เสพศาสตร์และศิลป์ของอาหารไทยในบรรยากาศสวนป่าใจกลางกรุง ที่ Spirit Jim Thompson

Published on July 05, 2018

Spirit Jim Thompson ร้านอาหาร Thai Fine Dining แห่งใหม่ใจกลางกรุงเทพฯ ที่นำรสนิยมอันล้ำเลิศในเรื่องความงดงามและอัธยาศัยไมตรีมาสู่บ้านและสวนที่ออกแบบขึ้นใหม่ โดยที่ทุกรายละเอียดของร้านอาหาร Spirit Jim Thompson ได้รับแรงบันดาลใจมาจากชีวิตและจิตวิญญาณของมิสเตอร์จิม ทอมป์สัน ไม่ว่าจะเป็นจิตวิญญาณแห่งการต้อนรับด้วยอัธยาศัยไมตรี จิตวิญญาณแห่งการแสวงหาประสบการณ์ใหม่ๆ จิตวิญญาณแห่งรสนิยม จิตวิญญาณแห่งการออกแบบ จิตวิญญาณแห่งการเฉลิมฉลอง ทำให้จิตวิญญาณของจิม ทอมป์สัน ยังคงดำรงอยู่เสมอ ณ ที่แห่งนี้

 


เมนูอาหารที่ Spirit Jim Thompson ถูกรังสรรค์โดย เชฟมนตรี วิโรจน์เวชภัณฑ์ เชฟฝีมือเยี่ยมที่เคยเป็นคอลัมนิสต์ด้านอาหารอยู่นานถึง 15 ปี โดยเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับอาหารไทย การทำอาหารที่บ้าน และอาหารต่าง ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้กับนิตยสารดิฉัน และมาร์ธา สจวร์ตฉบับภาษาไทย นอกจากนี้เชฟมนตรียังเปิดร้านอาหารมาแล้วถึง 5 แห่ง ก่อนจะได้รับเชิญให้เข้าถวายงานในครัวหลวงหลายแห่ง ในฐานะ Chef Extraordinaire ของ Spirit Jim Thompson เชฟมนตรีได้รังสรรค์เมนูอันล้ำเลิศที่เปี่ยมด้วยศาสตร์และศิลป์แห่งอาหารขึ้นจากฝีมืออันสร้างสรรค์ซึ่งสะท้อนให้เห็นความรู้อันลึกซึ้งถึงแก่นแท้ของอาหารไทย พร้อมกับได้ผนวกอาหารตำรับต่าง ๆ จากทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เป็นส่วนหนึ่งของจิตวิญญาณแห่งการเดินทางและการผจญภัยของมิสเตอร์จิม ทอมป์สัน ไว้ในเมนูเหล่านี้ โดย 50-60% ของวัตถุดิบที่ใช้จะมาจากจิมทอมป์สันฟาร์ม อำเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา

 

Spirit Jim Thompson

ซึ่งเชฟมนตรีได้ให้นิยามเมนูอาหารของที่นี่ไว้ว่าเป็น "Contemporary Thai Cuisine with Authentic Taste" ซึ่งยังคงมีคาแรคเตอร์ที่ชัดเจนของความเป็นอาหารไทยแท้ ในขณะเดียวกันยังมีอีก 25% ของความเป็น Spirit ของมิสเตอร์จิม ทอมป์สัน โดยจะมีการ Reconstruct แต่ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของรสชาติหรือวัตถุดิบหลัก เริ่มกันที่ Amuse Bouche เป็น 4 เมนูที่เปรียบเสมือน "The Journey of Mr.Jim Thompson around Thailand" นำเสนออาหารของประเทศไทยทั้ง 4 ภาค ซึ่งก็คือภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคกลาง และภาคใต้

ประกอบไปด้วยเมนู ตำมะเขือย่างไข่นกกระทาจากทางภาคเหนือ เป็นการนำมะเขือเผา หอมเผา พริกเผา และกระเทียมเผามาโขลกเข้าด้วยกัน ปรุงรสด้วยน้ำปลาร้า ทำให้เกิดรสชาติหวานในตัวโดยอัตโนมัติ เมนูต่อมาเป็นตำข้าวโพดม่วงโคราชของภาคอีสาน เป็นการดึงรสชาติของส้มตำออกมาแล้วทำเป็นเจลลี่ แต่ยังให้ความรู้สึกเหมือนกำลังทานส้มตำจริง ๆ  เมนูต่อมาคือทองพลุไส้ครีมกุ้งไก่ จากภาคกลาง เป็นขนมไทยโบราณหาทานยากที่เดิมทีจะทานคู่กับน้ำเชื่อม แต่ต่อมาได้มีการนำมาทำเป็นไส้เค็ม ซึ่งเชฟมนตรีเลือกทำเป็นไส้ครีมกุ้งและไก่ รสชาติหอมมันกลมกล่อม และลูกเห็ดทอดปักษ์ใต้ เป็นทอดมันมะพร้าวของทางภาคใต้ที่ปกติจะไม่มีการใส่เนื้อปลา แต่เชฟมนตรีได้โขลกเนื้อปลาลงไปเล็กน้อยเนื่องจากลูกเห็ดที่เป็นมะพร้าวล้วนจะทิ้งเศษอยู่ในปาก เพื่อให้เนื้อปลาเข้าไปช่วยกวาดเศษมะพร้าวออกจากปากลูกค้าจนหมด  

 

Amuse Bouche (ตำมะเขือย่างไข่นกกระทา ตำข้าวโพดม่วงโคราช ทองพลุไส้ครีมกุ้งไก่ และลูกเห็ดทอดปักษ์ใต้)

ต่อด้วย Appetizers ซึ่งประกอบไปด้วยเมี่ยงคำน้ำตาลกรอบ เป็นการ Reconstruct ด้วยการดึงน้ำตาลบางส่วนออกจากน้ำเมี่ยงแล้วนำมาเคี่ยวให้เหนียว จากนั้นนำมาทำเป็นรูปกรงนก 2 กรงประกบกัน ด้านในจะเป็นเครื่องเมี่ยงราดด้วยน้ำเมี่ยงบางส่วน และรองด้วยใบชะพลู ต่อด้วย เรไรหน้าปูน้ำมะกรูด เป็นเส้นแป้งข้าวจ้าวนึ่งจัดเป็นก้อนแบบพอดีคำราดด้วยครีมปูมะพร้าวปรุงรสด้วยน้ำมะกรูด กุ้งชักเปี๊ยะ เป็นเหมือนทอฟฟี่โบราณตำรับวังสุโขทัย ที่มาของชื่อคือเมื่อเอามือดึงสายของตัวห่อจะมีเสียงดัง "เปี๊ยะ" เป็นกุ้งบดปรุงรสห่อด้วยฟองเต้าหู้ ราดด้วยน้ำจิ้มบ๊วยที่เคี่ยวเอง และแกงกระด้างต้มยำปลากะพง ที่เสิร์ฟในรูปแบบวุ้นต้มยำเนื้อปลากระพงที่อบอวลความหอมของใบตะไคร้ ข่า และใบมะกรูด ให้รสชาติคลาสสิกตามแบบฉบับของต้มยำ โดยเชฟมนตรีจะใช้ปลากะพงทะเลน้ำลึกซึ่งมีคอลลาเจนและเจลาตินสูง ซึ่งใช้เวลาต้มถึง 6 ชั่วโมงเพื่อดึงคอลลาเจนและเพื่อให้มีกลิ่นหอมสมุนไพร จากนั้นตุ๋นต่ออีก 4 ชั่วโมงเพื่อให้ต้มยำมีความเข้มข้น แนะนำให้เริ่มทานจากเรไรหน้าปูน้ำมะกรูด กุ้งชักเปี๊ยะ เมี่ยงคำน้ำตาลกรอบ และปิดท้ายด้วยแกงกระด้างต้มยำปลากะพง

 

Appetizers (เรไรหน้าปูน้ำมะกรูด กุ้งชักเปี๊ยะ เมี่ยงคำน้ำตาลกรอบ และแกงกระด้างต้มยำปลากะพง)

ต่อมาเป็น สลัดหลวงพระบาง เป็นแตงกวาสดสไลซ์ขนาดเท่ากับเส้นมะละกอในส้มตำหลวงพระบาง มะเขือเทศ 2 ชนิด ต้นหอม คึ่นช่าย เม็ดมะม่วงหิมพานต์ กุ้งแห้งคุณภาพดีจากจังหวัดจันทบุรี ราดด้วยน้ำสลัดที่ทำจากน้ำกระเทียมดองปรุงรส หมูสับรวน และไข่แดงเพื่อความเข้มข้นของตัวน้ำสลัด เมื่อทานคู่กันจะทำให้รู้สึกสดชื่นลงตัว

 

สลัดหลวงพระบาง

ต่อกันด้วยเมนูซุป เมนูนี้จะเป็นแกงอ่อมเนื้อโคขุนโพนยางคำ ที่ใช้ส่วนเนื้อน่องของโคขุนโพนยางคำเพื่อให้ได้คอลลาเจนทำให้น้ำซุปมีความเข้มข้นขึ้น ใช้เวลาต้มนานถึง 6 ชั่วโมงและตุ๋นต่ออีก 4 ชั่วโมงจากนั้นจึงใส่หางวัวลงไปเพื่อเพิ่มคอลลาเจน จากนั้นก็นำหางวัวที่ได้มาหั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าและใส่ลงไปในน้ำแกง เสิร์ฟมาใน Puff Pastry อบที่ตัดเป็นรูปทรงของผ้าไหมเพื่อทำให้ซุปร้อนได้ยาวนานยิ่งขึ้น เมนูนี้จะมีจุดเด่นอยู่ตรง Aromatic ของผักชีลาว และความนุ่มของเนื้อหางวัว

 

แกงอ่อมเนื้อโคขุนโพนยางคำ

มาถึงอาหารจานหลัก แกงเขียวหวานซี่โครงแกะมะพร้าวอ่อนกับยอดมะพร้าวบด เป็นการ Reconstruct โดยการดึงยอดมะพร้าวออกจากแกงเขียวหวานยอดมะพร้าว และนำยอดมะพร้าวมาบดเหมือนกับการทำ Mashed Potato ซึ่งรสชาติเข้ากันได้ดีกับตัวเนื้อแกะ ส่วนตัวซี่โครงแกะจะนำไป Sous Vide กับน้ำแกงเขียวหวานประมาณ 1 ชั่วโมงเพื่อให้รสชาติซึมซาบเข้าไปในเนื้อแกะและเกิดกลิ่นหอม เสิร์ฟพร้อมกับยอดมะพร้าวอ่อนบด เนื้อมะพร้าวอ่อน และมะละกอดองเพื่อตัดรส

 

แกงเขียวหวานซี่โครงแกะมะพร้าวอ่อนกับยอดมะพร้าวบด

ปิดท้ายด้วยเมนูของหวาน ปทุมมารส ประกอบไปด้วยขนมสายบัว ขนมไทยโบราณดั้งเดิม เป็นการนำสายบัวมาตำผสมแป้งและน้ำตาล จากนั้นนำไปนึ่ง ทานคู่กับมะพร้าวทึนทึกขูด และเมนูที่ต่อยอดจากเมนูขนมไทยดั้งเดิม ได้แก่ ทาร์ตสายบัวเชื่อม เป็นการนำสายบัวมาตุ๋นกับ Cherry Vinegar ตัวทาร์ตทำมาจากอัลมอนด์บดกรุบกรอบ ท็อปด้วยเมอแรงก์ เข้ากันได้ดีกับไอศกรีมรากบัวและสายบัวเชื่อม เมนูไอศกรีมสุดครีเอทที่เป็นการนำสายบัวไปทำแกงบวด และนำรากบัวไปเชื่อมแล้วบด จากนั้นนำทั้ง 2 ส่วนผสมมาทำเป็นไอศกรีมด้วยกรรมวิธีแบบโบราณ คือการใช้แป้งเปียกแทนการใช้ Emulsifier ทำให้ได้ไอศกรีมที่เนื้อแน่น

 

ปทุมมารส (ขนมสายบัว ทาร์ตสายบัวเชื่อม และไอศกรีมรากบัวและสายบัวเชื่อม)


Spirit Jim Thompson
16 ซอยสมคิด ถนนพระราม 1
เปิดทุกวัน เวลา 12:00-15:00 น. และ 18:00-23:00 น.
โทร. 02-017-7268, 02-017-7269facebook.com/SpiritJimThompson