ลิ้มรสชาติอาหารไทยสไตล์ Fine Dining ที่ 4 ร้านอาหารบรรยากาศดี การันตีความอร่อยโดย KTC MASTERCARD

Published on October 28, 2022

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าวงการอาหารไทยช่วงนี้กำลังเป็นที่นิยมอย่างมาก เพราะมีหลากหลายร้านอาหารไทยคุณภาพน้องใหม่เปิดให้บริการมากมาย จึงอยากชวนเหล่าฟู้ดดี้ที่ชื่นชอบอาหารไทยทั้งหลายไปร่วมเปิดประสบการณ์ทานอาหารสุดเอ็กซ์คลูซีฟยังร้านอาหารไทยชั้นนำในกรุงเทพฯ

สำหรับผู้ที่อยากซึมซับโมเมนต์รับประทานอาหารท่ามกลางบรรยากาศสุดหรู หรือสัมผัสกลิ่นอายของความเป็นไทย ลิ้มลองความอร่อยแบบฉบับไฟน์ไดน์นิ่ง ซึ่งถ่ายทอดทั้งรสชาติแบบไทย ๆ ผสานความเป็นศิลปะผ่านพรีเซนเทชันของอาหารแต่ละจาน และการรังสรรค์โดยเชฟระดับแนวหน้าของเมืองไทยแล้วละก็ ครั้งนี้ได้มีการรวบรวม 4 สุดยอดร้านอาหารไทยจากการคัดสรรโดยหนังสือ KTC Culinary Collective in Bangkok, Chiang Mai & Phuket ที่พ่วงความเอ็กซ์คลูซีฟมากับโปรโมชันสำหรับสมาชิกบัตรเครดิต KTC MASTERCARD ทุกประเภท ให้ได้เลือกไปอิ่มอร่อยอย่างคุ้มค่า พร้อมมอบสิทธิประโยชน์ดี ๆ รับคะแนน KTC สุดสูง x10* เมื่อมียอดใช้จ่ายผ่านบัตรฯ ที่ร้านอาหารที่ร่วมรายการ สำหรับบัตรเครดิต KTC X WORLD REWARDS MASTERCARD และ KTC WORLD MASTERCARD ทุกประเภท ตามเงื่อนไขที่กำหนด ตอบโจทย์การรับประทานอาหารมื้อพิเศษที่รับรองว่าหากสายอาหารไทยตัวจริงคนไหนได้ตามไปลิ้มลอง จะต้องประทับใจ

1.LAHNYAI NUSARA


LAHNYAI NUSARA ร้านอาหารไทยอีกหนึ่งแห่งของ ‘เชฟต้น-ธิติฏฐ์ ทัศนาขจร’ ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นบ้านหลังที่สอง ท่ีปลูกสร้างขึ้นโดยคนรุ่นหลาน โดยยังคงสืบสานแรงบันดาลใจจากอาหารไทยสูตรโบราณ ผ่านมุมมองร่วมสมัย เพื่อต่อยอดการนำเสนออาหารไทยสู่โต๊ะอาหารของคนรุ่นใหม่ รวมถึงยกระดับอาหารไทยในระดับสากล

เชฟต้นได้แบ่งปันเรื่องราวไว้ว่าเขาเองได้เติบโตมากับยายและแม่ที่ปรียบดั่งครูคนแรกในด้านการทำอาหาร ผู้หญิงทั้งสองต่างถ่ายทอดตำรับตำราอาหารไทยต่าง ๆ มาโดยตลอด หากแต่มีบางครั้งที่เชฟอยากลองใส่วัตถุดิบแปลกใหม่ลงไป หรือต้องการทดลองวิธีที่แตกต่างบ้าง ซึ่งแนวคิดเหล่านี้ได้นำมาใช้เป็นหัวใจหลักของเมนูที่ร้าน ‘หลานยายนุสรา’ แห่งนี้ เป็นการตีความอาหารไทยร่วมสมัย แบบอิสระตามใจหลานชาย ผ่านวัตถุดิบจากท้องถิ่นไทย เสริมด้วยวัตถุดิบนำเข้าบางชนิดที่นำมาปรุงให้เข้ากับรสชาติอาหารไทย ภายใต้เทคนิคกรรมวิธีที่มีในปัจจุบัน โดยมีเชฟต้นริเริ่มสร้างสรรค์เมนูและควบคุมการผลิต แล้วเสริมทัพด้วย ‘เชฟนงนุช แซ่อิ๊ว’ ผู้รับหน้าที่ Head Chef หญิงของทางร้าน

 

LAHNYAI NUSARA (Photo by KTC Culinary Collective)

เมนูของที่นี่เสิร์ฟแบบไฟน์ไดน์นิ่ง ทั้งหมด 14 คอร์ส มีจานเด่นแนะนำอย่าง ‘ปลาแห้งแตงโม’ สีสันสดใสในเทคนิคการทำ 5 เลเยอร์ มีทั้งแตงโม infused กับใบสะระแหน่ วุ้นแตงโม วุ้นดาชิปลาแห้ง วุ้นส้มซ่าหอมแบบไทย ๆ โรยหน้าอิคุระดองน้ำปลาและเนื้อทูน่าหยอง โรยหอมเจียวขูดผิวส้มซ่าออนท็อปตบท้าย ตกแต่งด้วยใบกระเจี๊ยบที่ช่วยเติมรสเปรี้ยวและดอกเอื้องเข็มแสดที่มีรสชาติคล้ายแตงโม บางคอร์สหยิบยืมต้นแบบมาจากแกงโบราณในสมัยรัชกาลที่ 5 นั่นคือ ‘ต้มจิ๋วหอยเป๋าฮื้อ’ สูตรโบราณนั้นใช้เนื้อกับมันเทศ แต่ทางร้านปรับมาใช้มันสามสี คือ มันเทศ มันม่วง และมันฝรั่ง ซุปจากหอยเป๋าฮื้อเคี่ยวข้ามคืนกับสาหร่ายคอมบุ ก่อนกรองออกเหลือแต่น้ำสต๊อกหอยเข้มข้น จากนั้นนำหอยมาตุ๋นในซุปดาชิ 8 ชั่วโมง แล้วสไลซ์ชิ้นบาง ๆ วางตกแต่งด้านบน ส่วนน้ำแกงผ่านการ infused กับใบกะเพรา ใบโหระพา หอมแดง พริก ปรุงรสด้วยน้ำเคยดี จนมีรสชาติจัดจ้านคล้ายต้มโคล้งผสมต้มแซ่บ เสิร์ฟมาในเหยือกร้อน ๆ ก่อนเทราดบนเนื้อหอย

ปิดท้ายมื้อแบบหญิงสาวแสนสวยด้วย ‘ขนมช่อผกากรองน้ำกะทิ’ ตัวแป้งผสมใบเตยจับจีบรูปดอกไม้ สอดไส้มะพร้าวคาราเมลที่ทำจากมะพร้าวอ่อนกวนกับน้ำตาลมะพร้าว รับประทานคู่กับเนื้อมะพร้าว ราดหัวกะทิเคี่ยวรมควัน ก่อนขูดทรัฟเฟิลปิดท้าย ถือเป็นการนำเห็ดทรัฟเฟิลมาใช้กับขนมไทยได้อย่างส่งเสริมกัน ทั้งความมันละมุนและหอมหวาน

 

‘ขนมช่อผกากรองน้ำกะทิ’ ขนมหวานไทยโบราณที่นำมาผสมผสานกับ 'เห็ดทรัฟเฟิล' วัตถุดิบนำเข้าที่เพิ่มความเป็นสากลให้กับเมนูนี้ได้อย่างลงตัว (Photo by KTC Culinary Collective)

สิทธิพิเศษบัตรเครดิต KTC MASTERCARD ทุกประเภท
รับฟรี เครื่องดื่ม Welcome Drink 1 ที่ มูลค่า 300 บาท++ / เซลส์สลิป

พร้อมรับคะแนน KTC สุดสูง x10*
สำหรับบัตรเครดิต KTC X WORLD REWARDS MASTERCARD
และ KTC WORLD MASTERCARD ทุกประเภท ตามเงื่อนไขที่กำหนด


1 ส.ค. 65 - 31 ม.ค. 66


LAHNYAI NUSARA
Baan Turtle 31 ซอยสวนพลู 2 กรุงเทพฯ
เปิดทุกวัน เวลา 16.00-23.00 น.
โทร. 062 242 5966
www.facebook.com/lahnyainusara
www.instagram.com/lahnyaibkk

2.NUSARA


สำหรับ NUSARA ร้านอาหารไทยแห่งนี้ จุดกำเนิดมาจากการที่ ‘เชฟต้น-ธิติฏฐ์ ทัศนาขจร’ และน้องชายคือ ‘คุณตาม-ชัยสิริ ทัศนาขจร’ โดยทั้งคู่มีความเห็นตรงกันว่าต้องการเปิดร้านอาหารแห่งนี้ขึ้นมาเพื่อเป็นอนุสรณ์รำลึกถึงความรักความผูกพันที่มีต่อคุณยาย ซึ่งพวกเขาได้ค้นพบอาคารเก่าหลังหนึ่งในซอยท่าเตียน ซึ่งเหมาะกับภาพร่างร้านอาหารในจินตนาการ จึงใช้ชื่อร้านแห่งนี้ว่า ‘นุสรา’ ย่อมาจากชื่อของคุณยาย เป็นความตั้งใจให้ทุกคนได้รู้จักและเอ่ยถึงชื่อคุณยายไปตลอด แม้ว่าเจ้าตัวจะจากไปนานแล้วก็ตาม

ภายในร้านมีการจัดแจกันดอกไม้ไว้ประดับตกแต่งร้าน บวกกับลวดลายและสีสันละลานตาที่พบเห็นได้ทั้งบนเฟอร์นิเจอร์ ผ้าม่าน และหมอนอิง ล้วนสะท้อนถึงตัวตนของคุณยายนุสราที่เป็นคนสนุกสนาน ในขณะเดียวกันก็เพิ่มความหรูหราด้วยจานสีทองวิจิตร สูงขึ้นไปบนผนังสีเขียวถูกประดับด้วยภาพขาวดำสไตล์วินเทจ ส่วนมุมห้องด้านในสุดบนโต๊ะข้างตัวเล็ก ๆ นั้นมีภาพถ่ายของคุณยายนุสราจัดวางอยู่บนวิทยุไม้โบราณเพื่อเป็นการระลึกถึงคุณยายอีกด้วย

 

NUSARA (Photo by KTC Culinary Collective)

เชฟต้นให้นิยามของอาหารไทยในรูปแบบนุสราไว้ว่า ‘อาหารไทยแต้มสีสัน’ เน้นรสชาติไทยแท้ แต่เข้าใจง่าย และหน้าตาสวยงาม นำเสนอผ่านการปรุงที่ผสมผสานกรรมวิธีแบบโบราณเข้ากับเทคนิคสมัยใหม่ระดับสากล ภายใต้แรงบันดาลใจจากอาหารสไตล์ไคเซกิ (Kaiseki) จากญี่ปุ่น ที่จัดเสิร์ฟมาเป็นคอร์สอย่างพิถีพิถัน ตามลำดับขั้นของรสชาติและความหนักเบาของประเภทอาหารแต่ละจาน โดยเริ่มจากเมนู ‘ยำปลาหมึก’ ที่นำเสนอมาในจานกระเบื้องทรงสี่เหลี่ยมขนาดกะทัดรัด ดูคล้ายข้าวเกรียบปากหม้อ ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจของจานนี้ ส่วนผสมมีแตงกวาสับ มะเขือเทศ กระเทียมโทน และเซเลอรี แต่งเติมสีชมพูจากดอกพวงชมพู ส่วนสีเหลืองจากดอกแตงกวา ทั้งหมดคลุกเคล้าน้ำยำกระเทียมดองกับน้ำปลาแท้จากเมืองตราด แล้วสไลซ์เน้ือปลาหมึกหอมจากน่านน้ำจังหวัดตราดเป็นแผ่นบาง ๆ ห่มคลุมทับพื้นผิวมาอีกที ตักรับประทานคำเดียว สัมผัสกับความแซ่บจี๊ดจ๊าด กลมกล่อม ช่วยเปิดรสสัมผัสพร้อมรับจานถัดไป

เมนูถัดมาดูผ่าน ๆ หน้าตาคล้ายข้าวปั้นหน้าอูนิ แต่ความจริงแล้วคือ ‘อ่องปูนาอินทรีย์แนมข้าวมัน’ ตัวข้าวปั้นมาจากข้าวสายพันธุ์ไทยสองชนิด ระหว่างข้าวหอมปทุมกับข้าวเหนียวเขี้ยวงู ส่วนด้านบนเป็นอ่องมันปูจากอําเภอลี้ จังหวัดลำพูน ราดซอสชิมิชูรีสมุนไพรไทย ตกแต่งด้วยกระเทียมทอดและใบมะกรูด รับประทานทุกอย่างรวมกันจะรับรู้ถึงรสมันนิดเค็มหน่อยของอ่องปู สอดประสานกับความเผ็ดเปรี้ยวจากสมุนไพรที่ช่วยตัดเลี่ยนได้ลงตัว และด้วยความที่เชฟต้นนั้นชอบรับประทานปลาสลิดมาตั้งแต่เด็ก จึงตั้งใจเสิร์ฟเมนู 'ต้มข่าปลาสลิด’ เพื่อยกระดับปลาสลิดบางบ่อขึ้นโต๊ะไฟน์ไดน์นิ่ง น้ำแกงปรุงแบบสูตรโบราณ โดยนำเครื่องแกงที่ประกอบด้วยพริก ข่า ตะไคร้ ไปคั่วให้หอม ปรุงรสด้วยเกลือและน้ำมะขามเปียก ก่อนต้มเป็นน้ำข่าใส่กะทิคั้นสด เนื้อปลาดรายเอจทอดจนฟูกรอบ ผลลัพธ์คือต้มข่าที่มีรสชาติอ่อนละมุน สามารถซดน้ำแกงได้คล่องคอ

 

'ต้มข่าปลาสลิด' สไตล์ไฟน์ไดน์นิ่งน้ำ ชูรสด้วยน้ำแกงปรุงแบบสูตรโบราณ (Photo by KTC Culinary Collective)

สิทธิพิเศษบัตรเครดิต KTC MASTERCARD ทุกประเภท
รับฟรี เครื่องดื่ม Welcome Drink 1 ที่ มูลค่า 300 บาท++ / เซลส์สลิป
 
พร้อมรับคะแนน KTC สุดสูง x10*
สำหรับบัตรเครดิต KTC X WORLD REWARDS MASTERCARD
และ KTC WORLD MASTERCARD ทุกประเภท ตามเงื่อนไขที่กำหนด

1 ส.ค. 65 - 31 ม.ค. 66


NUSARA
ถนนมหาราช กรุงเทพฯ
เปิด วันพุธ-จันทร์ (ปิดวันอังคาร) เวลา 18.00-23.00 น.
โทร. 097 293 5549
www.nusarabkk.com
www.facebook.com/nusarabkk
www.instagram.com/nusarabkk

3.BAAN DAENG BY METHAVALAI SORNDAENG


ร้าน บ้านแดง โดย เมธาวลัย ศรแดง เปรียบเสมือนบ้านแห่งความอร่อยในรสชาติไทยที่ร่วมสมัยยิ่งขึ้น เข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ได้มากขึ้น ตัวร้านจึงตั้งอยู่ที่จุฬาฯ ซอย 5 บริเวณสามย่าน ซึ่งเป็นอีกสถานที่ใจกลางเมืองที่คึกคักไปด้วยบรรดานักศึกษาและคนวัยทำงาน สามารถเดินทางได้อย่างสะดวกสบาย สำหรับชื่อร้านบ้านแดงนั้น เกิดจากความตั้งใจที่จะหาจุดเชื่อมโยงกับร้านดั้งเดิมซึ่งเคียงคู่ถนนสายประวัติศาสตร์อย่างราชดำเนินมายาวนานกว่า 60 ปี อีกทั้งยังสัมพันธ์กับชื่อเล่นของ ‘คุณแดง-จิระวุฒิ ทรัพย์คีรี’ บิดาของสามพี่น้อง ผู้เป็นเจ้าของร้านรุ่นท่ี 2 ในขณะเดียวกันก็ยังมีความหมายแฝงที่สื่อถึง ‘บ้านของพ่อ’ ไปด้วยในตัว

ตัวร้านคงเอกลักษณ์บ้านไทยร่วมสมัยไว้ด้วยการใช้ไม้เป็นองค์ประกอบหลักในการตกแต่ง มอบความรู้สึกอบอุ่นเป็นกันเอง รวมถึงอาหารไทยครบรสกลมกล่อมจัดจ้าน ซึ่งถือเป็นหัวใจหลักที่สืบทอดส่งต่อมาสู่ร้าน พร้อมนำเสนออาหารไทยในมุมมองใหม่เข้าไปด้วย เมนูของที่นี่จึงคละเคล้าเป็น 3 ประเภท คือ เมนูต้นตำรับที่ถอดสูตรมาจากร้านเมธาวลัย ศรแดง, แบบที่ 2 เป็นอาหารประเภทเดียวกับร้านเดิม แต่ปรับเปลี่ยนวัตถุดิบหรือกรรมวิธีการปรุงให้แตกต่าง และ 3 คือเมนูที่ทางร้านบ้านแดงรังสรรค์ขึ้นมาใหม่โดยเฉพาะ

 

BAAN DAENG BY METHAVALAI SORNDAENG (Photo by KTC Culinary Collective)

ยกตัวอย่างเมนูสตาร์ทเตอร์อย่าง ‘กระทงทองสองไส้’ เป็นจานลูกผสมของทั้งร้านเก่าและร้านใหม่ กระทงหนึ่งห่อไส้สูตรดั้งเดิม มีกุ้งสับคลุกเคล้ากับแห้ว ข้าวโพด และแครอท เสิร์ฟขณะอุ่น ๆ ส่วนสูตรใหม่เสิร์ฟแบบเย็น ไส้มะม่วงกับข้าวโพด น้ำยำมีความเผ็ดปนเปรี้ยว ก่อนจะปั่นเนื้อมะม่วงผสมเข้าไปช่วยเติมเต็มความสดชื่น ท็อปด้วยเนื้อปูก้อนและทองคำเปลว ได้ความอร่อยสมดุลแบบหยินหยาง ส่วนซิกเนเจอร์ตลอดกาลอย่าง ‘ผัดพริกขิงปลาดุกฟู’ ที่ยกสูตรดั้งเดิมมาเสิร์ฟความอร่อยก็ยังคงจัดจ้านครบเครื่อง

จานถัดมาเป็นเมนูที่ทางร้านตั้งใจสร้างสรรค์ให้เข้ากับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ นั่นคือ ‘ไก่ทอดมะแขว่น’ ซอสเกิดจากการนำมะแขว่นไปคั่วก่อน แล้วนำไปทำเป็นซอส จากนั้นจึงนำมาคลุกกับไก่ทอดอีกที รสชาติออกเค็ม ๆ หวาน ๆ รับประทานกับผลไม้อย่างสับปะรดหรือชมพู่ จะได้ความรู้สึกสดชื่นตั้งแต่คำแรก ส่วนอีกหนึ่งเมนูสร้างสรรค์ใหม่มีชื่อว่า ‘เนื้อเค็มต้มขมิ้น’ แรงบันดาลใจมาจากเนื้อเค็มต้มกะทิ แต่เติมลูกเล่นให้น่าสนใจยิ่งขึ้นด้วยขมิ้น ทำให้ได้กลิ่นที่ชวนรับประทาน เนื้อที่ใช้เป็นส่วนแก้มวัวที่นำไปตุ๋นเค็มจนนิ่ม เปื่อย ให้สัมผัสนุ่มละมุนและหอมกลิ่นอโรมา

 

ลิ้มลองความอร่อยแบบรสชาติไทยด้ังเดิม พร้อมเพิ่มเติมสร้างสรรค์เมนูใหม่ ๆ หน้าตาทันสมัยสวยงาม (Photo by KTC Culinary Collective)

สิทธิพิเศษบัตรเครดิต KTC MASTERCARD ทุกประเภท
รับส่วนลด 15% เฉพาะค่าอาหาร สำหรับสมาชิกบัตรเครดิต KTC WORLD REWARDS MASTERCARD, 
KTC X WORLD REWARDS MASTERCARD, 
KTC WORLD MASTERCARD
เมื่อรับประทานครบ 1,000 บาทขึ้นไป / เซลส์สลิป

พร้อมรับคะแนน KTC สุดสูง x10*
สำหรับบัตรเครดิต KTC X WORLD REWARDS MASTERCARD
และ KTC WORLD MASTERCARD ทุกประเภท ตามเงื่อนไขที่กำหนด

1 ส.ค. 65 - 31 ม.ค. 66


BAAN DAENG BY METHAVALAI SORNDAENG
จุฬาฯ ซอย5 กรุงเทพฯ
เปิดทุกวัน เวลา 11.00-21.00 น.
โทร. 080 365 6328
www.facebook.com/baandaengrestaurant
www.instagram.com/baandaeng

4.BENJARONG


เบญจรงค์ ร้านอาหารไทยในบ้านหลังใหญ่สีขาว ที่โดดเด่นด้วยงานสถาปัตยกรรมยุคก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 ตั้งอยู่ในพื้นที่ของโครงการบ้านดุสิตธานี ท่ามกลางบรรยากาศที่มีความเป็นส่วนตัว แวดล้อมไปด้วยความร่มรื่นของต้นไม้ใหญ่และสวนสวยสไตล์ตะวันตก

ภายใต้คอนเซ็ปต์ Heritage Reimagined สะท้อนความเป็นห้องอาหารที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน และเต็มไปด้วยเรื่องราวอันน่าจดจำ ผ่านการออกแบบที่สวยสง่าและประณีตในทุกรายละเอียด สอดแทรกวัฒนธรรมไทยด้วยของตกแต่งอันทรงคุณค่า ไม่ว่าจะเป็นถ้วยชามเบญจรงค์ ตู้ไม้สักสลักลวดลายวิจิตร ผ้าเช็ดปากและหมอนอิงผ้าไหม รวมถึงนำลายไทยบนเสาต้นใหญ่ในห้องเบญจรงค์เดิม ฝีมือสร้างสรรค์ โดยปรมาจารย์ช่างศิลป์ไทย มาเปลี่ยนเป็นลวดลายของวอลล์เปเปอร์ ใช้ตกแต่งโดยรอบห้องอาหาร

 

BENJARONG (Photo by KTC Culinary Collective)

ทางร้านหยิบยกความอร่อยแบบรสชาติไทยด้ังเดิมมาครบถ้วนทุกเมนู พร้อมสร้างสรรค์เมนูใหม่ ๆ หน้าตาทันสมัยสวยงาม เพื่อเป็นการต้อนรับบ้านหลังใหม่นี้อีกด้วย สำหรับเรียกน้ำย่อยแนะนำเป็น ‘หมูสะเต๊ะและอาจาด' เนื้อหมูสันในหมักซอสโฮมเมด ย่างบนเตาถ่านจนหอมกรุ่น ขณะย่างจะพรมหัวกะทิลงบนเน้ือหมูด้วย เพื่อช่วยยกระดับความหอมที่มากกว่า ส่วนความพิเศษของเมนูนี้อยู่ที่อาจาดในรูปแบบเจล ที่นอกจากจะช่วยตัดเลี่ยนแล้วยังเพิ่มความสดช่ืนได้ดี ตามมาด้วยเมนูแกงไทยชื่อดังระดับโลกอย่าง ‘แกงมัสมั่น’ ได้รับการเสิร์ฟมาพร้อมแป้งโรตีหนานุ่ม ตัวมัสมั่นโรยหอมเจียว ผิวส้มซ่า และกะทิราดหน้าตามตำราโบราณ แต่มีการเพิ่มหอมดองแทรกเข้ามาด้วย เพื่อช่วยเติมความเปรี้ยวตัดรสสัมผัสให้ไม่หวานเลี่ยนจนเกินไป ส่วนน้ำแกงตั้งใจให้มีเนื้อสัมผัสเข้มข้น เพื่อให้ตักราดบนแผ่นโรตีได้ง่ายดาย เวลารับประทานจะได้กลิ่นหอมของเนยแท้จากแผ่นโรตีแบบเต็มคำ

ตัวอย่างเมนูที่รังสรรค์ขึ้นสำหรับบ้านหลังใหม่น้ี ทางร้านภูมิใจนำเสนอ ‘กุ้งแม่น้ำข้าวเม่ากรอบซอสมะขาม’ กุ้งแม่น้ำไซส์ใหญ่ เสิร์ฟมาบนข้าวเม่าที่นำไปคลุกกับผงใบมะกรูดตากแห้ง จึงได้สีเขียวตามธรรมชาติตัดกับสีส้มสดของตัวกุ้ง เติมความชุ่มฉ่ำด้วยซอสมะขาม รับประทานแล้วได้สัมผัสทั้งความหนึบแน่น ผสานความกรอบและกลิ่นหอมอโรมา ปิดด้วยของหวานที่ร้านเลือกเสิร์ฟ ‘ส้มฉุนลอยแก้ว' สูตรยึดตามตำรับโบราณ ด้วยการใช้น้ำส้มซ่าแท้ หอมเจียว ขิงอ่อนซอย และ ‘สละลอยแก้ว’ เสิร์ฟแยกมากับน้ำแข็งเกล็ดหิมะใส่กรวยแก้วออนท็อปด้านบน หรือใครอยากจะลองชิมเครื่องดื่ม ก็ขอแนะนำ ‘Roselle Water’ น้ำกระเจี๊ยบต้มสูตรโบราณ รสเปรี้ยวหวานชื่นใจ ส่วนสายชาเลิฟเวอร์จะต้องประทับใจกับ ‘Candle-Scented Thai Tea’ ชาไทยอบควันเทียน ดื่มแล้วมีกลิ่นหอมเหมือนกำลังรับประทานขนมไทยโบราณอย่างไรอย่างนั้น

 

‘แกงมัสมั่น’ หนึ่งในเมนูเรียกน้ำย่อยแสนอร่อยประจำร้าน BENJARONG (Photo by KTC Culinary Collective)

สิทธิพิเศษบัตรเครดิต KTC MASTERCARD ทุกประเภท
รับส่วนลด 15% เฉพาะค่าอาหาร
  
พร้อมรับคะแนน KTC สุดสูง x10*
สำหรับบัตรเครดิต KTC X WORLD REWARDS MASTERCARD
และ KTC WORLD MASTERCARD ทุกประเภท ตามเงื่อนไขที่กำหนด

1 ส.ค. 65 - 31 ม.ค. 66


BENJARONG
บ้านดุสิตธานี ถนนศาลาแดง กรุงเทพฯ
เปิดทุกวัน เวลา 07.00-22.00 น.
โทร. 02 200 9009
www.baandusitthani.com
www.facebook.com/baandusithani
www.instagram.com/baandusitthani


สำหรับใครที่ชื่นชอบอาหารไทยเป็นพิเศษ หรืออยากลองเปิดประสบการณ์ทานอาหารไทยในแบบฉบับไฟน์ไดน์นิ่งที่ 4 ร้านอาหารชั้นนำในกรุงเทพฯ กันดูสักครั้ง สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติม สำหรับร้านอาหารหรูในกรุงเทพ เชียงใหม่ และภูเก็ตได้ที่ https://ktc.promo/culinary-collective-v2-bkk-menu หากยังไม่มีบัตรเครดิต KTC MASTERCARD คลิกสมัครเลย https://ktc.promo/apply-mastercard