‘วังหิ่งห้อย’ ชวนสัมผัสความอร่อยแห่งธาตุไฟ ภายใต้คอนเซ็ปต์ Fire Dining

วังหิ่งห้อย ร้านอาหารไทยสไตล์ Thai Inspired Cuisine ชวนคุณมาเปิดประสบการณ์ความอร่อยครั้งใหม่ภายใต้คอนเซ็ปต์ Fire Dining หรือคอนเซ็ปต์แห่งธาตุไฟ ด้วยแนวคิดที่ว่า “ไฟคือพลังแห่งชีวิต เปรียบดั่งแสงสว่างที่เปล่งประกายออกมาจากตัวหิ่งห้อย”

ความเร่าร้อนในครั้งนี้ถูกซ่อนอยู่ใน ‘Spirit of Fire’ คอร์สดินเนอร์สุดหรูที่มาในธีม ‘ไฟ’ สุดร้อนแรง พร้อมให้ทุกคนได้ใกล้ชิดธรรมชาติใจกลางเมืองมากขึ้นอีกขั้น ท่ามกลางหิ่งห้อยกว่า 300 ตัวที่มาเพิ่มอุณหภูมิในร่างกายของผู้ที่เข้ามาทานอาหารให้สูบฉีดมากกว่าที่เคย เข้ากับบรรยากาศภายในร้านที่ถูกออกแบบมาให้รู้สึกถึงความร้อนที่เกิดจากการปะทุของภูเขาไฟและการไหลของลาวา รวมไปถึง Lighting Installation Art ที่ถูกออกแบบมาเป็นอย่างดี

โดยสุดยอดเมนูอาหารและเครื่องดื่มทั้งหมดล้วนได้แรงบันดาลใจมาจากความเร่าร้อนของธาตุไฟ ซึ่งถูกตีความใหม่ พร้อมใส่ความคิดสร้างสรรค์ลงไปด้วย ออกมาเป็นเมนูอาหารที่กระตุ้นประสาทสัมผัสทั้ง 5 ของผู้ทานให้ตื่นตัว แต่ละจานผ่านการคัดสรรวัตถุดิบมาเป็นพิเศษ ครีเอทเมนูโดย เชฟนิค-ณัฐพล ภวไพบูลย์, เชฟอ๊อฟ-ณัฐวุฒิ ธรรมพันธ์ และ เชฟอ้น-สุวิจักขณ์ แก้วสิริมงคล
เริ่มเปิดประสบการณ์ความร้อนแรงด้วย ชนวน (Ignite) Amuse Bouche ตัวแรกที่เปรียบเสมือนจุดเริ่มต้นของความร้อนแรงและเสน่ห์ของไฟ เป็นการเตรียมความพร้อมและปรับสมดุลร่างกายก่อนที่จะพบกับคอร์สถัดไปที่ชื่อว่า ปลุก (Awake) เมนูที่ทำมาจากหอยนางรมสด ช่วยปลุกความร้อนแรงและมอบพลังงานสำหรับมื้อค่ำคืนสุดพิเศษ
ตามมาด้วย เถ้าถ่าน (Ashes) ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากยำปลาสลิด โดยเชฟได้นำน้ำยำมาทำเป็นวุ้น ผสมเข้ากับรสของถ่าน เสมือนเป็นการนำปลาแห้งมาย่างบนเตาถ่านที่ให้กลิ่นและรสชาติอันเย้ายวน จากนั้นเสิร์ฟความอร่อยต่อด้วย อาบแดด (Sunbath) เนื้อหมักไซส์ A5 ที่นำมาเซียร์บนหินร้อน ๆ แล้วราดตามด้วยซอสลาว (แจ่ว) ครบรส
แสงเหนือ (Aurora) อีกหนึ่งจานที่น่าสนใจ เป็นการผสมผสานกันระหว่างเมนูอาหารแบบเรียบง่าย อย่างต้มจับฉ่ายเข้ากับวัตถุดิบใหม่ ๆ ตามมาด้วย พลุ (Firework) แทนการจุดพลุในช่วงเทศกาล ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจในคอร์สนี้ อีกทั้งยังเพิ่มลูกเล่นด้วยการครีเอทรสชาติที่ชวนให้นึกย้อนกลับไปยังวัยเด็ก ด้วยเมนูสลัดผลไม้เคลือบ Pop Rock มาพร้อมการตกแต่งจานด้วยครีมซอสที่มีรสชาติแตกต่างกันออกไป

จากนั้นเพิ่มสีสันด้วย โลกันต์ (Inferno) คอร์สที่รวบรวมความเผ็ดร้อนจากเครื่องเทศไทยในรูปแบบของผัดฉ่าปลาคัง เสิร์ฟพร้อมโฟมผัดฉ่า พริกไทยแดง และตัดรสชาติด้วยรีซอตโตครีมยี่หร่า 
ก่อนจะเกิดการ พลุ่งพล่าน (Burst) ไปกับ Main Course หรือเมนูจานหลักที่ยกระดับแกงเทโพอันแสนเผ็ดร้อนให้มีรสชาติที่ละมุนมากยิ่งขึ้น แล้วเพิ่มความร้อนแรงอีกขั้นด้วยเมนู เดือดดาล (Rage) ก๋วยเตี๋ยวเนื้อน้ำตก ที่มีส่วนผสมของสมุนไพรจากโครงการหลวง 
ตบท้ายด้วยเมนู ไอซ์ลาวา (Ice Lava) ไอศกรีมข้าวหมักเปียกลำไย เสมือนเป็นการคลายความสงบหลังจากผ่านความเร่าร้อนมาทั้งเซ็ต และเมนู อาทิตย์อุทัย (Rising Sun) บิงซูนมสดที่ท็อปด้านบนด้วยเฉาก๊วย โรยตามด้วยไอซิ่งกลิ่นกุหลาบ ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากการชมซากุระและทิวทัศน์ของภูเขาไฟฟูจิ พร้อมมอบความสดชื่นเป็นการปิดฉากธีมไฟไปพร้อม ๆ กับพระอาทิตย์ตกดิน