คุยกับ ‘เจมมี่เจมส์ – ธีรดนย์ ศุภพันธุ์ภิญโญ’ นักแสดงหนุ่มที่ผันตัวเองจากหน้ากล้องสู่หน้าเตา
#BehindTheTaste ครั้งนี้ ชวนมาทำความรู้จัก ‘เจมมี่เจมส์ – ธีรดนย์ ศุภพันธุ์ภิญโญ’ ที่ผันตัวจากบทบาทของนักแสดงหนุ่มสู่บทบาทของเชฟแห่งร้าน Talayjai Dining ที่ค้นพบว่าการทำอาหารคือพื้นที่ให้เขาเป็นตัวเองได้ที่สุด
“สมัยเด็ก ผมไม่ใช่คนครัวเลยครับ” เจมส์ยิ้มเล็ก ๆ ก่อนเล่าถึงจุดเริ่มต้นชีวิตที่ไม่ได้อินกับงานครัว “จุดเริ่มต้นจริงๆ คือตอนเด็กที่บ้านเรา คุณตาคุณยายทำอาหารให้ทุกวัน ทั้งมื้อเช้ามื้อเย็น เรียกได้ว่าบ้านเราเป็นบ้านที่ทำอาหารอยู่แล้ว เราเลยมีโอกาสได้เข้าไปช่วยหยิบจับของ หั่นหมูบ้างอะไรบ้าง แต่ตอนนั้นก็ไม่ได้อิน ไม่ได้ชอบนะ”
จากหน้ากล้องสู่หน้าเตา
“จนมีครั้งนึงที่ผมไปถ่ายหนังที่ออสเตรเลีย เราต้องอยู่อพาร์ทเม้นต์ยาว ๆ เรามีเวลาว่าง ก็เลยลองทำอาหาร ได้คลุกคลีกับการทำอาหารมากขึ้น แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรลึกมาก ทำแบบเบสิก ตามคลิปบ้างอะไรบ้าง จำได้ว่าเมนูแรกที่ผมเริ่มทำเลยคือไก่ทอดหาดใหญ่ เราไป Asian Grocery Store เพราะเราต้องไปซื้อพวกเมล็ดผักชี กระเทียม ยี่หร่า เครื่องเทศเอเชียต่าง ๆ แล้วลองเอาหมักเอง ปรากฎว่าทอดครั้งแรกไหม้ น้ำมันแรงเกิน” เจมส์เล่าให้ฟังพร้อมขำเล็กๆ
ก่อนเราจะชนะคนอื่นได้ เราก็ต้องชนะตัวเองได้ก่อน
หลังจากกลับมาอยู่ไทยได้สักพักก็ประจวบกับที่รายการ MasterChef Celebrity Thailand ติดต่อมาพอดี “เค้าบอกว่าเห็นว่าผมพอทำอาหารได้ อยากชวนมาออกรายการ ตอนแรกผมก็ไม่คิดว่าจะจริงจังมาก เราก็อยากไปลองดู”
เจมส์เล่าต่อถึงเส้นทางการฝึกทำอาหารแบบจริงจัง “แต่พอใกล้ ๆ เราเริ่มเห็นแล้วว่าเพื่อน ๆ ร่วมรายการของเรา เค้าจริงจังกันมาก มีการไปเทรนด์กับเชฟจริงๆ ซึ่งเราก็ยอมรับตัวเองว่าเราไม่อยากแพ้เพราะเราลงแข่งแล้ว ผมก็อยากชนะ แต่ก่อนเราจะชนะคนอื่นได้ เราก็ต้องชนะตัวเองได้ก่อน คิดได้แบบนั้นผมก็เลยเริ่มไปเทรนด์บ้าง จ้าง Private Chef มา ตอนนั้นผมเทรนด์อาทิตย์ละ 4-5 วัน วันละ 8-10 ชั่วโมงครับ”
Becoming a Chef
ก่อนจะทำอาหารได้อย่างทุกวันนี้ เจมส์ผ่านการร่ำเรียนและฝึกฝนอย่างหนักหน่วง “ผมเริ่มเรียนตั้งแต่แรกเลย อย่างวิธีการจับมีด การแล่หมู แล่ปลา แล่ไก่ จริงจังเลย ใช้เวลา 1 เดือนติวเข้ม ทั้งการรู้จักวัตถุดิบ รู้จักรสชาติ การทำเส้นพาสต้าแบบต่าง ๆ ส่วนประกอบของแต่ละจาน ไปจนถึงวิธีการการพรีเซนต์อาหารที่ทำ”
ยิ่งเวลากระชั้นชิดเท่าไหร่ ความกดดันก็มากขึ้นตาม “พอใกล้ ๆ แข่งมีเริ่มมี Mystery Box ให้เตรียมของแบบ Random มีเวลาหยิบของแบบในรายการ เหมือนฝึกแข่งจริง ๆ มันทำให้เราเริ่มรู้ว่าต้องทำอะไรก่อนหลัง ส่วนเชฟก็จะทำตัวเหมือนเป็นกรรมการจริง เช่นคอยถามว่าเจมส์ครับ วันนี้เราจะทำอะไรครับ เมนูนี้โดดเด่นยังไงบ้างครับ อะไรทำนองนี้ เราก็จะพูด ๆ เขาก็จะเช็กลิสต์ให้เรา พอเราพรีเซนต์เสร็จ เขาจะมาแนะนำเราอีกทีว่าจริง ๆ เราต้องทำอะไรก่อนหลัง” เจมส์เล่าให้ฟังถึงความเข้มข้นระหว่างการฝึกฝน
In MasterChef Celebrity Thailand
“พอไปแข่งจริง ๆ ผมยอมรับว่าเครียดจริง ๆ คือเราไม่รู้ว่าเขาจะมาอะไรให้เรา เพราะฉะนั้นพอเราเริ่มจับทางได้เราจะเลือกของได้ไว คิดส่วนประกอบต่าง ๆ ได้ไว เรารู้ว่าเราต้องหยิบอะไรก่อน ส่วนช่วงเวลาคิดคือตอนวิ่งไปหยิบของกับการวิ่งกลับมา ผมจำได้ตอนนั้นทุกคนเครียดกันหมด มีคนร้องไห้ กดดันมากนะ” ความกดดันในรายการนี้ถือเป็นหนึ่งประสบการณ์สำคัญที่ทำให้เขาได้ก้าวสู่การเป็นเชฟอย่างเต็มตัว
The Second Dream
“หลังแข่งเสร็จ ผมตกรอบ ตอนนั้นบอกกรรมการว่าวันนึงผมทำ Chef’s Table แล้วผมจะเชิญมาทานนะ”
และเป็นช่วงเวลานั้นเอง เขามีโอกาสได้ทำตามความฝันใหม่ของตัวเอง “เป็นครั้งแรกที่เราได้ลองทำ Chef’s Table เอง พอได้ลองทำผมรู้สึกมีความสุขมาก เราได้ทำในสิ่งที่เราอยากทำ ถ่ายทอดให้คนกิน ยิ่งมีความสุขเวลาเห็นคนกินเขามีความสุขกับของที่เราทำ เห็นเขาเอ็นจอยกันครับ” เจมส์เล่าให้ฟังพร้อมรอยยิ้ม
“หลังจากนั้น เราเริ่มทำ Chef’s Table สำหรับ 50 คน เราเริ่มมีทีมที่ดี งานนั้นผมทุ่มเทมาก ทุ่มกับทีม ทุ่มกับอาหาร ทุ่มกับเงินทั้งหมด ตอนนั้นเริ่มดีมากเลยครับ หลังจากนั้นก็มีคนติดต่อมาเรื่อย ๆ เริ่มมีงาน F&B บวกกับผมทำคลิปสั้นๆ ใน Tiktok ประกอบไปด้วย กลายเป็นคนเริ่มรู้จัก คือถ้าไม่ได้เป็นดารา ผมก็เป็นเชฟงานหลักได้เลย” เขาเล่าให้ฟังถึงความฝันที่สองของตัวเองด้วยรอยยิ้มสดใส
From Actor to Chef
ผันบทบาทมาเป็นเชฟแล้ว แน่นอนว่าเป็นจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ในชีวิต เมื่อถามว่าการผันตัวครั้งนี้มีอะไรเปลี่ยนไปบ้าง เจมส์ตอบทันที “เปลี่ยนไปมากครับ คือเราเริ่มมาจาก Chef’s Table เป็น Fine Dining เรารู้อยู่แล้วว่าคนที่มาทาน เขาจะคาดหวัง ผมไม่อยากให้มีความผิดพลาดอะไรเกิดขึ้นเลย ยอมรับว่าผมขี้โมโหขึ้น จริงจังขึ้นในมุมของการทำงานนะครับ”
ดังนั้นเมื่อเขาเริ่มทำร้าน จึงมาพร้อมความตั้งใจในทุก ๆ ขั้นตอน “ผมรู้สึกว่าทุกคนควรทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดเพื่อมาประกอบกัน มันเป็นงานกลุ่มมาก ๆ กว่าจะได้ 1 จานมันผ่านรายละเอียดมาหลายอย่างมาก ๆ เพราะฉะนั้น แต่ละคนควรรับผิดชอบหน้าที่เพียงหน้าที่เดียวของตัวเองให้ดีที่สุดครับ"
Respect of Food
เจมส์ยังเล่าด้วยว่าหลังจากผันตัวมาเป็นเชฟ มุมมองของของเขาต่ออาหารเปลี่ยนไปมาก
“หนึ่งเลย เราเห็นคุณค่าของอาหารและวัตถุดิบมากขึ้น ว่ากว่าจะกลายมาเป็นอาหารจานหนึ่ง มันมีรายละเอียดที่เยอะมาก ทั้งแหล่งที่มาของวัตถุดิบ ระยะเวลาของการเติบโต ขั้นตอนการทำ การเตรียมอาหาร การประกอบจาน กว่าจะได้ซุป ได้ซอส มันใช้เวลาและมีเรื่องราวในตัวเองมากครับ มันทำให้ผมเคารพอาหารขึ้นมาก ๆ เพราะในแต่ละจานเราใส่ใจจริง ๆ”
แรงบันดาลใจที่ยังอยากทำอาหาร
“แรงผลักดันสำหรับผม หลัก ๆ มี 2 อย่างนะ อย่างแรกคือผมอยากเก่งขึ้น เรามีไอเดียในหัวที่เราอยากพรีเซนต์ อยากลอง อย่างที่ 2 คือรอยยิ้มของคนกิน ตอนที่เค้ากินแล้วเค้าเอ็นจอย เค้าอร่อย สำหรับคนเป็นเชฟที่ตั้งใจทำ ตั้งใจสร้าง เค้ากินแล้วอร่อย เราแฮปปี้มากครับ เป็นแรงผลักดันที่ดีมาก ๆ ที่ทำให้ผมอยากทำอาหารในทุกวัน”
ทะเลใจ
คุยกันต่อมาจนถึงจุดเริ่มต้นของทะเลใจ เจมส์เล่าให้เราฟังว่า “ตอนเริ่มทำอาหาร ผมเคยมีความคิดที่อยากทำร้านอาหารเป็นของตัวเองนะ เหมือนคนอื่น ๆ ที่เค้าเป็นเชฟกัน สำหรับทะเลใจสาขาแรก เพื่อนผมเป็นเจ้าของโครงการที่ทองหล่อ แล้วดันมีที่ว่างพอดี เราไปดูแล้วห้องสวย เราก็อยากทำอะไรสักอย่าง ผมเลยลองกลับไปคิดดูว่าถ้าเราจะทำร้านอาหารอะไรสักอย่างเป็นแบบแรกเริ่มเนี่ย ผมควรจะทำอะไรดี”
“เราคิดได้ว่าเราคงอยากทำร้านอะไรสักอย่างที่เรากินได้ทุกวันแล้วเราไม่เบื่อ ซึ่งส่วนตัวผมเนี่ยเป็นคนชอบทานซีฟู้ดมาก ๆ ผมกินได้ทุกวันจริง ๆ ก็เลยคิดว่าเราทำซีฟู้ดแบบคนรุ่นใหม่แล้วกัน ไม่อยากให้เหมือนซีฟู้ดที่ดูทานยากเกินไป หรือมาแบบ Portion ใหญ่ ๆ ต้องทานมื้อใหญ่หรือต้องไปทานกันทั้งครอบครัวอะไรแบบนั้น”
“บางวันเราแค่อยากกินซีฟู้ดง่าย ๆ แบบแค่เผาธรรมดา และด้วยไลฟ์สไตล์ที่เราเป็นคนเมือง คนสมัยใหม่ ผมอยากกินซีฟู้ดแบบติดแกลม ผมเลยตัดสินใจทำเลย”
Crafted and Fresh
เจมส์ตั้งใจทำเมนูง่าย ๆ แต่คราฟต์ด้วยวัตถุดิบ เช่น ข้าวขยำปู ข้าวกุ้งแกะ หมึกกระดองที่เทสมาแล้วว่าแล่แบบไหนเหมาะสุด เผาขนาดไหนอร่อยสุด “หรือหอยแครงที่เป็น Pain Point จัด ๆ ของเรามั่นใจเลยว่าขัดมือทุกตัว สะอาดและแกะให้ทุกตัว ทานง่ายมือไม่เปื้อนแน่นอน”
“เราอยากกินของแบบไหน คุณภาพแบบไหน เราต้องเสิร์ฟลูกค้าแบบนั้น ในราคาที่เรารู้สึกว่าเราจะจ่ายแล้วพอใจ”
ทะเลไทย ใจโมเดิร์น
ทะเลใจคือร้านอาหารซีฟู้ดของคนเจนใหม่ ที่มาพร้อมคอนเซ็ปต์เก๋ ๆ อย่าง “ทะเลไทย ใจโมเดิร์น” เพราะฉะนั้นหลัก ๆ ต้องเป็นวัตถุดิบที่เป็นไทย “เราอยากเชิดชูวัตถุดิบไทย ผมก็กินมาเยอะหลายประเทศ แต่ซีฟู้ดไทยเราของดีจริง ๆ แถมราคาเข้าถึงได้ด้วย ปูไทยเนื้อหวานมากเนื้อเป็นก้อน ทำอาหารได้หลายอย่าง พอเราได้แบบนี้ ยิ่งเราดัน Local Seafood ประมงไทยก็จะดีขึ้น ยิ่งใหญ่ขึ้น” คุณเจมส์เล่าให้ฟังถึงความตั้งใจเบื้องหลังที่อยากถ่ายทอดให้คนได้ชิมผ่านรสชาติของอาหาร
นอกจากนี้ ที่นี่ยังใส่ใจสิ่งแวดล้อม โดยให้ความสำคัญไปถึงต้นน้ำ “เราไปดูถึงเรื่อง Supplying นะ ว่าปลาที่ได้มาเอามาจากไหนบ้าง ผมต้องมั่นใจว่าการประมงที่ผมเลือกมาถูกต้องจริง ๆ อีกอย่างคือต้องดีกับสิ่งแวดล้อมจริง ๆ”
“เราต้องเริ่มดี มันถึงจะดีไปทั้งหมด ทั้งชาวบ้าน ทั้งขนส่ง รสชาติที่วันนึงมันจะสู้ต่างประเทศได้จริงๆ อย่างปลาไทยตอนนี้ที่มาแรงมาก เพราะประมงไทยกำลังดีขึ้นจริง ๆ”
สมมุติว่าเราไม่ได้ไปแข่งในวันนั้น เราจะยังอยากเป็นเชฟไหม?
“ผมว่านักแสดงเป็น Main Job ที่เราเติบโตมากับมัน เป็นอาชีพที่ผมรักมาก ตอนนี้ก็ยังรักนะ แต่ผมคิดว่าตอนนี้มันหมดยุคที่จะเป็นอย่างเดียวแล้ว ถ้าเรามีโอกาสจะทำอย่างอื่นก็ไม่มีเหตุผลที่จะไม่ลอง ทำอาหารเป็นอีกช่องทางที่เราชอบและทำเงินได้ เราก็ทำ แต่คิดว่าถ้าวันนั้นไม่ได้ไปแข่งรายการนั้น วันนี้จะเป็นเชฟไหม ผมคิดว่าคงไม่มีโอกาส เพราะเราคงไม่มีโอกาสได้ไปลอง ไปเรียนรู้การทำอาหารขนาดนี้”
เมนูไหนที่ภูมิใจเป็นพิเศษ
ขยับมาเรื่องเมนูอาหารของที่นี่กันบ้าง เพราะนอกจากจะมีเมนูโฮมมีเข้าใจง่ายอย่างข้าวหน้าทะเลต่าง ๆ แล้ว ที่นี่ยังมีเมนูใหม่สุดครีเอตจากเชฟเจมส์ให้ได้ลองมาชิมกันอีกหลายเมนู
“ถ้าชอบสุดเลยก็คือโครเกต์กรรเชียงปูใบชะพลูนี่แหละครับ กับอีกอันคือ Bite Oyster Mousse เป็นตัวแรกที่ผมเริ่มทำ Chef’s Table มันจะเหมือนเรากินหอยนางรมน้ำพริกเผาในคำเดียวแบบนั้น กับอีกอันที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือข้าวขยำปู คือผมรู้สึกว่ามันคือ Simply Lovely คือมันดูเหมือนไม่มีอะไรเลย มีปู เครื่องเคียง น้ำยำ แต่เรามั่นใจมากว่าปูเรามาจากที่ดี ทั้งกรรเชียงทั้งไข่ปู และให้ปริมาณที่คุ้มค่า กินกับน้ำจิ้มซีฟู้ดแล้วพอดี แล้วมันยังเป็น Hero Product ของร้าน ที่ทำให้ทะเลใจมีสาขาสอง สามเรื่อย ๆ ไม่มีอะไรสู้ข้าวขยำปูได้จริง ๆ”
หมุดหมายในปีหน้า
และแน่นอนว่าทะเลใจก็ยังไม่หยุดพัฒนา เพราะในปีหน้าเชฟเจมส์เตรียมเซอร์ไพร์ไว้ให้แฟน ๆ อาหารทะเลสุดแกลมกันแน่นอน “ปีหน้าทะเลใจขยายแน่นอน เพราะเราอยากให้ทุกคนได้กินซีฟู้ดดี ๆ ในไลฟ์สไตล์คนเมือง แบบกินซีฟู้ดมือไม่เลอะ ตอบโจทย์คนเมือง เราแกะมาให้อย่างดี รับรองว่าพรีเมียมและสะดวกสุด ๆ”
เมื่อถามถึงเทรนด์ของอาหารในปีหน้า คุณเจมส์ให้คำตอบว่า “เราเพิ่งมาเป็นน้องใหม่ในวงการนี้ สุดท้ายแล้วเราแค่ทำตัวเองให้ดี ต่อให้เทรนด์จะเป็นยังไง ผมคิดว่าถ้าเรารักษาคุณภาพที่ดี คนรู้จักมากขึ้น ราคาเข้าถึงได้จริง ๆ เราก็อยู่ได้เรื่อย ๆ นะครับ” ก่อนจะทิ้งกำลังใจดี ๆ ฝากให้กับคนที่กำลังมองหาเส้นทางของตัวเองอีกด้วย “ชีวิตเราไม่มีทางลัดนะ ชีวิตเรามันต้องใช้เวลา ไม่ต้องรีบประสบความสำเร็จก็ได้”
⌂ : โครงการ The Glass Market บางนา
T : เปิดทุกวัน เวลา 11.00 – 22.00 น.
✆ : 082 105 0901



