Modern-Thai Fine Dining Michelin Star
Sra Bua by Kiin Kiin ร้านอาหารไทยในรูปแบบ Fine Dining ตั้งอยู่ภายใน โรงแรมสยามเคมปินสกี้ กรุงเทพฯ หนึ่งในร้านอาหารไทยคุณภาพที่ได้รับรางวัลการันตี 1 Michelin Star จาก Michelin Guide และติดอันดับ 1 ใน 50 Asia’s 50 Best Restaurants ในปี 2014 ด้วยเอกลักษณ์การสร้างสรรค์อาหารที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร นำเสนอรสชาติอาหารไทยรูปแบบใหม่ ที่ใช้เทคนิคการปรุงสมัยใหม่ (Global Cooking Techniques) จากทั่วทุกมุมโลกมาผสมผสานเข้ากับวัตถุดิบไทยได้อย่างน่าสนใจ
ร้านอาหารแห่งนี้ได้รับแรงบันดาลใจและความร่วมมือกันระหว่าง มิชลินสตาร์เชฟ-เฮนริค อูล แอนเดอร์เซน แห่งร้านอาหาร Kiin Kiin เมืองโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก ร้านอาหารไทยแห่งเดียวในโลกที่ได้รับรางวัล Michelin Star และ มิชลินสตาร์เชฟ-ชยวีร์ สุจริตจันทร์ จากห้องอาหาร Sra Bua by Kiin Kiin นำเอาวัตถุดิบท้องถิ่นประจำฤดูกาลมาสร้างสรรค์เป็นอาหารไทยแนวใหม่ที่เรียกว่า Modern Gastronomy สุดครีเอทีฟ พร้อมเสิร์ฟเมนูทั้งแบบคอร์สและแบบ a la carte
Elements of Thai Decoration
สไตล์การตกแต่งร้านเติมเต็มความเป็นไทยร่วมสมัยไว้ในทุกจุด จะสังเกตได้จากลวดลายไม้ฉลุและลายผ้าทอที่นำมาประดับตกแต่งร่วมไปกับผนังไม้ รวมถึงสระบัวที่ตั้งเป็นเอกลักษณ์อยู่กลางร้าน ชวนให้รู้สึกผ่อนคลายไปพร้อมความสวยงามและกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของดอกบัวที่ลอยไหวอยู่ในสายน้ำทั่วบริเวณ
The Signature Street Food & Snacks
สำหรับใครที่เข้ามาทานอาหารที่นี่ ทางร้านจะต้อนรับทุกคนด้วย Welcome Drink และ กรุบกรอบ หลากหลายเมนูของว่างและสตรีทฟู้ดที่เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ โดยทางร้านเสิร์ฟให้นั่งทานกันก่อนที่บริเวณโถงรับแขก มีเมนูเด่น ๆ อย่าง เมี่ยงคำ ที่ทำให้ทานกันแบบคำต่อคำ ตามด้วยเมนู ขนมเมอแรงก์ซีอิ๊วพร้อมครีมโยเกิร์ตวาซาบิ ที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของอาหารญี่ปุ่น หรือจะเป็น คอร์นเนตโตสอดไส้ไอศกรีมแกงเขียวหวานปู ที่ผสมผสานทั้งความหวานและเผ็ดจากเครื่องแกงเขียวหวานได้อย่างลงตัว
The Winter Journey
และเพื่อต้อนรับฤดูหนาวที่มาถึง ทางร้านนำเสนอเซ็ตเมนู The Winter Journey ซึ่งเกิดจากความร่วมมือกันระหว่างเชฟระดับมิชลินสตาร์ ชยวีร์ สุจริตจันทร์ และเชฟ เฮนริค อูล-แอนเดอร์ เซน เจ้าของมิชลินสตาร์จากร้านอาหาร Kiin Kiin ที่เมืองโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก ทั้งสองได้ร่วมมือกันครีเอตออกมาเป็นเซ็ตเมนูที่เต็มไปด้วยวัตถุดิบและรสชาติที่เหมาะกับฤดูหนาวให้ได้ลิ้มลองกัน ในครั้งนี้ทางร้านแนะนำเซ็ตเมนู 6 คอร์ส (2,600++ บาท) เหมาะสำหรับใครที่อยากอิ่มกำลังดี มาให้เลือกลองกัน
มาเริ่มการเดินทางแห่งฤดูหนาวนี้ด้วยเมนู ปลาแซลมอนวาซาบิเย็น เนื้อปลาแซลมอนชั้นดีส่งตรงมาจากประเทศนอร์เวย์ เพิ่มรสชาติด้วยโฟมวาซาบิ และซอสพอนซึ เสิร์ฟมาแบบเย็น ทำให้ทานแล้วสดชื่น ปรับรสชาติในปากให้พร้อมทานเมนูต่อ ๆ ไป
ตามด้วยเมนูที่จะมาเพิ่มความอบอุ่นให้กับร่างกายอย่าง ต้มยำกุ้ง ที่ทางร้านนำเครื่องต้มยำและน้ำซุปไปต้มให้เข้ากันผ่านเครื่อง Syphon Coffee เพิ่มกิมมิกด้วยหลอดเข็มฉีดยาที่บรรจุเต้าหู้สด โดยสามารถกดออกมาเป็นเส้น ๆ ลงไปในน้ำซุป ทางเชฟได้แรงบันดาลใจมาจากบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปนั่นเอง ทานคู่กับ ข้าวเกรียบกุ้ง ทาโก้กุ้ง และกุ้งล็อบสเตอร์ เป็นเมนูที่ทั้งสนุกและรสชาติดี
สำหรับจานต่อมา ยำปลาซาบะ ทางร้านเสิร์ฟเนื้อปลาซาบะย่างมากำลังดี ทานคู่กับสลัดผักและเดรสซิ่งรสจัดจ้านสไตล์ไทย เสิร์ฟมาพร้อมกับขนมดอกจอกรสกลมกล่อม
ตามด้วยเมนูที่ทางร้านนำเมนูกะเพราแบบเดิม ๆ มาครีเอตใหม่กับ กะเพราตับห่าน โดยนำทั้งฟัวกราส์และตับไก่มาผัดกะเพรา เพิ่มรสชาติด้วยซอสฮอแลนเดส ท็อปหน้าด้วยไข่ดาวจากไข่นกกระทา เพิ่มรสสัมผัสด้วยข้าวพองกรุบกรอบที่เสิร์ฟมาในถุงใส แนะนำให้โรยข้าวพองลงไปในกะเพรา ก่อนจะคลุกเคล้าและทานด้วยกัน จะไปทั้งความกรุบกรอบจากข้าวพอง และความมันจากฟัวกราส์
สำหรับจานหลัก ทางร้านเสิร์ฟเมนู ข้าวอบเนื้อซอสหวาน เชฟเลือกใช้เนื้อวัวพรีเมียมจากประเทศออสเตรเลีย นำส่วนซี่โครงไปตุ๋นถึง 48 ชั่วโมง จนได้เนื้อสัมผัสที่นุ่ม ไม่เหนียว ทานคู่กับข้าวอบเนื้อที่อบมาร้อน ๆ ส้มจี้ด ผักกวางตุ้งฮ่องเต้ และโรยหน้าด้วยเนื้อกรอบ
ปิดท้ายด้วยเมนูขนมหวาน ข้าวเหนียวไอศกรีมข้าวโพด ท็อปหน้ามาด้วยขนมสายไหมสีขาวฟูฟ่อง ก่อนจะราดน้ำกะทิรสหอมหวานลงไปจนสายไหมละลาย เปิดให้เห็นไอศกรีมข้าวโพด, ข้าวเหนียวมูน และข้าวโพดย่าง ตักทานทุกอย่างพร้อมกันจะได้ความหวานหอมจากทั้งกะทิและข้าวโพด
ขาดไม่ได้กับ Petit Four หลากหลายเมนูขนมหวานชิ้นเล็ก ๆ ที่ทางร้านเสิร์ฟให้ทานกันก่อนกลับ โดยทางร้านนำเสนอกิมมิกสนุก ๆ ครีเอตเป็นเมนูขนมที่ทำให้คล้ายของจริง โดยทุกคนต้องลองทายว่าชิ้นไหนเป็นชิ้นขนมที่สามารถทานได้ มีทั้งผลส้ม หิน แท่งซินนามอน พริกแดง และตัวต่อเลโก้
Reasons to Eat Here