เพิ่มความหวานรับวันวาเลนไทน์ที่ 5 ร้านบรรยากาศโรแมนติก

Published on February 12, 2019

วาเลนไทน์นี้คงไม่มีอะไรจะดีไปกว่าการได้พาคนพิเศษไปทานอาหารอร่อย ๆ พร้อมดื่มด่ำบรรยากาศดี ๆ ที่มาเติมเต็มช่วงเวลาแห่งความสุขให้กับทุกคน ซึ่งไม่เพียงแต่เฉพาะคู่รักเท่านั้น เพราะการดินเนอร์ครั้งนี้หมายรวมถึงครอบครัวและกลุ่มคนที่คุณรักอีกด้วย ว่าแล้วก็เตรียมปักหมุดพาคนรู้ใจไปเพิ่มความหวานต้อนรับเทศกาลแห่งความรักกันที่ 5 ร้านอาหารบรรยากาศสุดโรแมนติก ซึ่ง BKK. ได้ทำการรวบรวมไว้ให้ได้เลือกไปฉลองกันอย่างเต็มที่ ส่วนจะเป็นที่ไหน แต่ละแห่งอบอวลไปด้วยมวลแห่งความรักอย่างไรบ้าง ตามไปเช็คอินพร้อม ๆ กันเลย

 

บรรยากาศด้านหน้าห้องอาหาร Bull & Bear

เติมเต็มช่วงเวลาแห่งความสุขไปกับการทานมื้อค่ำสุดพิเศษที่ Bull & Bear หนึ่งในห้องอาหารหลักของโรงแรม Waldorf Astoria Bangkok ที่ไม่ว่าโอกาสสำคัญหรือวันไหน ๆ ก็สามารถอิ่มอร่อยกับหลากหลายเมนูปิ้งย่าง อบ และรมควัน ซึ่งมีการคัดสรรวัตถุดิบคุณภาพทั้งประเภทเนื้อสัตว์ต่าง ๆ และอาหารทะเล มาครีเอทเป็นเมนูเฉพาะ เพื่อให้การฉลองค่ำคืนแสนพิเศษระหว่างคุณกับครอบครัว เหล่าผองเพื่อน และคนที่รัก ท่ามกลางวิวเมืองสวย ๆ ใจกลางย่านราชดำริ ณ ห้องอาหารแห่งนี้ ได้มอบความประทับใจให้คุณได้มากกว่าที่เคย

FULL REVIEW
 

ห้อง Private กับวิวเมืองสุดส่วนตัว

ทันทีที่ขึ้นมาถึงชั้นที่ 55 ของโรงแรม Waldorf Astoria Bangkok ซึ่งเป็นที่ตั้งของห้องอาหาร Bull & Bear เชื่อว่าหลายคนคงจะสะดุดตากับความอลังการของทิวทัศน์ย่านราชดำริแบบเต็มตาอยู่ไม่น้อย ซึ่งหากมองลงมาจากมุมที่นั่งติดกับกระจกใสด้านบนตัวตึกแล้วละก็ ที่นี่นับว่าเป็นจุดชมวิวเมืองและชมพระอาทิตย์ตกที่สวยที่สุดอีกแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ เลยก็ว่าได้

 

บรรยากาศภายในห้องอาหาร

ภายในห้องอาหาร Bull & Bear มีรูปแบบดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ด้วยการจัดวางที่นั่งแบบ Art Deco หรูหราและสง่างาม โดยเฟอร์นิเจอร์ที่นำมาใช้ ส่วนใหญ่นั้นทำมาจากทองเหลือง ออกแบบเป็นรูปทรงเรขาคณิต มีมุมนั่งทานอาหารหลากหลายโซน ทั้งห้อง Private สำหรับจัดเลี้ยงแบบเป็นส่วนตัว มุมโซฟา โต๊ะนั่งสำหรับมาทานกันเป็นคู่และหมู่คณะ มุมเคาน์เตอร์บริเวณครัวเปิด ไปจนถึงมุมเคาน์เตอร์บาร์เครื่องดื่ม ส่วนไฮไลท์การตกแต่งของห้องอาหารนั้นอยู่ที่รูปปั้นขนาดใหญ่บริเวณโซนบาร์ ซึ่งเป็นแบบจำลองมาจากรูปปั้น Bull & Bear (การต่อสู้กันของกระทิงและหมี) ที่มีชื่อเสียง บนถนน Wall Street ของมหานครนิวยอร์ก ด้วยการตกแต่งภายในสุดหรูหรา ประกอบกับทัศนียภาพอันงดงามของกรุงเทพฯ ยามค่ำคืนนี่เอง ทำให้ Bull & Bear กลายเป็นสถานที่สังสรรค์สมบูรณ์แบบที่ควรค่าแก่การมาทานมื้อค่ำ หรือนัดพบปะสังสรรค์ ฉลองเนื่องในโอกาสพิเศษต่าง ๆ อย่างมาก

 

โซนเคาน์เตอร์บาร์เครื่องดื่มที่ตกแต่งด้วยรูปปั้นวัวกระทิงและหมีต่อสู้กัน สัญลักษณ์ของห้องอาหาร Bull & Bear

ตามที่เกริ่นมาแล้วข้างต้นว่า ห้องอาหารแห่งนี้ขึ้นชื่อเรื่องเมนูเนื้อย่างและอาหารทะเล มีเคาน์เตอร์ปรุงสดใหม่ให้ผู้ที่มาทานได้เลือกเมนูปิ้ง ย่าง อบ หรือรมควันได้ตามชอบ แต่ละเมนูล้วนผ่านการรังสรรค์อย่างพิถีถันจากเชฟ Patrick Morris เชฟชาวออสเตรเลียผู้เชี่ยวชาญในเรื่องของการทำอาหารสไตล์ Gastronomy พร้อมเสิร์ฟความอร่อยให้นักชิมสายกริลล์ทั้งหลายได้ลิ้มลอง 

 

เบื้องหลังการทำงาน รังสรรค์เมนูหลักของเชฟ Patrick Morris

 

เชฟ Patrick Morris (Photo by Waldorf Astoria Bangkok)

อาหารจานหลัก พลาดไม่ได้กับ Bone in Ribeye (6,000 บาท) สุดยอดเมนูไฮไลท์ สเต๊กเนื้อวากิวขนาด 900 กรัม ที่ผ่านกรรมวิธี Dry Aged บ่มเนื้อวัว ภายในตู้แช่แข็ง โดยให้ไขมันส่วนเกินบริเวณเนื้อส่วนต่าง ๆ ของวัวไหลออกมาจนแห้งสนิท ทำให้เนื้อวัวนุ่มและมีรสชาติที่เข้มข้นมากขึ้น นานถึง 55 วัน ก่อนจะนำไปย่างไฟบนเตาถ่านขนาดใหญ่ที่ทางห้องอาหารสั่งทำเป็นพิเศษ นำเข้าจากประเทศออสเตรเลีย ทำให้ได้เนื้อย่างที่มีความฉ่ำนุ่มและกรุ่นกลิ่นหอมรมควันเป็นพิเศษ เสิร์ฟมาบนถาดไม้ พร้อมกับซอสหลากหลายชนิดที่มีให้เลือกจิ้มตามชอบ

 

Bone in Ribeye (6,000 บาท)

ส่วนใครที่ไม่ทานเนื้อ สามารถสั่งเมนูปิ้งย่างอาหารทะเลมาทานแทนได้ แนะนำให้ลองสั่ง Char Grilled Tiger Prawn (1,250 บาท) กุ้งลายเสือย่างซอสขนาดไซส์จัมโบ้ ที่เพิ่มรสกลมกล่อมด้วยเนย เติมความหอมด้วยใบไทม์ ใบพาสลีย์ และเลมอน พร้อมเพิ่มความเผ็ดร้อนด้วยพริกไทย 

 

Char Grilled Tiger Prawn (1,250 บาท)

Bull & Bear
Waldorf Astoria Bangkok ชั้น 55
151 ถนนราชดำริ เขตปทุมวัน
เปิดทุกวัน เวลา 17.30-22.30 น.
โทร. 0-2846-8888
www.waldorfbangkok.waldorfastoria.com
www.facebook.com/WaldorfAstoriaBangkok

2

KOI (Sathon)

FULL REVIEW
 

โซนนั่งทานอาหารภายในร้านมาพร้อมหน้าต่างบานใหญ่เปิดให้ชมวิวตึกสูงได้อย่างเต็มที่

KOI ร้านอาหารญี่ปุ่นร่วมสมัยชื่อดังจาก Los Angeles ที่มีหลายสาขาในสหรัฐอเมริกาและที่ดูไบก่อนจะขยายสาขามาเปิดแห่งที่ 2 โดยมีโลเคชันอยู่บนชั้น 39 ของอาคาร Sathorn Square ในย่านสาทร สำหรับสาขานี้มาพร้อมลุคและบรรยากาศที่หรูหรา ล้อมรอบไปด้วยวิวสวย ๆ ของตึกสูงในย่านนี้

FULL REVIEW
 

ที่นี่ถูกออกแบบให้ที่นั่งทุกมุมมีความเป็นส่วนตัว

พื้นที่ภายในร้านแบ่งออกเป็นโซนร้านอาหารและโซน The Club @ KOI โดยบริเวณโซนร้านอาหารมีพื้นที่กว้างขวางให้เลือกนั่ง ทั้งบริเวณเคาน์เตอร์ที่สามารถมองเห็นเชฟปรุงอาหารกันได้สด ๆ หรือจะเป็นมุมที่นั่งโซฟาสำหรับใครที่มากันเป็นกลุ่ม โดยที่นี่ถูกออกแบบให้ที่นั่งทุกมุมมีความเป็นส่วนตัว ตัวร้านตกแต่งในสไตล์ Zen ผสมผสานกับหลักฮวงจุ้ย มีบ่อปลาคาร์ฟอยู่กลางร้าน ใช้เฟอร์นิเจอร์ไม้สีเข้มที่ถูกสั่งทำเป็นพิเศษและไฟสีส้มเพิ่มความหรูหรา พร้อมหน้าต่างบานใหญ่เปิดให้ชมวิวตึกสูงได้อย่างเต็มที่

 

เฟอร์นิเจอร์ไม้สีเข้มที่ถูกสั่งทำเป็นพิเศษ

สำหรับเมนูอาหารของที่นี่จะเป็นเมนูอาหารญี่ปุ่นสไตล์ฟิวชั่นบวกกับสไตล์แคลิฟอร์เนียที่ผสมผสานกับอาหารเม็กซิกัน เช่นเดียวกับร้านสาขาที่สหรัฐอเมริกา ทั้งมาตรฐานและสูตรอาหารเป็นสูตรเดียวกับที่สาขาอื่นทั่วโลก โดยใช้วัตถุดิบพรีเมียมอิมพอร์ตมาจากต่างประเทศ ครีเอทเป็นเมนูอาหารสุดสร้างสรรค์ สำหรับจานหลักทางร้านแนะนำ จานหลัก ที่นี่เมนูให้เลือกสั่งหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเนื้อวัว, เนื้อแกะ หรือเนื้อปลา สำหรับคนที่ไม่ทานเนื้อ แนะนำ Miso Bronzed Black Cod (990 บาท) เนื้อปลาจินดาระอบจนหนังกรอบ ราดด้วยซอสมิโซะเข้มข้น 

 

Miso Black Cod (900 บาท)

ส่วนขนมหวาน ต้องลองเมนู Chocolate Souffle (360 บาท) ซูเฟล่ช็อกโกแลตไร้แป้ง อบสดใหม่ รสช็อกโกแลตเข้มข้น ทานคู่กับไอศกรีมไวท์ช็อกโกแลต 

 

Chocolate Souffle (360 บาท)

KOI (Sathon)
ชั้น 39 อาคารสาทรสแควร์ เขตบางรัก
เปิด วันอาทิตย์-พฤหัสบดี เวลา 18.00-01.00 น.
วันศุกร์-เสาร์ เวลา 18.00-02.00 น.
โทร. 0-2036-8899
www.koirestaurantbkk.com
www.facebook.com/koirestaurantbkk

3

TAAN Bangkok

FULL REVIEW
 

ภายในห้องอาหารที่มีกระจกบานใหญ่โชว์ให้เห็นวิวเมือง

บนชั้นที่ 25 ของโรงแรม Siam@Siam Design Hotel มีห้องอาหาร TAAN Bangkok ที่โชว์ให้คุณได้เห็นวิวมุมสูงสวย ๆ ใจกลางกรุงเทพฯ เสิร์ฟอาหารพื้นถิ่นไทยสไตล์อินโนเวทีฟ ใส่ใจเรื่องของการคัดสรรวัตถุดิบชั้นดีจากทั่วประเทศไทยมาปรุงเป็นจานสุดพิเศษให้แขกที่มาได้ชิมรสชาติที่หาทานจากที่อื่นไม่ได้

FULL REVIEW
 

บรรยากาศด้านในห้องอาหารค่อนข้างเป็นส่วนตัว

ส่วนชื่อ TAAN หรือ ธาน นั้นเป็นคำย่อมาจากคำว่าประธาน ที่หมายถึงสิ่งสำคัญเพื่อชูความพิเศษในเรื่องของรสชาติอาหารและวัตถุดิบ และยังพ้องเสียงกับคำว่าทาน ที่หมายถึงการกินอาหารอีกด้วย บรรยากาศด้านในร้านตกแต่งในสไตล์ Thai - Modern มี 2 โซนให้เลือกนั่ง ทั้งโซนชมวิว และโซนส่วนตัวที่โดดเด่นด้วยสีค็อปเปอร์และการตกแต่งผนังแบบ Diamond Cut ให้ความรู้สึกเคร่งขรึมและหรูหราไปพร้อม ๆ กัน 

 

โซนที่เป็นส่วนตัวด้านใน

ในส่วนของอาหาร ที่นี่บริการทั้งอาหารและเครื่องดื่ม ทั้งแบบเป็นเซ็ต หรือสั่งเป็นจาน ส่วนใหญ่เน้นเป็นอาหารในชีวิตประจำวันของคนไทยที่ค่อนข้างจะคุ้นเคยกันอยู่บ้างแล้ว แต่สิ่งที่พิเศษคือกิมมิกเล็ก ๆ ที่เชฟตั้งใจใส่รสชาติและรสสัมผัสที่แปลกใหม่เข้าไป ถือเป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ทานอาหารไทยที่ไม่เหมือนที่ไหน สำหรับเมนูแนะนำ เมนูแรกคือ หลนปู (390 บาท) ที่เสิร์ฟมาอย่างพิถีพิถันบนดอกกระทือกับผักที่จัดมาพอดีคำและข้าวเอวมดแดงพองสำหรับโรยทับด้านบน ตัวหลนใช้เนื้อปูกับสะโพกหมูหลนเข้ากับกะทิ ใส่ตะลิงปลิงเพิ่มรสเปรี้ยวแซมในคำ พร้อมสมุนไพรไทยหอม ๆ ทำให้รสชาติให้เข้มข้นขึ้น รสออกหวานเค็ม พิเศษที่ในเมนูนี้เชฟใช้ปลาเค็มเข้ามาแทนน้ำปลา ทำให้รสชาติกลมกล่อมมากยิ่งขึ้น เข้ากันกับเนื้อปูชิ้นใหญ่เสิร์ฟเคียงมากับผักให้ได้ทานเป็นคำ ๆ ได้รสชาติหวาน ๆ ของปูเต็ม ๆ

 

หลนปู (390 บาท)

หรือจะเป็นเมนู ต้มข่ากุ้งก้ามกรามครามน้ำมะพร้าวอ่อน (450 บาท) ชามนี้เสิร์ฟกุ้งก้ามครามตัวโตเนื้อเด้งจากจังหวัดระนอง มาพร้อมพวงไข่ไก่บ้านในน้ำต้มข่ามะพร้าวอ่อน รสจัดจ้านแบบไทย ๆ หอมเครื่องสมุนไพร ซดร้อน ๆ คล่องคอ ก็อร่อยไม่แพ้กัน

 

ต้มข่ากุ้งก้ามครามน้ำมะพร้าวอ่อน (450 บาท)

TAAN Bangkok
Siam@Siam Design Hotel Bangkok เขตปทุมวัน
เปิดทุกวัน เวลา 18.30-23.00 น.
โทร. 065-328-7374
www.taanbangkok.com
www.facebook.com/taanbangkok

4

The Yard Restaurant

FULL REVIEW
 

ผสานความคลาสสิกและความร่วมสมัยด้วยสไตล์การตกแต่งแบบโมเดิร์นและเฟอร์นิเจอร์แนววินเทจ

The Yard Restaurant ร้านอาหารสไตลล์อีสต์เอเชียและยุโรปในย่านสาทร ที่เผยให้เห็นบรรยากาศคลาสสิกในบ้านหลังเก่า โดย คุณเก๋-ญาณี องค์วัฒนกุล เจ้าของร้านที่หลายคนคงคุ้นเคยกับรสชาติและบรรยากาศดี ๆ ของร้าน AKART Bistro & Bar ในโครงการ Yarden มาก่อน เป็นผู้ดูแลเเละเปลี่ยนบรรยากาศบ้านเก่าให้กลับมามีชีวิตชีวา และเต็มไปด้วยความสุขในการทานอาหารอีกครั้ง

FULL REVIEW
 

บรรยากาศด้านนอกของร้าน The Yard Restaurant

บ้านหลังนี้เป็นบ้านเก่าแก่ที่มีอายุกว่า 80 ปี ตัวบ้านทั้ง 2 ชั้นออกเเบบให้เป็นร้านอาหาร ที่ยังคงโครงสร้างเดิมของบ้านเอาไว้ตั้งแต่ พื้นไม้ บานประตู หน้าต่าง เพดาน ไปจนถึงราวสายไฟและสวิตซ์พัดลม ให้ยังคงความคลาสสิกของตัวบ้านเอาไว้ และเพิ่มความร่วมสมัยในการตกแต่งด้วยการเปลี่ยนผนังให้กลายเป็นปูนเปลือยเท่ ๆ ตีขอบประตูหน้าต่างด้วยคิ้วโลหะสี Rose Gold และเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่ดูร่วมสมัยมากขึ้น

 

บรรยากาศภายในร้าน The Yard Restaurant

ไม่ใช่แค่เพียงกลุ่มเพื่อนและครอบครัว ที่เหมาะจะมาทานอาหารมื้อพิเศษร่วมกันที่นี่ แต่ยังเหมาะกับเหล่าคู่รัก คนทำงาน กลุ่มเพื่อนที่ต้องการมาสังสรรค์ และกลุ่มคนทำงานย่านสาทรให้เข้ามาลิ้มรสชาติความอร่อยได้ทุกมื้อ

 

บ้านไม้หลังเก่ากลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง

ความพิเศษของอาหารที่ The Yard Restaurant เป็นอาหารสไตล์อีสต์เอเชีย และอาหารยุโรปที่ใส่ใจในวัตถุดิบ ขั้นตอนและคุณภาพระดับ Fine Dining แต่ให้ความอบอุ่น เป็นกันเองและทานง่ายในสไตล์ Homey Casual ใครที่หลงรักอาหารยุโรปต้องเซอร์ไพร์สกับ Strozzapreti Lobster (1,790 บาท) พาสต้าจานใหญ่ที่ไม่ได้มีดีแค่ล็อบสเตอร์ตัวโตเนื้อเด้ง หวานกรุบกรอบที่นำเข้ามาจากยุโรปและแคนาดา แต่ยังสัมผัสได้ถึงรสชาติเหนียวนุ่มของเส้นสโตรซซาเพรตี ที่ทางร้านทำเส้นสดเองทุกวัน

 

Strozzapreti Lobster (1,790 บาท)

ส่วนเมนูขนมหวาน พลาดไม่ได้กับ เกล็ดหิมะบัวลอยเผือกไข่เค็ม (250 บาท) ลิ้มรสชาติบัวลอยนุ่มที่ทำมาจากเผือกสด ราดด้วยน้ำกะทิไข่เค็มหวานมัน และท็อปด้วยไข่เค็มแดง อาจเป็นเมนูส่งท้ายที่สร้างความประทับใจให้คุณได้ในระหว่างมื้อพิเศษ

 

เกล็ดหิมะบัวลอยเผือกไข่เค็ม (250 บาท)

The Yard Restaurant
ซอยสาทร 11 (เซนต์หลุยส์) เขตสาทร
เปิดทุกวัน เวลา 11.30-21.30 น.
โทร. 099-178-5386
www.facebook.com/theyardrestaurantbangkok

5

บ้านสุริยาศัย

FULL REVIEW
 

ความร่มรื่นบริเวณรอบ ๆ ด้านนอกของบ้านสุริยาศัย

ดื่มด่ำสุนทรียรส ไลฟ์สไตล์การกิน-ดื่มท่ามกลางบรรยากาศสุดคลาสสิกของ บ้านสุริยาศัย ร้านอาหารไทยย้อนยุคบนถนนสุรวงศ์ โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมแบบตะวันตก ตัวเรือนไทยออกแบบในสไตล์โคโลเนียลผสมวิคตอเรียน เพื่อให้ร่วมสมัยเป็นร้านอาหารไทยภายใต้แนวคิด ‘สุนทรีย์ ไลฟ์’ สถานที่ที่เป็นมากกว่าร้านอาหาร เพราะมอบช่วงเวลาแห่งความสุนทรีย์ให้แก่ผู้ที่มาเยือนอย่างครอบคลุม ทั้งในส่วนของการให้บริการด้านอาหาร Content Bar สำหรับเสิร์ฟเครื่องดื่ม ทีรูมสำหรับจิบชายามบ่าย และสตูดิโอสอนทำอาหารไทย

FULL REVIEW
 

คอร์ทยาร์ทหรือโซนทีรูมให้จิบชายามบ่ายท่ามกลางบรรยากาศสบาย ๆ

แต่เดิมบ้านเรือนไทยหลังนี้เป็นสมบัติของต้นตระกูลบุนนาค มีอายุยาวนานเกือบ 100 ปี นับตั้งแต่ต้นสมัยรัชกาลที่ 6 ออกแบบอย่างประณีตโดยสถาปนิกชาวอิตาเลียน ด้วยสถาปัตยกรรมแบบตะวันตกที่ผสานเข้ากับตะวันออกได้อย่างกลมกลืน ไม่ว่าจะมองจากภายนอกที่ได้บรรยากาศความร่มรื่นของแมกไม้ หรือภายในที่ออกแบบและตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์สไตล์วินเทจให้ได้กลิ่นอายของความคลาสสิก เรียบหรู โรแมนติก และบรรยากาศอบอุ่นราวกับได้รับเชิญมาเยี่ยมบ้านราชนิกุลสมัยก่อนอย่างไรอย่างนั้น

 

บรรยากาศภายในโซนร้านอาหารไทยตำรับชาววัง

บ้านสุริยาศัยโดดเด่นด้วยตำรับอาหารไทยแท้แบบชาววัง ในลักษณะของ Home Taste ที่มอบรสชาติอาหารไทยสูตรเฉพาะของครอบครัวแต่ละสกุลซึ่งสืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น พร้อมดัดแปลงตำรับชาววังหลากหลายสูตรจากต้นเครื่องหม่อมราชวงศ์หลายท่าน เลือกใช้วัตถุดิบไทยในครัวเรือนมาครีเอทในรูปแบบเมนูโบราณต่าง ๆ ที่ดูร่วมสมัย น่าทานมากยิ่งขึ้น สำหรับเมนูแนะนำ ได้แก่ ข้าวคลุกรัชกาลที่ 6 (320 บาท) เมนูข้าวคลุกน้ำพริกเผาและเครื่องแนมตามตำราของม.ล.ปอง มาลากุล ประกอบด้วยไข่แดงจากไข่เค็ม เนื้อไก่ฉีก หมูสามชั้น ปลาย่าง และกุ้งแห้ง ก่อนจะโรยด้วยผิวของส้มซ่า แล้วคลุกเคล้าให้เข้ากัน ปรุงรสให้ได้ความเผ็ดและความเปรี้ยวอมหวาน เสิร์ฟทานคู่กับแตงกวาและมะม่วงเปรี้ยว 

 

ข้าวคลุกรัชกาลที่ 6 (320 บาท)

หรือจะเป็น ผัดพริกขิงตามเสด็จฯ แปลง (550 บาท) เมนูผัดพริกขิงแบบชาววังที่ได้แรงบันดาลใจมาจากการเสด็จประพาสต้นของล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 ในยุคสมัยก่อนซึ่งทรงโปรดให้ห้องเครื่องของสวนสุนันทาทำสำรับกับข้าวติดตาม ดัดแปลงให้ง่ายต่อการพกพาด้วยการทำผัดพริกขิงที่มีความแห้งกรอบเป็นพิเศษ โดยนำเครื่องต่าง ๆ อาทิ กากหมูเจียว ปลาฟู และกุ้งแห้งตัวโตมาทอดกรอบ พร้อมเม็ดบัวทอดผัดกับเครื่องแกงและไข่แดงเค็ม รวมกันได้รสชาติเข้มข้น กลมกล่อม ทานกับข้าวสวยร้อน ๆ อร่อยอย่าบอกใคร 

 

ผัดพริกขิงตามเสด็จฯ แปลง (550 บาท)

บ้านสุริยาศัย
174 ถนนสุรวงศ์ เขตบางรัก
เปิดทุกวัน เวลา 12.00-02.30 น. และ 18.00-22.00 น.
โทร. 095-949-1952
www.baansuriyasai.com
www.facebook.com/BaanSuriyasai