พาชม Warehouse 30 คอมมูนิตี้สร้างสรรค์ในย่านเจริญกรุง

Published on February 15, 2018

นับได้ว่าเป็นการเพิ่มมนต์เสน่ห์ให้กับย่านเจริญกรุงอย่างแท้จริงสำหรับ Warehouse 30 ครีเอทีฟ คอมมูนิตี้ คอมเพล็กซ์ แห่งใหม่ที่ตั้งอยู่ในซอยเจริญกรุง 30 อีกหนึ่งโปรเจ็กต์สุดสร้างสรรค์ของ คุณดวงฤทธิ์ บุนนาค สถาปนิกและนักออกแบบชื่อดังของไทยที่เคยฝากผลงานไว้กับโครงการ The Jam Factory มาแล้ว โดยครั้งนี้เขาและ คุณรังสิมา กสิกรานันท์ อดีตบรรณาธิการ Elle Decor ได้ร่วมกันการแปลงโฉมโกดังเก่าให้กลายมาเป็นแหล่งแฮงก์เอาท์สุดฮิป ที่รวบรวมร้านอาหาร คาเฟ่ ช็อปสินค้าหลากหลายประเภท ไปจนถึงโรงฉายหนัง และเป็นพื้นที่ Co-Working Space ให้ทุกคนได้มาเดินช้อป ชิม ชิลล์ หรือร่วมสนุกกับกิจกรรมต่าง ๆ ทั้งในวันธรรมดาและช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ส่วนด้านในจะมีสิ่งที่น่าสนใจอะไรบ้างนั้น ตาม BKKMENU.com ไปสำรวจพร้อม ๆ กันเลย



One Big House Creative Workspace

 

เมื่อดูจากภายนอกก็จะเห็นได้ว่า Warehouse 30 คงคอนเซ็ปต์ของการเป็นโกดังสไตล์ดิบ ๆ เท่ ๆ ของโครงเหล็กและสังกะสี โทนสีเทา-ส้มไว้ได้สมชื่อ ส่วนภายในโกดังนั้น แบ่งพื้นที่ออกเป็น 7 โกดังหลัก ๆ โดยสร้างคาแรกเตอร์ของแต่ละโซนเพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกันของกลุ่มคน แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า ทุก ๆ โซนจะโดดเด่นด้วยโคมไฟห้อยและบริเวณด้านหน้าจะกั้นด้วยกระจกใสขนาดใหญ่ แบ่งสัดส่วนของแต่ละโกดังไว้ได้อย่างชัดเจน เริ่มกันที่โซนแรกคือ โกดัง 1 และ 2 ซึ่งเป็นพื้นที่สำหรับรองรับการจัดกิจกรรมเวิร์คช็อป เป็น Co-Working Space เป็นเวทีเสวนา หรือใช้เป็นห้องประชุม โดยสามารถดัดแปลงเพื่อทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้หลากหลายรูปแบบ



1. Food & Beverage Zone

เมื่อกองทัพต้องเดินด้วยท้อง โซนที่ 2 ที่จะพาไปเช็คอินกันต่อจึงเป็นเรื่องของอาหารการกินโดยบริเวณ โกดัง 5 เป็นโซนที่จะทำให้ทุกคนได้อิ่มหนำสำราญไปกับอาหารและเครื่องดื่มหลายประเภท โดยทางโครงการก็ได้มีการรวบรวมร้านอาหาร คาเฟ่ และบาร์ ร้านต่าง ๆ มาให้ได้เลือกทาน เลือกดื่ม ละเลียดความสุขจากการทานของอร่อยระหว่างวันแบบชิลล์ ๆ ซึ่งแต่ละร้านมีพื้นที่กว้างขวางและเชื่อมโยงทั่วถึงกัน เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะสั่งจากร้านไหนมาทานก็สามารถเลือกนั่งมุมเก๋ ๆ ได้ตามชอบ


Coffee Roaster by Li-bra-ry

 

ส่วนร้านที่ขอแนะนำให้ลองมาทานกันในช่วงเปิดโครงการนี้ ร้านแรกคือ Coffee Roaster by Li-bra-ry ร้านกาแฟชื่อดังจากทีมไล-บรา-ลี่ ที่มีไฮไลท์เป็นเครื่องคั่วกาแฟสดขนาดยักษ์อยู่กลางร้าน ซึ่งดูแลและควบคุมการผลิตเครื่องดื่มโดย คุณเป็ม-พลวิทย์ เภตรา โดยมีการนำเอาเมนูกาแฟยอดนิยม รวมถึงหลากหลายเมนูเครื่องดื่มและขนมเบเกอรี่ที่มีกลิ่นอายอันเป็นเอกลักษณ์ของทางไล-บรา-ลี่มาไว้ที่นี่ด้วย  (ภายในโซนนี้ยังครอบคลุมไปถึง Summer Heath บาร์เครื่องดื่มโดย คุณก๊อตจิ-ธีรดนย์ ดิสระ บาร์เทนเดอร์จากร้าน The Never Ending Summer ซึ่งสามารถตามมาจิบเครื่องดื่มแก้วโปรดกันได้

 

สำหรับเมนูที่ต้องลอง ได้แก่ Coffee Roaster by Li-Bra-ry Espresso Tonic (150 บาท) เป็นกาแฟดำที่นำช็อตเอสเพรสโซ่ราดลงบนโทนิค ให้ความซ่าเหมือนดื่มโซดา ก่อนจะท็อปด้านบนด้วยเลม่อน แล้วเพิ่มความหวานนิดหน่อยด้วยไซรัปสูตรพิเศษจากทางร้าน เมื่อผสมผสานกันรสชาติที่ได้จึงออกมาเป็นกาแฟขมปนหวาน และให้ความซ่าเหมือนดื่มโซดา ตามมาด้วย Sweet Morning (120 บาท) ชาดำผสมกับไซรัปที่มีหอมของกลิ่นชินนาม่อน ให้รสชาติหวานนิด ๆ เหมาะสำหรับคนที่ไม่ดื่มชารสขมมากนัก หรือจะเป็น Spice Afternoon (120 บาท) ชาดำผสมกับจิงเจอร์ เอล จนได้เครื่องดื่มที่มีรสชาติซ่า ๆ และความเผ็ดร้อนของขิง แต่ถ้าใครไม่ถนัดดื่มชา-กาแฟ ต้องแก้วนี้ WTF Chocolate (180 บาท) ช็อคโกแลตปั่นที่มีส่วนผสมของช็อคโกแลตเวเฟอร์หลายชนิด อาทิ Ferrero Rocher, Kit Kat รวมทั้งผงโกโก้ และไอศกรีมช็อคโกแลตลงไปด้วย ให้รสช็อคโกแลตเข้มข้น โดนใจคนรักช็อคโกแลตไปเต็ม ๆ 

 

Coffee Roaster by Li-bra-ry 
โครงการ Warehouse 30 (โกดัง 5)
เปิดทุกวัน เวลา 11.00 - 20.00 น.


The Fox & The Moon Cafe

 

มาถึงคิวของร้านที่ 2 ที่ห้ามพลาดกันบ้างกับ The Fox & The Moon Cafe คาเฟ่ซุป สลัด และเมนูเพื่อสุขภาพ สไตล์โฮมเมดของ คุณแพร-พิมพ์ลดา ไชยปรีชาวิทย์ เจ้าของร้านและพิธีกรสาวมากความสามารถที่รักการทำอาหารเป็นชีวิตจิตใจ โดยครีเอทหลากเมนูซุปในคอนเซ็ปต์ Soup Bar & Brunch ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น นอกจากเรื่องความโดดเด่นของซุปแล้ว ยังมีเมนูใหม่ มากมายที่พร้อมเสิร์ฟความอร่อยให้ทุกคนที่มาเยือน Warehouse 30 ได้ลิ้มลองโดยเฉพาะ


 

The Fox & The Moon Cafe

เมนูแนะนำ เริ่มจาก The Moon Soup (200 บาท) ซิกเนเจอร์เมนูของทางร้านที่เมื่อทุกคนได้ทานจะต้องนึกถึง The Fox & The Moon แน่นอน โดยจานนี้เป็นการครีเอทซุปหมึกดำให้สื่อถึงท้องฟ้ายามค่ำคืน พร้อมเพิ่มเท็กซ์เจอร์ให้น้ำซุปเข้มข้นกลมกล่อมด้วยเนื้อปูทะเลและหอมใหญ่ที่มีรสหวานธรรมชาติ แล้วตอกไข่แดงลวกลงไปแทนสัญลักษณ์ของพระจันทร์ เวลาทานให้ตักทานพร้อมกันจะได้รสชาติที่เข้ากัน ตามมาด้วย ควินัวร์ปักษ์ใต้ (180 บาท) สลัดควินัวร์ที่ดัดแปลงมาจากเมนูข้าวยำสมุนไพรของคนใต้ โดยนำควินัวร์มาเสนอในรูปของข้าวยำสมุนไพรไทย ที่โดดเด่นด้วยผักพื้นบ้านผักติ้ว หรือยอดมะกอก ถั่วพู ตะไคร้ซอย เมล็ดทับทิม มะพร้าวคั่ว ฯลฯ แต่คลุกเคล้าด้วยบาซามิก น้ำสลัดที่ทางร้านทำขึ้นเอง เป็นการมิกซ์รสชาติไทยกับสไตล์ตะวันตกไว้ได้อย่างลงตัว ส่วนใครที่ชอบทานแซนด์วิช ต้องลอง Pulled-Pork Panini (220 บาท) แซนด์วิชแบบกดที่รวมรสชาติความหลากหลายของวัตถุดิบไว้ในแผ่นเดียว ได้แก่ เนื้อหมูนุ่ม ๆ ที่ตุ๋นด้วยไฟอ่อนมาพร้อมกับความหอม เปรี้ยวอมหวานของแอปเปิ้ลฟูจิที่ฝานเป็นชิ้นบาง ๆ แล้วราดด้วยเชดดาชีส และซอสสูตรพิเศษ ก่อนจะปิดท้ายด้วยเมนูของหวานอย่าง S’More (180 บาท) มาร์ชเมลโล่ย่างหอม ๆ ผสานด้วยรสชาติเข้มข้นของช็อคโกแลต แล้วราดด้วยคาราเมลสูตรเฉพาะ ก่อนจะทานคู่กับกับขนมปัง Sourdough เบคอน เพื่อเป็นการมิกซ์รสชาติหวาน เค็ม พร้อมความหอม และความกรอบ เข้าไว้ด้วยกัน

 

The Fox & The Moon Cafe
โครงการ Warehouse 30 (โกดัง 5)
เปิดทุกวัน เวลา 11.00 - 21.00 น.
โทร. 084-020-3007
www.facebook.com/TheFoxandTheMoonCafe




2. Concept Stores

 

เมื่ออิ่มท้องกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลาเดินช้อปปิ้งกันต่อในโซนของร้านค้าช็อปต่าง ๆ ที่ตั้งอยู่ภายใน โกดัง 4, 6 และ 7 ที่ประกอบไปด้วยร้านเสื้อผ้า ร้านขายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ร้านขายของตกแต่งบ้าน ร้านขายอุปกรณ์เกี่ยวกับมอเตอร์ไซค์ ร้านหนังสือ ร้านดอกไม้ ร้านแผ่นเสียง ร้านขายของสะสม และร้านขายสินค้าออร์แกนิค เป็นต้น ไม่ว่าจะเป็นนักช้อปสายไหนรับรองว่าได้ของที่ถูกใจติดไม้ติดมือกลับไปแน่นอน


 

 

Lonely Two Legged Creature ช็อปแบรนด์เสื้อผ้าแฟชั่นของคนไทยในเครือของ The Jam factory ที่เลือกใช้ผ้าคุณภาพดีนำเข้าจากญี่ปุ่น คัทติ้งเนี้ยบสวย ออกแบบโดยดีไซเนอร์คนไทย เหมาะกับทุกเพศทุกวัย เพราะที่นี่เขาผลิตออกมาแบบไม่เน้นกลุ่มลูกค้า ไม่มีคอลเล็คชั่นที่ตายตัว ในทุก ๆ สัปดาห์ทางร้านจะมีสินค้าใหม่มาแนะนำไม่ซ้ำแบบ ซึ่งจะเลือกนำเสนอตามธีมที่ทีมครีเอทขึ้นมาโดยเฉพาะตามคอนเซ็ปต์ผ้าเนื้อดี ดีไซน์สวย สวมใส่ได้ทุกวัน นอกจากเสื้อผ้าหลากดีไซน์แล้วภายในร้านยังมีเครื่องประดับ กระเป๋า รองเท้า ให้ได้เลือกช้อปอีกด้วย เรียกได้ว่าคุ้ม ครบจบในช็อปเดียวจริง ๆ 

 

Lonely Two Legged Creature
โครงการ Warehouse 30 (โกดัง 4)
เปิดทุกวัน เวลา 11.00 - 20.00 น.
โทร. 095-951-4701
www.facebook.com/lonelytwoleggedcreature


Wallflowers

 


Wallflowers
 หรือ Oneday Wallflowers ร้านดอกไม้สไตล์คราฟท์ โดยฝีมือของ คุณลักษณ์- ณัฐพัชร สุริยะ ผู้เป็นเจ้าของร้าน ซึ่งถ้าใครที่ชื่นชอบงานดอกไม้อยู่แล้วอาจจะคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีกับสไตล์การจัดดอกไม้ของที่นี่ ที่เน้นความเป็นธรรมชาติ การเลือกใช้ดอกไม้รูปทรงสีสันแปลกตา ผสมผสานไอเดียที่แตกต่างด้วยการใช้ดอกไม้หลาย ๆ เมืองหนาว ดอกหญ้า ดอกไม้ป่า หรือแม้กระทั่งดอกไม้ริมทาง รวมถึงกิ่งไม้ ใบไม้ ผลไม้ป่าแปลก ๆ มาจัดเป็นช่อได้อย่างสวยงาม เป็นการหยิบจับทุกสิ่งอย่างมาใช้โดยไม่มีรูปแบบตายตัว สร้างความแปลกใหม่ทุกครั้งที่ดอกไม้เหล่านั้นส่งถึงมือผู้รับ แต่เดิมร้านจะตั้งอยู่ที่ซอยนานา ย่านเยาวราช การมาเปิดช็อปใหม่ที่โครงการ Warehouse 30 ในครั้งนี้จึงนับเป็นข่าวดีสำหรับแฟน ๆ Oneday Wallflowers ที่ติดตามผลงานหรือใช้บริการกับทางร้านเป็นประจำอยู่แล้วซึ่งจะได้มีแหล่งช้อปใหม่ สะดวกสบายมากขึ้น  

 

Wallflowers
โครงการ Warehouse 30 (โกดัง 6)
เปิดทุกวัน เวลา 11.00 - 20.00 น.
โทร. 094-661-7997
www.facebook.com/onedaywallflowers


Bespoke Living Shop

 

Bespoke Living Shop งานดีไซน์และสินค้าตกแต่งบ้าน ที่คัดสรรโดย คุณรังสิมา กสิกรานันท์ Curator และ Interior Stylist ผู้มีประสบการณ์ในวงการ Design และ Decoration กว่า 20 ปีบริเวณโซนนี้มีลักษณะเป็นมาร์เก็ตเพลสขนาดใหญ่ที่นำสินค้ามัลติแบรนด์หลากหลายสไตล์มาวางให้คุณเลือกชม ตั้งแต่เครื่องใช้เซรามิก ร้านหนังสือ เครื่องเล่นแผ่นเสียง ไปจนถึงของประดับ
ตกแต่งบ้านหลากหลายรูปแบบ

 

Bespoke Living Shop
โครงการ Warehouse 30 (โกดัง 7)
เปิดทุกวัน เวลา 11.00 - 20.00 น.


Raw & Real

 

Raw & Real ช็อปน้ำผักผลไม้ปั่นเพื่อสุขภาพ ที่ตั้งอยู่ในโซนมาร์เก็ตเพลส ประเภทสินค้าออร์แกนิก โดยสามารถเลือกซื้อน้ำผักผลไม้สดชนิดต่าง ๆ กลับบ้าน หรือจะนั่งดื่มที่เคาน์เตอร์บาร์ก็เรียกความสดชื่นระหว่างวันได้ดีไม่แพ้กัน

 

Raw & Real
โครงการ Warehouse 30 (โกดัง 7)
เปิดทุกวัน เวลา 11.00 - 20.00 น.


Organic Supply

 

Organic Supply  ร้านค้าออร์แกนิกชื่อดังจากย่านเลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทราที่ยกช็อปมาไว้ที่โครงการ Warehouse 30 อีกเช่นเดียวกัน มาพร้อมกับคอนเซ็ปต์และบรรยากาศที่คุ้นเคยโดยเลือกใช้เคาน์เตอร์ไม้ ชั้นวางไม้สีอ่อน Packaging สีเขียวแทนความเป็นธรรมชาติ และตกแต่งออกมาอย่างเรียบง่ายเช่นเดิม และแน่นอนว่าทางร้านยังคงรวบรวมผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ 100 เปอร์เซ็นต์ประเภทต่าง ๆ มาให้ Organic Lover ทั้งหลายได้เลือกช้อป ตั้งแต่วัตถุดิบที่ใช้สำหรับทำอาหาร อาหารแห้ง สกินแคร์ ไปจนถึงถุงผ้าอันเป็นสัญลักษณ์ของทางร้านให้ได้เลือกซื้อ
ติดไม้กลับบ้านไปอย่างจุใจ
 

Organic Supply
โครงการ Warehouse 30 (โกดัง 7)
เปิดทุกวัน เวลา 11.00 - 20.00 น.
โทร. 02-101-6410
www.facebook.com/organicsupply.bkk




3. Screening Room & Multi-Functional Creative Space

 

โซนสุดท้าย บริเวณด้านในสุดของ โกดัง 7 ถูกจัดให้เป็นพื้นที่ฉายภาพยนตร์อิสระหลากหลายแนว ภายใต้การดูแลและบริหารจัดการของ คุณธิดา ผลิตผลการพิมพ์ โดยทีม Documentary Club โดยบรรยากาศภายในนั้นสร้างความสะดุดตาด้วยเก้าอี้หลากสีสันให้คนที่เข้าชมภาพยนตร์ได้เลือกนั่งตามชอบ ตรงไหนก็ได้ในราคาเดียว อีกทั้งในโซนนี้ยังจัดให้เป็นพื้นที่อเนกประสงค์ที่สามารถดัดแปลงใช้ในการจัดกิจกรรมเวิร์คช็อปได้อีกด้วย

 

Documentary Club
โครงการ Warehouse 30 (โกดัง 7)
เปิดทุกวัน เวลา 11.00 - 20.00 น.
โทร. 02-101-6410
www.facebook.com/DocumentaryClubTH



มีครบทุกอย่างแบบนี้ ใครที่ชอบอัพเดทเทรนด์ใหม่ ๆ คงพลาดไม่ได้ที่จะลองไปสัมผัส Warehouse 30 พื้นที่เก๋ ๆ แห่งใหม่นี้ดูสักครั้ง

 

Warehouse 30 (Creative Community Complex)
50-60 ถนนเจริญกรุง เขตบางรัก 
เปิดทุกวัน เวลา 11.00 - 22.00 น.
โทร. 084-364-8289
www.facebook.com/TheWarehouse30

Video Story