ฉลองมื้อพิเศษด้วยการทานอาหาร Fine Dining ที่ 5 ร้านอาหารไทยสุดหรู การันตีความอร่อยโดย KTC MASTERCARD

Published on July 18, 2022

สำหรับใครที่เป็นนักชิมสายอาหารไทย ครั้งนี้ขอชวนทุกคนไปเปิดประสบการณ์ความอร่อยสุดเอ็กซ์คลูซีฟที่หลากหลายร้านอาหารไทยขึ้นชื่อในกรุงเทพฯ เพื่ออิ่มอร่อยและซึมซับโมเมนต์พิเศษท่ามกลางบรรยากาศสุดหรูในแบบฉบับ Fine Dining กันดูสักครั้ง โดยแต่ละร้านที่คัดเลือกนำมาฝากเหล่าฟู้ดดี้ทั้งหลายในครั้งนี้ ล้วนผ่านการคัดสรรจากหนังสือ KTC Culinary Collective in Bangkok รังสรรค์โดยเชฟระดับแนวหน้าของเมืองไทย ซึ่งพร้อมเสิร์ฟความเลิศรสของอาหารไทยต้นตำรับ บวกเข้ากับความเป็นศิลปะผ่านพรีเซนเทชันอาหารแต่ละจานที่น่ารับประทานทั้งสิ้น

และเพื่อให้การทานอาหารครั้งนี้พิเศษกว่าครั้งไหน ๆ ลิสต์ร้านอาหารไทยแต่ละแห่ง ยังพ่วงมากับโปรโมชันสำหรับสมาชิกบัตรเครดิต KTC MASTERCARD ทุกประเภท ให้ได้เลือกไปอิ่มอร่อยอย่างคุ้มค่าอีกด้วย ส่วนจะเป็นที่ไหน และมอบสิทธิประโยชน์ดี ๆ  พร้อมรับคะแนน KTC FOREVER สุดสูง x10* ตอบโจทย์การฉลองมื้อพิเศษสุดประทับใจยังไงบ้างนั้น เตรียมเซฟลิสต์ร้านอาหารไทยทั้ง 5 ร้านนี้ กันไว้ได้เลย

1. บ้านเบญจรงค์ ปาย - BAAN BENJARONG PAI


เหล่านักชิมที่ถวิลหารสชาติไทยแท้ตำรับชาววัง 'บ้านเบญจรงค์ ปาย - BAAN BENJARONG PAI' ร้านอาหารไทยแห่งนี้คือจุดเช็กอินความอร่อยยอดนิยมของอำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน มายาวนานนับ 20 ปี ก่อนจะขยายสาขามายังกรุงเทพฯ โดยมีผู้ที่สืบทอดความอร่อยเป็นหลานสาวแท้ ๆ ของผู้เป็นเจ้าของ ซึ่งได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากนักชิมเมืองกรุง การันตีความอร่อยด้วยรางวัล Bib Gourmand จาก Michelin Guide ประจำปี 2019-2020 แม้จะเปิดให้บริการในกรุงเทพฯ แต่บรรยากาศภายในร้านนั้นยังคงตกแต่งในแนวไทยร่วมสมัย คุมสีเอิร์ธโทนนวลเนียนละมุนตา ประดับประดาไปด้วยโคมไฟเครื่องจักสานฝีมือช่างล้านนา การเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ไม้สีธรรมชาติ และพื้นปูกระเบื้องลวดลายวินเทจ เพื่อมอบความรู้สึกที่เป็นกันเอง เหมือนได้มาทานอาหารที่บ้านญาติผู้ใหญ่ พร้อมด้วยการต้อนรับที่อบอุ่น การให้บริการของสาขานี้ ได้รักษามาตรฐานต่าง ๆ ทั้งวัตถุดิบและรสชาติ รวมถึงสูตรลับความอร่อยและสารพันเมนูที่ถอดแบบออกมาจากสาขาดั้งเดิมได้เป็นอย่างดีในทุก ๆ จาน

 

บ้านเบญจรงค์ ปาย - BAAN BENJARONG PAI (Photo by KTC Culinary Collective)

แนะนำเมนูทานเล่นยอดนิยมอย่าง ‘หมี่กรอบชาววัง’ ที่สืบทอดวิธีการทำมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 จึงแตกต่างจากหมี่กรอบทั่วไป โดยนำหมี่กรอบไปทอดกรอบก่อน ส่วนซอสมะขามจะปรุงแยกต่างหาก แล้วนำมาราดบนแพหมี่กรอบอีกครั้ง ให้รสหวานผสานรสเปรี้ยวเข้มข้น เพราะมีส่วนผสมของน้ำส้มซ่า เป็นเมนูที่เหมาะสั่งมารับประทานร่วมกัน

จานถัดมาคือ ‘น้ำพริกหรูผักหลาม’ ที่มีการหยิบยืมวิธีการปรุงอาหารของคนป่าภาคเหนือมาต่อยอดเป็นเมนูน้ำพริกขายดีประจำร้าน โดยนำผักที่เป็นเครื่องจิ้มมาต้มในกระบอกไม้ไผ่ แล้วเหยาะกะทิเล็กน้อย ได้เป็นผักหลามหอมกลิ่นไม้ไผ่แทรกอยู่ในผัก ส่วนน้ำพริกใช้กุ้งแม่น้ำต้มสุกตำกับพริก สมุนไพร และกะปิ เป็นสูตรดัดแปลงมาจากน้ำพริกชาววังโบราณ ส่วนเมนูที่มาแล้วต้องสั่งคือ ‘ซี่โครงหมูอบปลาเค็ม’ เพราะคว้ารางวัล Bib Gourmand จากหนังสือ Michelin Guide โดยเป็นซี่โครงหมูที่ทอดจนหอม นำไปผัดกับพริกแห้ง หอมใหญ่ เครื่องผัดต่าง ๆ และปลาเค็ม ความดีงามของอาหารแต่ละจานของที่นี่ คือรสชาติอาหารที่กลมกล่อมครบรส ปรุงใหม่แบบจานต่อจาน ซึ่งนอกจากความอร่อยแล้ว ยังถ่ายทอดวัฒนธรรมการกินที่สะท้อนความเป็นเอกลักษณ์ของชนชาติไทย

 

‘น้ำพริกหรูผักหลาม’ เมนูน้ำพริกขายดีประจำร้าน (Photo by KTC Culinary Collective)

สิทธิพิเศษบัตรเครดิต KTC MASTERCARD
รับฟรี หมี่กรอบชาววัง 1 ที่ มูลค่า 159 บาท เมื่อรับประทานครบ 1,000 บาทขึ้นไป / เซลส์สลิป

พร้อมรับคะแนน KTC สุดสูง x10*
สำหรับบัตรเครดิต KTC X WORLD REWARDS MASTERCARD
และ KTC WORLD MASTERCARD


1 ส.ค. 65 - 31 ธ.ค. 65


BAAN BENJARONG PAI
เดอะ คริสตัล เอสบี ราชพฤกษ์ ชั้น 2, นนทบุรี
เปิดทุกวัน เวลา 11.00-13.00 น. และเวลา 17.00-20.00 น.
โทร. 086 363 2899
www.facebook.com/บ้านเบญจรงค์ปาย-661266707395599
www.instagram.com/baanbenjarongpaithecrystalsb


2. 100 มหาเศรษฐ - 100 MAHASETH


สำหรับร้านอาหารไทยสไตล์ไฟน์ไดน์นิ่งแห่งนี้ ชื่อ 100 มหาเศรษฐ นั้น มีความหมายที่เข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน ด้วยเพราะร้านตั้งอยู่บ้านเลขที่ 100 บนถนนมหาเศรษฐ ซึ่งแต่เดิมเป็นโรงจอดรถเก่า ก่อนนำมาดัดแปลงตกแต่งใหม่ โดยตั้งใจให้มีกลิ่นอายของความเป็นโรงสีหรือโรงเก็บข้าวเล็ก ๆ สไตล์โมเดิร์นคันทรีหน่อย ๆ ภายใต้เทคนิคการเลือกวัสดุที่หลากหลาย ทั้งโลหะ กระจก อิฐมอญ และไม้ บวกกับโทนสีน้ำตาลไล่เฉดสีที่ให้ความรู้สึกอบอุ่น นั่งสบาย โดยเกือบทุกมุมสามารถมองเห็นการปรุงอาหารผ่านกระจกใสที่กั้นของครัวกับโต๊ะนั่งรับประทานอาหารได้อย่างเพลินตา

ในส่วนของคอนเซ็ปต์อาหาร เป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ให้กับอาหารแถบภูมิภาคเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือ ด้วยเมนูที่เราคุ้นเคย แต่เพิ่มเติมความพิเศษด้วยการนำเสนอรสชาติ รวมถึงนำเอาวิธีการถนอมอาหารจากภูมิปัญญาดั้งเดิมของคนอีสาน มาใช้ร่วมกับเทคนิคต่าง ๆ ในการปรุงแบบเฉพาะตัวของเชฟ

ตามด้วยแนวคิดที่จะนำทุกส่วนของสัตว์มาใช้เป็นวัตถุดิบอย่างคุ้มค่าภายใต้นิยามว่า ‘Root to Fruit and Nose to Tail’ ทุกเมนูจึงถูกรังสรรค์ความอร่อยมาจากประสบการณ์ของเชฟแล้วนำมาปรับให้พิถีพิถันลงตัวมากขึ้น ส่งผลให้ร้านได้รับรางวัล Bib Gourmand จาก Michelin Guide ติดต่อกันถึง 3 ปีซ้อน ตั้งแต่ปี 2019-2021 กันเลยทีเดียว

 

100 มหาเศรษฐ - 100 MAHASETH (Photo by KTC Culinary Collective)

ในการปรุงอาหารแต่ละจาน เชฟได้เลือกหยิบเอาสิ่งที่ดีที่สุดจากทุกภาคทั่วไทยมาเป็นวัตถุดิบหลักในครัว เพื่อให้วัตถุดิบท้องถิ่นไทยเป็นที่รู้จักของเหล่านักชิมทั่วโลก โดยเฉพาะเนื้อที่คัดสรรเนื้อวัวคุณภาพจากฟาร์มในจังหวัดสุรินทร์ สกลนคร และขอนแก่น มาให้ได้ลิ้มลองกัน

เริ่มต้นความอร่อยด้วยเมนูซิกเนเจอร์เบา ๆ อย่าง ‘Bone Marrow’ ไขกระดูกขาวัวย่างเสิร์ฟกับงาขี้ม่อน เมนูนี้เป็นการนำกระดูกขาวัวไปย่างให้ไขละลายอ่อนนุ่ม แล้วท็อปด้วยงาขี้ม่อน ยำใส่ตะไคร้ ต้นหอม ปรุงรสเปรี้ยวเค็ม ก่อนโรยด้วยหอมแดงซอย ตักรับประทานพร้อมกันจะให้เนื้อสัมผัสสุดพิเศษ ต่อด้วย ‘Soy Ju (ซอยจุ๊)’ หรือเมนูเนื้อดิบที่เกิดจากการล้มวัวใหม่ ๆ แล้วนำเครื่องในต่าง ๆ มาแล่เป็นชิ้นบาง ๆ โดยสูตรของที่ร้านจะเลือกใช้เฉพาะเนื้อส่วนพื้นท้องกับตับดิบ นำมาแล่เป็นชิ้นบาง ๆ ขนาดพอดีคำ จัดเสิร์ฟกับเครื่องแกล้มอย่างหอม กระเทียม พริกสดซอยบาง ๆ  พร้อมวางก้านต้นหอมและกลีบดอกไม้ประดับ ทานคู่กับน้ำจิ้มแจ่วข้าวคั่วใส่น้ำดีวัวที่ให้รสออกขมเล็กน้อย เมื่อตักทั้งหมดทานพร้อมกันจะให้รสสัมผัสที่สดใหม่ที่ไม่ติดกลิ่นคาวเลยสักนิด ส่วนจานหลักต้องยกให้กับเมนู ‘The Beef Jerky (จิ้นตุ๊บ)’ โดยเลือกใช้เนื้อไทยวากิวคัดพิเศษจากจังหวัดสุรินทร์ นำไปหมักกับเครื่องเทศของไทย และเทคนิคการดรายเอจเนื้อให้มีรสชาติเข้มข้น ก่อนนำไปย่างด้วยเทคนิคเฉพาะ แล้วทุบเสิร์ฟมาพร้อมน้ำพริกข่ารสเด็ด รับประทานกับข้าวเหนียวร้อน ๆ หรือแนมด้วยสารพัดผักสดก็อร่อยล้ำ

 

หลากหลายเมนูซิกเนเจอร์จากทางร้าน (Photo by KTC Culinary Collective)

สิทธิพิเศษบัตรเครดิต KTC MASTERCARD
รับส่วนลด 10% เฉพาะค่าอาหาร

พร้อมรับคะแนน KTC สุดสูง x10*
สำหรับบัตรเครดิต KTC X WORLD REWARDS MASTERCARD
และ KTC WORLD MASTERCARD


15 ส.ค. 65 - 31 ธ.ค. 65


100 MAHASETH
สาขาสี่พระยา ทุกวัน เวลา 17.00-24.00 น.
สาขาเอกมัย ทุกวัน เวลา 17.00-23.00 น.
สาขาสี่พระยา ถนนมหาเศรษฐ กรุงเทพฯ
โทร. 02 235 0023, 083 971 9189
สาขาซอยเอกมัย 21 กรุงเทพฯ
โทร. 02 004 6932, 082 030 9926
www.facebook.com/100Mahaseth
www.instagram.com/100mahaseth


3. BAAN TEPA CULINARY SPACE


'BAAN TEPA CULINARY SPACE' ร้านอาหารของ ‘เชฟตาม-ชุดารี เทพาคำ’ เชฟสาวชาวไทยชื่อดัง ผู้ครองตำแหน่งแชมป์จากรายการ Top Chef Thailand ซีซั่นแรก และยังเคยเป็นอดีต Sous Chef ให้กับร้านอาหารรางวัลมิชลินสตาร์ 2 ดาว อย่าง Blue Hill at Stone Barns ที่มหานครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกาอีกด้วย สำหรับร้านอาหารแห่งนี้ เธอเลือกนำเสนออาหารไทยสมัยใหม่ ที่มีหน้าตาและการนำเสนอที่แตกต่าง ภายใต้คอนเซ็ปต์ Creative Thai ด้วยการผสมผสานวัตถุดิบท้องถิ่นตามฤดูกาลของไทยเข้ากับกรรมวิธีการปรุงอาหารแนวใหม่อย่างสร้างสรรค์ ตัวร้านถูกปรับเปลี่ยนมาจากบ้านเก่าหลังงามอายุกว่า 50 ปี ซึ่งเป็นมรดกตกทอดของครอบครัว ส่วนพื้นที่ด้านหลังของบ้าน ถูกดัดแปลงให้เป็นสวนครัวขนาดย่อม ซึ่งเชฟตามจะนำมาใช้เป็นวัตถุดิบในการปรุงเมนูต่าง ๆ ภายในร้าน

 

BAAN TEPA CULINARY SPACE (Photo by KTC Culinary Collective)

ในส่วนของเมนูอาหาร เชฟจะเสิร์ฟเป็นคอร์สแบบ Tasting Menu โดยเน้นนำเสนออัตลักษณ์ที่โดดเด่นของวัตถุดิบแต่ละเมนูเป็นหลักอย่าง ‘Crab Crab Crab’ เมนูที่นำเสนอความพิเศษของปูไทยหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นปูม้า ปูนิ่ม และปูนา ซึ่งถูกนำเสนอทั้ง 2 รูปแบบ ได้แก่ คัสตาร์ดปูม้าที่มีความนุ่มและมีรสชาติกลมกล่อมเข้มข้นของปู เสิร์ฟกับเนื้อปูม้าและซอสที่มีความเปรี้ยวหวานและเผ็ดเล็กน้อย ส่วนอีกรูปแบบหนึ่งคือปูชุบแป้งทอด รับประทานกับเดรสซิ่งน้ำปู๋ที่ทำจากปูนา และเสิร์ฟกับซอสไอโอลี่ (Aioli) ที่เป็นแกงเหลืองหน่อไม้ ให้รสเผ็ดร้อนกำลังดี

เมนูต่อมาที่น่าสนใจไม่แพ้กัน มาพร้อมไอเดียสุดเก๋ก็คือ ‘Street Cart Chicken Liver and Jaew’ ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากตับไก่ย่างแบบสตรีทฟู้ดที่รับประทานคู่กับน้ำจิ้มแจ่วรสแซ่บ แต่ครั้งนี้เชฟเลือกนำมาแต่งหน้าแต่งตาใหม่ในรูปแบบของตับไก่บดเนื้อมูสเคลือบด้วยเยลลี่แจ่ว เสิร์ฟคู่กับขนมปังบริยอชซาวเออร์โดว์ และแกล้มด้วยผักผลไม้ดอง อย่างหอมแดง ชมพู่ และมะเฟือง ส่วน ‘14 Days Dry Aged Duck Asawin’ ก็เป็นอีกหนึ่งเมนูที่เชฟนำเอาเอกลักษณ์การถนอมอาหารมาผสมผสานกับวิธีการปรุง เพื่อดึงเอารสชาติของวัตถุดิบออกมา นั่นก็คือเนื้ออกเป็ดไทยจากฟาร์มคลองไผ่ ซึ่งเชฟนำเนื้อเป็ดไปดรายเอจก่อน 14 วัน เพื่อให้เนื้อมีไขมันหลงเหลือน้อยที่สุด และหนังมีความกรอบเมื่อนำไปย่าง รับประทานคู่กับข้าวผัดที่ใช้ข้าวพันธุ์ข้าวเม่าดอย รวมถึงกะหล่ำปลีดองที่นำมาย่างไข่แดงแบบสโลว์คุก และซอสอัศวินที่รสชาติคล้ายซอสกะเพราแบบเข้มข้น

ก่อนจบมื้อด้วยขนมหวานจานหลักอย่าง ‘Palmyra Palm’ ที่ทำมาจากลูกตาล ทั้งเค้กลูกตาล ครัมเบิ้ล ลูกตาลเชื่อม และซอร์เบท์มะพร้าวเผาผสมโยเกิร์ต เป็นเมนูของหวานที่อร่อยครบทุกมิติ ทั้งหวานเปรี้ยว และกรุบกรอบหอมมันเนย

 

‘14 Days Dry Aged Duck Asawin’ ก็เป็นอีกหนึ่งเมนูที่เชฟนำเอาเอกลักษณ์การถนอมอาหารมาผสมผสานกับวิธีการปรุงได้อย่างลงตัว (Photo by KTC Culinary Collective)

สิทธิพิเศษสำหรับบัตรเครดิต KTC WORLD MASTERCARD, KTC X WORLD REWARDS MASTERCARD และ KTC WORLD REWARDS MASTERCARD ทุกประเภท
รับฟรี Mocktail 1 ที่ / บัตร / เซลส์สลิป มูลค่า 360 บาท++

พร้อมรับคะแนน KTC สุดสูง x10*
สำหรับบัตรเครดิต KTC X WORLD REWARDS MASTERCARD
และ KTC WORLD MASTERCARD


1 ส.ค. 65 - 31 ธ.ค. 65


BAAN TEPA CULINARY SPACE
ถนนรามคำแหง กรุงเทพฯ
เปิด วันพฤหัสบดี-อาทิตย์ เวลา 17.00-16.30 น. (สำรองที่นั่งล่วงหน้า)
โทร. 098 696 9074
www.baantepabkk.com
www.facebook.com/baantepabkk


4. วิเสทสรร - VISATESUN


ร้านอาหารไทยในบ้านสีขาวหลังใหญ่อายุกว่า 70 ปี ท่ามกลางความร่มรื่นของต้นไม้ใหญ่และการตกแต่งร้านที่ให้บรรยากาศอบอุ่น เป็นกันเอง เหมือนได้นั่งรับประทานอาหารที่บ้าน โดยที่มาของชื่อร้าน วิเสทสรร นั้น มาจากคำว่า ‘วิเสท’ ซึ่งหมายถึง ผู้ดูแลอาหารสำรับในวังหลวง แสดงถึงความเป็นต้นตำรับในการรักษารสชาติ ความอร่อยดั้งเดิมของอาหารไทย และคำว่า ‘สรร’ ที่หมายถึง การเลือกสรรวัตถุดิบและเครื่องปรุงคุณภาพมาใช้ในการปรุงอาหาร เมื่อนำสองคำมารวมกัน จึงกลายเป็นนิยามความสมบูรณ์แบบของร้านในการสืบสานรสชาติ และเสน่ห์ของต้นตำรับอาหารไทย สมกับคอนเซ็ปต์ของร้านที่ว่า “แม้กาลเวลาจะเปลี่ยนไป แต่รสชาติไม่เคยเปลี่ยนแปลง”


 

วิเสทสรร - VISATESUN (Photo by KTC Culinary Collective)

อาหารไทยแต่ละจานของที่นี่จึงเป็นสูตรดั้งเดิม คัดสรรเฉพาะวัตถุดิบคุณภาพดี เน้นรสชาติจัดจ้านถึงเครื่อง รวมทั้งยังเป็นสูตรต้นตำรับที่มาจากเจ้าของจริง ๆ ซึ่งเป็นรายละเอียดลูกเล่นน่ารัก ๆ ที่นำเอาชื่อเจ้าของสูตรมาต่อท้ายชื่อเมนูเอาไว้ให้ได้ทราบว่า อาหารไทยรสเลิศจานนี้เป็นของคุณยายท่านไหน โดยก่อนเริ่มรับประทานทางร้านจะเสิร์ฟ ‘เมี่ยงคำครบรส’ อาหารกินเล่นโบราณ ให้ได้ทานเรียกน้ำย่อย เปิดต่อมรับรสก่อนลิ้มลองอาหารจานหลักอย่างเต็มที่

ส่วนอาหารจานแรกนั้น ขอแนะนำ ‘กุ้งทอดซอสมะขามสูตรคุณยายสะอาด’ ที่นำกุ้งแม่น้ำตัวใหญ่เนื้อแน่นนำเข้าจากพม่ามาทอดจนสุกกำลังดี ราดด้วยซอสมะขามสูตรดั้งเดิม โรยด้วยหอมเจียว อีกทั้งยังมีน้ำจิ้มซีฟู้ดสูตรเด็ด ให้ผู้ที่ชอบรสเผ็ดได้เติมรสสัมผัสที่แปลกใหม่ เมนูต่อมาคือ ‘หมูรัญจวนกวนใจสูตรยายอุบลคนงาม’ เป็นแกงรัญจวนรสชาติจัดจ้านครบรส หอมกลิ่นใบโหระพา ไม่ว่าจะรับประทานคู่กับข้าวสวยร้อน ๆ หรือ ‘ข้าวผัดแมวยายพิกุล’ ข้าวคลุกปลาทู รสชาติกลมกล่อม ก็ดีงามไม่แพ้กัน

ตามมาด้วย ‘แกงคั่วใบชะพลูเนื้อปูก้อนยักษ์’ ที่มีรสชาติเข้มข้นถึงเครื่องไม่แพ้จานไหน ได้ความหอมของกะทิที่เคี่ยวได้ที่กับเครื่องแกงสูตรโบราณ หอมกลิ่นสมุนไพรไทย โดยเฉพาะใบชะพลูที่เข้ากับความหวานของเนื้อปูก้อนโตสดใหม่จากจังหวัดสุราษฎร์ธานี และอีกสองจานสุดท้ายที่มาช่วยลดความเผ็ดของมื้ออาหาร ได้แก่ ‘ใบเหลียงผัดไข่’ ผักพื้นบ้านของภาคใต้ที่มีรสชาติมัน ผัดกับไข่นุ่ม ๆ โรยหน้าด้วยหอมเจียว กระเทียมเจียว และ ‘ปลาจาระเม็ดทอด’ ปลาจาระเม็ดขาวที่ส่งมาจากมหาชัย ทำให้ได้ปลาสดใหม่ เนื้อหวาน ขนาดกำลังพอเหมาะ นำมาทอดกรอบทั้งตัว แต่เนื้อปลาด้านในยังคงนุ่ม รับประทานคู่กับจานไหนก็เข้ากัน

 

อาหารไทยแต่ละจานของที่นี่เป็นสูตรดั้งเดิม คัดสรรเฉพาะวัตถุดิบคุณภาพดี เน้นรสชาติจัดจ้านถึงเครื่อง (Photo by KTC Culinary Collective)

สิทธิพิเศษบัตรเครดิต KTC MASTERCARD
รับส่วนลด 15% เฉพาะค่าอาหาร

พร้อมรับคะแนน KTC สุดสูง x10*
สำหรับบัตรเครดิต KTC X WORLD REWARDS MASTERCARD
และ KTC WORLD MASTERCARD


16 ก.ค. 65 - 31 ธ.ค. 65


VISATESUN
ซอยสุขุมวิท 32 กรุงเทพฯ
เปิดทุกวัน เวลา 11.00-22.00 น.
โทร. 063 995 2018
www.facebook.com/Visatesun
www.instagram.com/visatesun

5. MARIE GUIMAR


'MARIE GUIMAR' ร้านอาหารไทยของ ‘เชฟแวน-อายุษกร อารยางกูร’ ที่เลือกนำเสนออาหารไทยโบราณหารับประทานได้ยาก ภายใต้บรรยากาศการตกแต่งสไตล์ชิโน-โปรตุกีส ที่ให้ความรู้สึกเหมือนได้นั่งรับประทานอาหารอยู่ในสวนสมัยกรุงศรีอยุธยา ซึ่งเป็นยุคสมัยที่จีนและยุโรป เริ่มเดินทางเข้ามาทำการค้าในเมืองไทย ก่อให้เกิดวัฒนธรรมผสมผสาน โดยสื่อออกมาทางวอลล์เปเปอร์ลายใบไม้สีฟ้า-ขาว ที่หยิบยกวิถีชีวิตริมแม่น้ำของผู้คนในยุคเฟื่องฟูของกรุงศรีอยุธยามาออกแบควบคู่ไปกับโทนสีเขียวอบอุ่น และของตกแต่งแนวคลาสสิกอย่างเครื่องลายครามและเทคนิคการฉลุลายไม้อันงดงามประณีต

 

MARIE GUIMAR (Photo by KTC Culinary Collective)

ในส่วนของอาหาร ทางร้านให้ความสำคัญตั้งแต่การคัดสรรวัตถุดิบสดใหม่จากฟาร์มของไทย ไปจนถึงพืชผักออร์แกนิก ประกอบเข้ากับกรรมวิธีการทำที่นำเทคนิคใหม่ ๆ มาผสมผสานเข้าไปด้วย ก่อนนำเสนอหน้าตาอาหารที่สวยงามแบบไทยแท้ ชวนรับประทาน อย่างเมนูแรกที่เรียกน้ำย่อยด้วย ‘ค้างคาวเผือก’ เป็นของว่างตั้งแต่ช่วงปลายสมัยอยุธยาต้นรัตนโกสินทร์ และเป็นที่นิยมเรื่อยมาจนกระทั่งทุกวันนี้ โดยที่นี่ได้หยิบเอาสูตรดั้งเดิมในสมัยรัชกาลที่ 5 ที่เพิ่มเผือกเข้าไปแทนแป้ง และเปลี่ยนจากแป้งขนมจีบญวนเป็นแป้งตั้งหมิ่น สอดไส้เนื้อกุ้งสับล้วน ๆ ผัดกับมันกุ้งให้ออกสีสวย เพิ่มกลิ่นหอมด้วยใบมะกรูดซอยบาง จากนั้นขึ้นรูปลงทอด ให้รสสัมผัสที่กรอบ ผสานความละมุนของไส้ รับประทานกับอาจาดแล้วอร่อยเข้ากันเป็นอย่างดี

ถัดมาเป็นจานรสจัดคือ ‘พล่าเนื้อ’ เมนูที่มีความซับซ้อน เป็นการปรุงที่ต้องการให้มีรสสัมผัสของเนื้อสัตว์และผลไม้รวมกัน กรรมวิธีทำยังคงไว้ซึ่งกลิ่นและรสความเป็นไทย เสริมด้วยผลไม้รสเปรี้ยว ที่คนไทยรับประทานได้ ต่างชาติรับประทานดี แล้วขยับไปลองชิม ‘โต่ง’ ยำแบบพื้นเมืองทางภาคอีสาน โดยความโดดเด่นอยู่ที่น้ำยำ ใช้กะปิให้ความเค็มแทนน้ำปลา เลือกหมูหรือเนื้อย่างหั่นบาง ๆ ใส่เครื่องยำ ผักสมุนไพรต่าง ๆ โดยเฉพาะใบโหระพาซึ่งให้กลิ่นและรสชาติเป็นเอกลักษณ์ เมื่อคลุกเคล้าเข้ากับกะปิจะช่วยเสริมรสชาติกันและกัน

ปิดท้ายด้วยของหวานตามธรรมเนียมไทย ที่เลือกเสิร์ฟ ‘เชียงใหม่พลัมชีสเค้ก’ เป็นการนำวัตถุดิบท้องถิ่นทางภาคเหนือ มาผสมผสานชีสเค้กที่เป็นขนมฝรั่ง ให้ผลลัพธ์คือความอร่อยละมุนลิ้นยกกำลังสอง

 

‘ค้างคาวเผือก’ หนึ่งในเมนูเรียกน้ำย่อยโบราณหารับประทานยากที่ทางร้านได้เลือกนำมาให้ได้ลิ้มลอง (Photo by KTC Culinary Collective)

สิทธิพิเศษบัตรเครดิต KTC MASTERCARD
รับส่วนลด 10% เฉพาะค่าอาหาร

พร้อมรับคะแนน KTC สุดสูง x10*
สำหรับบัตรเครดิต KTC X WORLD REWARDS MASTERCARD
และ KTC WORLD MASTERCARD


16 ก.ค. 65 - 31 ธ.ค. 65


MARIE GUIMAR
โรงแรม Wyndham Bangkok Queen Convention Center, ชั้น 28 ซอยสุขุมวิท 16 กรุงเทพฯ
เปิดทุกวัน เวลา 11.00-22.00 น.
โทร. 02 258 5697
www.marieguimarbkk.com
www.facebook.com/marieguimarbkk
www.instagram.com/marie_guimar_bkk

หากใครอยากลองเปิดประสบการณ์ทานอาหารไทยสไตล์ไฟน์ไดน์นิ่งที่ 5 ร้านอาหารไทยชั้นนำในกรุงเทพฯ ทั้งหมดนี้กันดูสักครั้ง สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติม สำหรับร้านอาหารหรูในกรุงเทพ เชียงใหม่ และภูเก็ตได้ที่ https://ktc.promo/culinary-collective-bkk-menu หากยังไม่มีบัตรเครดิต KTC MASTERCARD คลิกสมัครเลย https://ktc.promo/apply-mastercard