บาท) สำหรับแก้วนี้ ทางร้านเลือกใช้เมล็ดกาแฟคั่วกลางจาก Colombia โรงคั่วที่ซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งให้รสชาติและกลิ่นแนว Fruity ดื่มง่ายคล้ายกับการดื่มชา เหมาะกับคนเพิ่งเริ่มดื่มกาแฟอย่างมาก

 

Drip Coffee (160 บาท)

ต่อมาเป็นแก้วไฮไลต์ของร้าน มีชื่อว่า Magic (100 บาท) เบสรสชาติด้วย Double Ristretto สัดส่วน 3/4 ของแก้ว หรือเป็นการใช้ส่วนสกัดแค่ต้นช็อตเท่านั้น จึงมีรสชาติที่เข้มและ Body แน่นกว่าปกติ 

 

Magic (100 บาท)

อีกหนึ่งแก้วแนะนำคือ Summerest (150 บาท) เครื่องดื่ม Refreshing ที่มีส่วนผสมของกาแฟ Cold Brew สูตรเฉพาะของทางร้านที่ใช้เมล็ดกาแฟจากอำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ ก่อนจะเชคเข้ากับชาพีชและน้ำลูกพรุน พร้อมตกแต่งแก้วด้านบนด้วยพุทราเชื่อม

 

Summerest (150 บาท)

Single Lane Specialty Coffee
ซอยปรีดี พนมยงค์ 3, สุขุมวิท 69 เขตวัฒนา
เปิด วันจันทร์-ศุกร์ (ปิดทุกวันพุธ) เวลา 08.30-17.30 น. และวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 09.00-18.00 น.
โทร. 06-2525-4662
www.facebook.com/SINGLELANE.BKK

 

YEAST WORKS กับโซนช็อปเมล็ดกาแฟที่คุณสามารถเลือกซื้อกลับบ้านได้ตามความชอบ

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่หลงใหลในรสชาติอันหลากหลายมิติของเมล็ดกาแฟที่ผ่านการคัดสรรมาเป็นอย่างแล้วละก็ แนะนำให้ลองแวะมาที่ร้าน YEST WORKS Coffee Shop คาเฟ่ขนาดกะทัดรัดที่เต็มไปด้วยเมล็ดกาแฟชั้นดีพร้อมให้คุณได้เลือกชิมตามความชอบ ภายใต้คอนเซ็ปต์ 'Find Your Best Coffee' กับการตามหารสชาติกาแฟที่ดีที่สุดด้วยตัวคุณเอง

FULL REVIEW
 

คุณทัตสึยะ-เจ้าของร้าน

ตัวร้านตกแต่งร้านในสไตล์เรียบง่ายและเสริมความเท่ด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้สีเข้มและโทนสีดำ โดดเด่นด้วยขวดสีชาที่วางเรียงรายอยู่บนชั้น ซึ่งทางร้านเลือกนำมาใช้สำหรับใส่เมล็ดกาแฟหลากหลายชนิด  ทาง คุณทัตสึยะ-เจ้าของร้าน เล่าให้ฟังว่าเมล็ดกาแฟเหล่านี้ เขาเป็นผู้เสาะหาและเทสต์รสชาติด้วยตัวเอง ก่อนจะนำมาคั่วที่ร้านเพื่อให้ได้ระดับการคั่วที่ตรงตามต้องการ


ในส่วนของเมนูกาแฟ ทางร้านเน้นเสิร์ฟเมนูกาแฟดริป ที่ให้คนดื่มได้เลือกเมล็ดกาแฟได้ถึง 12 ชนิด และระดับการคั่วได้ถึง 8 ระดับ เริ่มที่เมนูแรกกับ Acaba (140 บาท) กาแฟดริปที่ใช้เมล็ดกาแฟจากจังหวัดเชียงใหม่ คั่วระดับอ่อนแต่ให้รสสัมผัสและกลิ่นหอม ๆ แบบ Nutty ผสมกับ Fruity ดื่มง่าย พร้อมเสิร์ฟมาในรูปแบบของกาแฟเย็น

 

Acaba (140 บาท)

จากนั้นมาต่อกันที่กาแฟดริปร้อนที่มีชื่อว่า Doi Mork (170 บาท) โดยเป็นกาแฟดริปที่เลือกใช้เมล็ดกาแฟจากจังหวัดเชียงใหม่ คั่วเองที่ร้านจนได้ระดับกลางค่อนไปทางอ่อน รสชาติที่ได้จึงเป็นแบบ Nutty ดื่มง่าย ถูกใจคนชอบดื่มกาแฟร้อนแน่นอน

 

Doi Mork (170 บาท)

สำหรับแก้วสุดท้ายนั้น เป็นเมนูกาแฟนมสุดคลาสสิกอย่าง Latte (100 บาท) ที่ทางร้านเลือกใช้เมล็ด Abodo จากจังหวัดเชียงราย คั่วในระดับที่ค่อนข้างอ่อน ทำให้เมื่อนำไปผสมกับนมสดแล้วได้รสชาติที่นุ่มละมุน 

 

Latte (100 บาท)

YEAST WORKS
ซอยสุขุมวิท 23 เขตวัฒนา
เปิด วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 07.00-18.00 น. และวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 10.00-18.00 น.
โทร. 06-3843-0227
www.facebook.com/YESTWORKS


จะเห็นได้ว่าร้านกาแฟคุณภาพดีของเมืองไทยก็สามารถถ่ายทอดความเป็น Coffee Culture ได้มีเสน่ห์ไม่แพ้ชาติใดในโลก โดยแต่ละร้านต่างเลือกนำเสนอความโดดเด่น ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของวัตถุดิบ รสชาติ และบรรยากาศของการดื่มกาแฟอย่างเป็นเอกลักษณ์ ทั้งหมดทั้งมวลนี้ก็เพื่อให้คอกาแฟชาวไทยได้สัมผัสโมเมนต์ของการละเลียดความสุขจากการได้ดื่มกาแฟที่ใช่ ตรงใจอย่างแท้จริง