เที่ยวเพลิน เดินชิลล์ แวะชิมต้นตำรับความอร่อยหลากหลายที่ย่านเก่านางเลิ้ง

Published on January 15, 2019

The Oldest Market in Bangkok City

‘นางเลิ้ง’ หนึ่งในย่านเก่าที่ยังคงมนต์เสน่ห์ความคลาสสิกของกรุงเทพฯ ไว้ได้ดีไม่เปลี่ยนไป นอกจากจะมีเรื่องราวในแง่มุมประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรมที่น่าสนใจแล้ว ยังเป็นอีกหนึ่งย่านต้นตำรับความอร่อยของอาหารหลากหลายประเภทตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน

 

ย่านตลาดเก่านางเลิ้ง

พาย้อนไปทำความรู้จักกับชุมชนเก่าแก่แห่งนี้ ที่มีอายุยาวนานกว่าศตวรรษจาก ‘บ้านสนามควาย’ จวบจนมาเป็น ‘อีเลิ้ง' หรือ ‘นางเลิ้ง’ ในปัจจุบัน เมื่อครั้งยุคสมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม แต่เดิมละแวกนี้ก็เปรียบเสมือนย่านสยามสแควร์ในปัจจุบัน ที่มีผู้คนคึกคักหลั่งไหลมาทำกิจกรรม และเดินเที่ยวกันอย่างเพลิดเพลินตลอดทั้งวัน

 

แหล่งความบันเทิงใจกลางเมืองจากยุคสมัยก่อนที่ยังคงมีให้เห็นในปัจจุบัน

นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งความบันเทิงใจกลางเมือง ไม่ว่าจะเป็นสนามม้านางเลิ้ง โรงหนังเฉลิมธานี และความสวยงามของหมู่ตึกขนมปังขิงสีอมชมพูสุดคลาสสิกอายุนับร้อยปี ที่ตั้งอยู่ริมสองข้างทางนับตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน เป็นเครื่องยืนยันได้เป็นอย่างดีว่าในอดีตย่านนี้มีความเจริญและคึกคักแค่ไหน

 

อาคารรูปแบบเรือนขนมปังขิงสีชมพูสุดคลาสสิก ปรากฏให้เห็นตลอดทั่วทั้งย่านนางเลิ้ง

 

BKK. ขออาสาพาไปเดินย่านเมืองเก่า เล่าเรื่องราวความเก๋า และอัพเดตความอร่อยที่นอกจากยังคงรสตำรับดั้งเดิมของตลาดนางเลิ้งแล้ว ก็ยังมีคาเฟ่ ร้านอาหารใหม่ ๆ มากมายที่น่าสนใจไม่แพ้กัน


1

ตลาดนางเลิ้งร้อยปี

 

ตลาดนางเลิ้งร้อยปี

ตลาดเก่าแก่แห่งนี้เป็นตลาดบกแห่งเเรกในประเทศไทย เริ่มต้นเมื่อครั้งขุดคลองผดุงกรุงเกษมในสมัยรัชกาลที่ 4 ขยายมาถึงบริเวณนางเลิ้ง ทำให้มีการเเลกเปลี่ยนซื้อขาย ขยับขยาย และกลายเป็นแหล่งการค้าขายที่สำคัญ เดิมทีที่นี่เป็นตลาดไม้เก่า ๆ ที่เต็มไปด้วยร้านค้าหลายร้าน ภายหลังได้มีการปรับปรุงพื้นที่ใหม่ โดยเปลี่ยนจากรูปแบบตลาดน้ำเป็นการค้าบนบกครั้งแรกในสมัยรัชกาลที่ 5 หรือปี พ.ศ. 2442 ปัจจุบันก็มีอายุเกือบ 120 ปี

 

เเหล่งรวมตำรับความอร่อยเจ้าดั้งเดิม

ตลาดนางเลิ้งเป็นเเหล่งรวมตำรับความอร่อย ที่มีทั้งของคาวของหวานขึ้นชื่อลือชาให้เหล่านักชิมได้แวะเวียนมาอยู่ไม่ขาดสาย เช่น ‘ร้านนันทาขนมไทย’ ร้านขนมไทยสูตรโบราณแท้ ๆ ที่สืบทอดรสมือจากต้นเครื่องวังหลังมานานกว่า 40 ปี แล้ว ด้วยรสชาติและความเป็นเอกลักษณ์ของขนมไทยทุกชนิด ประกอบกับมะพร้าวทึนทึกที่ใช้การขูดด้วยกระต่ายขูดมะพร้าวแบบโบราณ ทำให้ได้ความหอมมัน และรสชาติดั้งเดิมน่าทาน

 

ร้านนันทาขนมไทย

 

ขนมไทยชิ้นเล็กชิ้นน้อย หอมกรุ่น สดใหม่ น่าลอง

ร้านนันทาขนมไทย
ตลาดนางเลิ้ง
เปิดทุกวัน ยกเว้นอาทิตย์ เวลา 06.00 - 16.00 น.
โทร. 0-2282-5142 


ต่อด้วยร้าน ’เป็ดพะโล้ ส.รุ่งโรจน์’ ร้านเป็ดพะโล้ เป็ดตุ๋นเจ้าดังที่เปิดขายเคียงคู่กับตลาดนางเลิ้งมาตั้งแต่ปี 2506 รับรองว่าถูกใจคนรักเป็ดเป็นอย่างยิ่ง ด้วยเมนูเป็ดที่หลากหลาย รสชาติอร่อยกลมกล่อม คงเส้นคงวามากว่า 50 ปี จนเป็นเอกลักษณ์ ได้เนื้อเป็ดที่ชุ่มฉ่ำ ไส้แก้วเหนียวนุ่มพอดี และน้ำซุปหอม ๆ อร่อยจนหลายคนติดอกติดใจไปตาม ๆ กัน

 

เป็ดพะโล้ ส.รุ่งโรจน์

เป็ดพะโล้ ส.รุ่งโรจน์
ตลาดนางเลิ้ง
เปิดทุกวัน เวลา 09.00-20.00 น.
โทร. 0-2629-9800


และยังมีร้านอร่อยให้เข้าไปเดินชิมอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ไส้กรอกปลาแนม, บะหมี่เกี๊ยวนางเลิ้ง, สาคูไส้หมูแม่สะอึ้ง เป็นต้น คนส่วนใหญ่จะเดินทางมาเลือกซื้อของ และแวะพักทานของอร่อยในช่วง 10.00 - 13.00 น.ของทุกวัน ทำให้ช่วง 14.00 น. เป็นต้นไป บางร้านก็เริ่มปิดให้บริการกันเสียแล้ว แต่ยังคงมีบางร้านที่เปิดขายจนถึงช่วงกลางคืน

2

ศาลาเฉลิมธานี

 

ศาลาเฉลิมธานี

เมื่อการเดินทางสะดวกขึ้น ย่านนี้จึงเริ่มมีการตัดถนนนครสวรรค์ ทำให้ย่านนางเลิ้งยิ่งมีสีสันและคึกคักมากขึ้น กลายเป็นแหล่งการค้าขายที่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว นอกจากที่นี่จะเป็นตลาดนางเลิ้งแล้ว ยังเป็นที่ตั้งของ ‘ศาลาเฉลิมธานี’ หรือที่เรียกกันอีกชื่อหนึ่งว่า 'โรงหนังนางเลิ้ง' โรงภาพยนตร์ไม้กรุงเก่ายุคแรกของเมืองไทยอีกด้วย

 

อาคารไม้สองชั้นที่เคยเป็นแหล่งรวมความบันเทิงของคนในย่านนี้

โรงหนังนางเลิ้ง ถูกสร้างขึ้นโดยบริษัทภาพยนตร์พัฒนากร ในช่วงแรกเป็นที่นิยมของประชาชนที่อยู่อาศัยในย่านแถวนั้นอย่างมาก โดยลักษณะของโรงภาพยนตร์แห่งนี้เป็นอาคารไม้ 2 ชั้น ที่นั่งชมเป็นเก้าอี้ไม้เรียงแถวยาว ไม่ระบุเลขที่ ซึ่งไม่ว่าใครก็สามารถเข้ามาเลือกชมภาพยนตร์ได้ตามอัธยาศัย เพราะไม่มีเจ้าหน้าที่ตรวจตั๋วฯ หนังที่ฉายในยุคแรก จึงเป็นหนังเงียบไม่มีการพากย์เสียงทั้งภาษาไทย ภาษาจีน ภาษาอินเดีย และภาษาอังกฤษ

 

ต่อมาได้ถูกขายกิจการให้กับบริษัท สหศีนิมา จำกัด ซึ่งอยู่ในสังกัดสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ และในสมัยรัชกาลที่ 7 ได้ถูกเปลี่ยนชื่อเป็นศาลาเฉลิมธานี ก่อนที่วงการภาพยนตร์ประสบปัญหาอย่างหนักช่วงวิกฤตเศรษฐกิจปี พ.ศ. 2537 ทำให้สถานที่แห่งนี้ต้องเลิกกิจการและแปรสภาพเป็นโกดังเก็บสินค้าของเอกชนในเวลาต่อมา ใครที่สนใจ ชื่นชอบสถาปัตยกรรมในอดีต ที่นี่ก็ยังคงทิ้งร่องรอยเอาไว้ให้ได้เดินชมกันอยู่บ้างในส่วนภายนอก

3

นางเลิ้งอ๊าร์ต

 

นางเลิ้งอาร์ต

นางเลิ้งอ๊าร์ต ร้านถ่ายรูปเก่าแก่บนถนนนครสวรรค์ ตรงกันข้ามกับตลาดนางเลิ้ง โดยมี นายหม่อยหยุ่น แซ่เหงี่ยว หรือ อาจ ศิลปวาณิช เป็นเจ้าของร้านชาวจีนคนแรก ที่คิดค้นวิธีทำล็อกเก็ตหินคุณภาพ และรับทำล็อกเก็ตเป็นแห่งแรกของเมืองไทย มีชื่อเสียงอย่างมากในยุคนั้น

 

ร้านทำล็อกเก็ตแห่งแรกของเมืองไทย

 

ล็อกเก็ตของคนสมัยก่อนที่เคยมาใช้บริการกับทางร้าน

ปัจจุบันผู้ที่มาสืบทอดกิจการต่อ และยังคงรักษาฝีมือที่ประณีตละเอียดอ่อนไว้ได้อย่างดีเยี่ยม งานทุกชิ้นคัดสรรจากวัตถุดิบคุณภาพดีที่สุดจากต่างประเทศ ทํามือทุกชิ้น บรรจงทุกขั้นตอน โดยช่างฝีมือที่มีความชำนาญงานด้านนี้จากรุ่นต่อรุ่นมากว่า 100 ปี เพื่อรักษาความเป็นเอกลักษณ์ เฉพาะตัวที่ทําให้ล็อกเก็ตหินยังคงความงดงามดังเดิม ไม่ว่าจะผ่านไปนานเท่าไรก็ตาม เป็นเครื่องประดับที่มีคุณค่าต่อความรู้สึก และเป็นสัญลักษณ์แทนความทรงจําล้ำค่าได้นับร้อยปี  
 

ฝีมือการทำล็อกเก็ตที่ประณีต ละเอียดอ่อน โดยช่างทำล็อกเก็ตมากฝีมือ

บรรยากาศเก่าแก่คลาสสิกภายในร้าน ประดับประดาด้วยภาพเก่า กล้องถ่ายรูปโบราณ และตู้กระจกที่สะสมล็อกเก็ตของคนรุ่นก่อนซึ่งเคยมาใช้บริการ เชิญชวนให้คนรุ่นใหม่ได้เข้าไปทำความรู้จักกับงานล็อกเก็ตหิน พร้อมความรู้สึกที่อยากเก็บภาพความทรงจำไว้บนล็อกเก็ตหินสักชิ้น

 

หนึ่งในขึ้นตอนการลงสีลงบนเซรามิก

ร้านนางเลิ้งอาร์ต
333 ถนนนครสวรรค์ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย
โทร. 02-282-8157
www.nangloengarts.com


4

Buddha & Pals

 

แชนเดอเลียร์ขนาดใหญ่ แขวนโดดเด่นอยู่กลางร้าน

Buddha & Pals คาเฟ่ที่ซ่อนตัวอยู่ในตึกแถวโบราณย่านนางเลิ้ง อายุกว่า 80 ปี พร้อมพาคุณไปเปลี่ยนบรรยากาศให้ได้ร่วมย้อนเวลาไปกับตึกแถวอันทรงคุณค่าทันทีที่เปิดประตูเข้าไป

 

บริเวณด้านหน้าอาคารเก่าหลังงาม

มนต์เสน่ห์ของตึกแถวโบราณอายุกว่า 80 ปีแห่งนี้ ถูกถ่ายทอดผ่านประวัติและเรื่องเล่าที่น่าสนใจของผู้เป็นเจ้าของจากรุ่นสู่รุ่น นับตั้งแต่ 'ท่านหลวงสิทธื์ โยธารักษ์' หมอยาที่มีชื่อเสียงในอดีต ผู้คิดค้นต้นกำเนิด 'ยาประสระนอแรด หรือ น้ำมันมวย' ที่หลายคนอาจคุ้นหูหรือรู้จักกันเป็นดี เพราะที่นี่เคยเป็นโรงงานผลิตน้ำมันมวยมาก่อน ซึ่งต่อมาอาคารหลังนี้ก็ได้มีการเปลี่ยนกิจการไปหลายรูปแบบ ทั้งร้านสูท ร้านเครื่องประดับ จนกระทั่งเมื่อมีโอกาสดี ทายาทของโรงงานน้ำมันมวยรุ่นที่ 4 และ คุณแม็ค - ภีระสิทธิ์ สีมูลเสถียร จึงสานต่อการอนุรักษ์อาคารนี้ด้วยการรีโนเวทอาคารเก่าแก่ที่เจ้าของได้สิทธิ์ทำการค้าจากสำนักทรัพย์สินฯ มากว่าร้อยปีให้กลายเป็นโฮสเทล Kanvela House และร้านกาแฟ Buddha & Pals ในปัจจุบัน 

 

เฟอร์นิเจอร์ Vintage เพิ่มบรรยากาศของคาเฟ่ให้เก่าแก่ได้อารมณ์เพิ่มขึ้นไปอีก

พื้นที่บางส่วนยังเพิ่มกิมมิกด้วยการปลูกต้นไม้ใหญ่ภายในร้าน และเจาะพื้นของชั้น 2 เพื่อให้ต้นไม้โตขึ้นเรื่อยไปตามธรรมชาติ มีกระจกใสบานใหญ่หน้าร้าน สะท้อนแสงไฟจากแชนเดอเลียร์ขนาดใหญ่ที่แขวนโดดเด่นอยู่กลางร้าน และสไตล์การตกแต่งแบบ Rustic ที่เลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ Vintage แต่ละชิ้นแบบผสมผสานกันได้อย่างลงตัว 

นอกจากจะเข้ามาใช้บริการในส่วนของโฮสเทลเพื่อพักผ่อนแล้ว ยังได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศคลาสสิกในโซนคาเฟ่ Buddha & Pals พร้อมเมนูที่ทางร้านครีเอทมาให้อิ่มอร่อย ไม่ว่าจะเป็น Signature Drink สุดพิเศษหลากหลายเมนูอย่าง Karnvela 59 (130 บาท) ซิกเนเจอร์ดริงก์ที่มอบความพิเศษของกาแฟอเมริกาโนรสเข้มเข้ากับความหวานของน้ำผึ้ง และความเปรี้ยวหอมของเลมอนได้อย่างพอดี

 

Karnvela 59 (130 บาท)

Buddha & Pals
ถนนกรุงเกษม (ใกล้วัดโสมนัสราชวรวิหาร) เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย 
เปิดทุกวันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 10.00 - 19.00 น. โซนบาร์แจ๊สเปิดเวลา 19.00 - 23.00 น
โทร. 06-1585-9283
www.facebook.com/kanvelahouse

 

Alex & Beth

อีกหนึ่งมนต์เสน่ห์ของย่านเก่าในกรุงเทพฯ ที่ชวนให้ไปลิ้มลองอย่าง Alex & Beth คาเฟ่สไตล์ยุโรปบนถนนหลานหลวงใกล้กันกับนางเลิ้ง พร้อมเสิร์ฟความอร่อยผ่านหลากหลายเมนูอาหารและเครื่องดื่มสูตรโฮมเมด ที่ทาง คุณตูน-กัญจน์ สุวรรณธาดา เจ้าของร้าน  ได้นำเอาประสบการณ์ ความประทับใจจากการดื่มเครื่องดื่มและทานอาหารรสชาติดี ตลอดระยะเวลาที่เดินทางไปยังประเทศต่าง ๆ มาปรับใช้จนได้สูตรเฉพาะและรสชาติที่ลงตัว

 

เพียงเดินเข้ามาก็ได้กลิ่นอายของความคลาสสิกจากการตกแต่งภายในร้าน

 

โทนสีคลาสสิกและบรรยากาศการตกแต่งร้านด้วยของสะสมสไตล์วินเทจ

เพียงเดินเข้ามาก็ได้กลิ่นอายของความคลาสสิกจากการตกแต่งภายในร้าน บรรยากาศด้านในทางร้านเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ไม้ มู้ดแอนด์โทนสีคลาสสิกและการตกแต่งในแบบวินเทจ จัดวางโซนที่นั่งมุมต่าง ๆ ได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเลือกนั่งตรงไหนก็สามารถชิลล์เอาท์ ใช้ช่วงเวลาดี ๆ จิบเครื่องดื่มแก้วโปรด ละเลียดความอร่อยกับเมนูที่อยู่ตรงหน้าและมองดูวิถีชีวิตของย่านกรุงเก่าได้ตลอดทั้งวัน

 

Grilled Cheese (160 บาท)

เมนูแนะนำ Grilled Cheese (160 บาท) ขนมปังฝรั่งเศสอบร้อนที่ท็อปด้านบนด้วยชีสเน้น ๆ เป็นพิเศษ ปิ้งบนกระทะร้อนหอมกรุ่น แล้วเสิร์ฟมาพร้อมกับมันฝรั่งสไลซ์บางทอดกรอบ ก่อนจะหันมาเอาใจคนดื่มกาแฟด้วยเมนู Hot Black (90 บาท) กาแฟดำที่ใช้วิธีการเสิร์ฟแบบอเมริกาโนอิตาเลียน ด้วยเอสเพรสโซช็อตหนึ่งแก้วพร้อมกับกาน้ำร้อน ให้เลือกเติมน้ำลงไปตามความเข้มที่แต่ละคนชอบ

 

Hot Black (90 บาท)

Alex & Beth
ถนนหลานหลวง เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย
เปิดทุกวันพฤหัส - อังคาร เวลา 10.00 - 18.00 น.(ปิดทุกวันพุธ)
โทร. 09-4236-4195
www.facebook.com/alexandbethbangkok


6

The Opposite

 

The Opposite

The Opposite ร้านอาหารและคาเฟ่ดี ๆ ในบรรยากาศสุดเก๋แห่งหนึ่งในย่านนางเลิ้ง ที่เปลี่ยนบ้านหลังเก่าให้คงความคลาสสิกและแฝงไปด้วยความสมัยใหม่ ด้วยการออกแบบให้มีลักษณะคล้ายบ้านเก่าที่กำลังก่อสร้าง โดยแบ่งออกเป็นสองชั้นตามความสูงของต้นไม้ใหญ่ที่ตั้งอยู่กลางร้าน เลือกใช้เฟอร์นิเจอร์และข้าวของเครื่องใช้ที่ดูแตกต่างอย่างลงตัวไม่ว่าจะเป็นช้อนส้อมสีทอง เก้าอี้ไม้ และเติมความเก๋มีสไตล์ด้วยภาพเพ้นต์รอบ ๆ ร้าน 

 

ร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่ที่ตั้งอยู่กลางร้าน

ในส่วนของเมนูต่าง ๆ ของที่นี่ เน้นเสิร์ฟอาหารจานเดียว ทานง่าย เริ่มต้นกันที่เมนู Spaghetti The Oqposite Special (220 บาท)  สปาเก็ตตี้สูตรเฉพาะของทางร้าน ให้รสชาติคล้ายกับสปาเก็ตตี้โอริโอ้ที่มีความเค็มของชีส ความหวานจากโอริโอ้ และความเผ็ดร้อนของพริกและกระเทียม แนะนำให้ทานให้ครบทุกองค์ประกอบในหนึ่งคำก็จะพบรสชาติความอร่อยที่ไม่เคยทานที่ไหนมาก่อน

 

Spaghetti The Oqposite Special (220 บาท)

Honey Matcha (155 บาท) เครื่องดื่มที่มีเบสฮันนี่เลมอนและน้ำเลมอน ผสมผสานด้วยชาเขียวพรีเมียม ทำให้ได้รสชาติที่เข้มข้นของชาที่ปลายลิ้น และความหวานอมเปรี้ยวสดชื่นของฮันนีเลมอน 

 

Honey Matcha (155 บาท)

The Opposite
ถนนพะเนียง เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย
เปิดวันพุธ - จันทร์ เวลา  09.30 - 20.00 น. (ปิดทุกวันอังคาร)
โทร. 08-9523-9824
www.facebook.com/Theoqposite