"คนตาบอดไม่ได้สูญเสียการมองเห็น เฉกเช่นที่ก้อนหินเองก็ไม่ได้สูญเสียการมองเห็น"
แล้วสายลมก็หลั่งน้ำตา ขณะยืนอยู่บนชายฝั่งทระนง เท้าปกคลุมไปด้วยโคลน ฝุ่นผงกระซิบข้างหู “เราจะจากไป และ ไม่หวนคืนมา”
"เมื่อมนุษย์มีขอบเขตในการรับรู้ความจริง เราจึงจำกัดความหมายของสภาพแวดล้อมไว้ภายใต้ขอบเขตของมนุษย์ แต่ทว่าความจริงนั้นไม่แน่นอน แปรแปลี่ยนตลอดตามกาลเวลาในฐานะสิ่งที่มีอยู่ มนุษย์เพียงเสาะแสวงหาช่องทางที่จะเข้าใจความจริงนี้ ตั้งแต่ศาสนา ความเชื่อ วิทยาศาตร์ หรือแม้แต่นวัตกรรมล้ำหน้า กระนั้น ยิ่งเราไขว่คว้าจะประดิษฐ์กลไกในการอธิบายความเป็นจริงได้มากเพียงใด เรากลับตระหนักได้ว่าสัจจะนั้นยืดเหยียดออกไปไกลเกินกว่าจะเอื้อมถึงได้ ไกลเกินกว่าขีดจำกัดในการแสดงออกของเรา"
นี่คือนิทรรศการโดย อริญชย์ รุ่งแจ้ง ที่บอกเล่าถึงขอบเขตในการรับรู้ความจริงของมนุษย์ รวมถึงความจริงที่ว่าความจริงที่มนุษย์รับรู้นั้นก็ไม่แน่นอน แปรเปลี่ยนได้ตามกาลเวลา ทั้งศาสนา ความเชื่อ วิทยาศาตร์ และนวัตกรรมนำสมัย เท่ากับว่า สัจจะ หรือ ความจริงแท้ นั้นยืดเหยียดออกไปไกลเกินกว่าคนเราจะเอื้อมถึงได้ เกินกว่าขีดจำกัดในการรับรู้และแสดงออกใด ๆ