7 บาร์ลับบรรยากาศเก๋สำหรับคนโสด

Published on September 05, 2018
สำหรับสายดริ๊งก์ ลองมาเปลี่ยนมู้ดกันที่ Speakeasy Bars เก๋ ๆ ด้วยโลเคชั่นที่ลึกลับซับซ้อนทำให้ต้องมองหากันดี ๆ แต่เมื่อเข้าไปแล้ว จะพบบรรยากาศสนุก ๆ น่าค้นหามากกว่าบาร์ทั่วไป สกู๊ปนี้ BKK เลยขอชี้พิกัดบาร์ลับเหล่านี้ให้ทุกคนได้ตามไปเช็คอิน และสำหรับใครที่โสดอยู่ บาร์ในลิสต์นี้มีมุมที่นั่งหน้าบาร์ที่จะไปนั่งคนเดียวหรือไปเป็นกลุ่มก็สามารถชิลล์ได้อย่างไม่ต้องเคอะเขิน แล้วอย่าลืมโหลดแอปฯ Tinder ติดเครื่องไว้ เผื่อดวงดีอาจได้เจอเนื้อคู่
1

Rabbit Hole

 

Rabbit Hole

ไปแฮงก์เอาท์กันที่ร้านแรกกับ Rabbit Hole บาร์สุดหรูที่ตกแต่งโดยเน้นการผสมผสานสไตล์ดิบเท่เข้ากับสไตล์หรูหรา ครีเอทค็อกเทลแต่ละแก้วโดยบาร์เทนเดอร์มากประสบการณ์จากโรงแรมชื่อดังต่าง ๆ ดริ๊งก์ของที่นี่ได้คุณชาช่า สุวิญชา สิงห์สุวรรณ บาร์เทนเดอร์ฝีมือดีที่เคยคว้ารางวัลอันดับที่ 4 ของโลกจากการแข่งขันเวที Barcadi Legacy Cocktail มาเป็นคนคิดเมนูให้ โดยจะเป็นคราฟท์ค็อกเทลที่ทางร้านทำน้ำเชื่อมขึ้นมาเองและยังอินฟิวส์เหล้าเองด้วย

 

ความโรแมนติกด้านในร้าน

สำหรับเมนูค็อกเทล ทางร้านแนะนำ White Truffle Martini (450 บาท) ที่นำน้ำมัน White Truffle มาอินฟิวส์กับจินด้วยวิธี Fat Wash และเสิร์ฟแบบ Naked ทำให้ได้กลิ่นทรัฟเฟิลหอมเตะจมูก เพียงดื่มแก้วนี้แก้วเดียวก็เดินเซกันได้เลย 

 

White Truffle Martini (450 บาท)

ส่วนใครคอไม่แข็ง เปลี่ยนมาลอง Queen of Heart (350 บาท) ที่มีวอดก้า น้ำว่านหางจระเข้ น้ำองุ่น มะนาว ไข่ขาว และน้ำเชื่อมกลิ่นดอกบัว

 

Queen of Heart (350 บาท)

และยังมี Cosa Nostra (420 บาท) มีส่วนผสมของเหล้าคอนยัคอินฟิวส์กับเชอร์รี่ อะมาเร็ตโต้ และกลิ่นซิการ์ เป็นดริ๊งก์แมน ๆ ที่มีกลิ่นสโมคของซิการ์อีกด้วย

 

Cosa Nostra (420 บาท)

Rabbit Hole
125 สุขุมวิท 55
เปิดวันอังคาร - อาทิตย์ เวลา 19.00 - 02.00 น. (หยุดวันจันทร์)
โทร. 08-1822-3392
www.facebook.com/rabbitholebkk

2

Find The Photo Booth

FULL REVIEW
 

Find The Photo Booth

เมื่อปีที่แล้วเราได้ทำความรู้จักกับบาร์ลึกลับอย่าง The Locker Room ไปกันแล้ว ในปีนี้ ทางทีมงานจาก The Locker Room ก็กลับมาพร้อมกับ Speakeasy Bar แห่งใหม่ที่ต้องตามหาทางเข้าอีกเช่นเคยกับ Find The Photo Booth บาร์ค็อกเทลในซอยสุขุมวิท 4 บนร้าน Score Bar ที่มากับห้องล้างรูปและตู้ถ่ายรูปแบบในยุค 1925

FULL REVIEW
 

บาร์สุดหรูที่ทำจากหินอ่อนสีดำ

ที่นี่นอกจากจะมีคลาสสิคค็อกเทลแล้ว จะมีค็อกเทลที่ twist กับวัตถุดิบ Thai Local เพื่อชูรสชาติความเป็นไทยออกมา เมนูแรกที่ทางร้านแนะนำ Vesper Martini (360 บาท) คลาสสิกค็อกเทลที่ได้แรงบันดาลใจในการตั้งชื่อมาจากชื่อแฟนเก่าของ เจมส์ บอนด์ แก้วนี้มีส่วนผสมของ Gordons London Dry Gin, Ketel One Vodka และ Bianco Vermouth รสสัมผัสนุ่มเมื่ออยู่ในปาก และร้อนพล่านเมื่อกลืนลงไป

 

Vesper Martini (360 บาท)

ถัดมาเป็นค็อกเทลที่ twist จากเมนูแรกที่ชื่อว่า Bond Loved Jasmine (390 บาท) แก้วนี้มีส่วนผสมของ Ketel One Vodka และ Don Blanco พร้อมดอกมะลิที่นำไปซูวีกับ Vermouth ตบท้ายด้วย Chrysanthemum Bitters

 

Bond Loved Jasmine (390 บาท)

ส่วนคลาสสิคค็อกเทลตัวถัดมาทางร้านแนะนำเป็น 20th Century Cocktail (390 บาท) แก้วนี้มีส่วนผสมของ Gordons London Dry Gin และ Bianco Vermouth ใส่ Crème de Cacao ก่อนจะเพิ่มความสดชื่นด้วยเลมอน

 

20th Century Cocktail (390 บาท)

Find The Photo Booth
11 ถนนสุขุมวิท ซอยสุขุมวิท 4
เปิดทุกวัน เวลา 19.00 - 14.00 น.

3

Sugar Ray You've Just Been Poisoned

FULL REVIEW
 

Sugar Ray You've Just Been Poisoned

ย้ายทำเลที่ตั้งมาบ้านหลังใหม่ที่สุขุมวิท 24 สำหรับ Sugar Ray You've Just Been Poisoned บาร์ลึกลับที่ได้แรงบันดาลใจมาจากยุคสมัยหนึ่งของอเมริกาที่มีกฏหมายห้ามขายเหล้า ทำให้บาร์ส่วนใหญ่ต้องเปิดบริการกันอย่างลับ ๆ ถึงขนาดต้องสื่อสารกันด้วย Pass Code เพื่อเข้าไปดื่มด้านใน กลายมาเป็นคอนเซ็ปต์ของร้านที่บอกต่อความลับกันปากต่อปาก ให้ไปสัมผัสกันด้วยตัวเอง

FULL REVIEW
 

ภายในตกแต่งอย่างลึกลับ

เครื่องดื่มของที่นี่เน้นค็อกเทล วิสกี้ที่ค่อนข้างเยอะและน่าสนใจเอาใจคอแอลกอฮอล์ แต่ละวันจะมีเมนูสลับสับเปลี่ยนกันไป ตามความครีเอทีฟของบาร์เทนเดอร์ที่อยากแชร์ให้ได้ลองชิมกัน ทางร้านแนะนำเมนู Elixir No.1 (380 บาท) มีความพิเศษที่ได้แรงบันดาลใจมาจาก Corpse Reviver No.2 คลาสสิกค็อกเทลที่มี Gin Base ค่อนข้างแรงอินฟิวส์กับโสมเกาหลีที่เป็นยาอายุวัฒนะ เสิร์ฟในแก้ว Coupe ให้เห็นเลเยอร์และกลิ่นของโสมได้อย่างชัดเจน

 

Elixir No.1 (380 บาท)

ต่อด้วยเมนู East Coast Boulevard (420 บาท) แรงบันดาลใจจากคลาสสิกค็อกเทล ที่มีส่วนผสมของเครื่องเทศแถบเอเชียตะวันออก ให้รสชาติหอมแบบ Bitter Sweets และ Spice แบบเต็ม ๆ ของสมุนไพรเครื่องเทศ

 

East Coast Boulevard (420 บาท)

ปิดท้ายที่ Born & Raise (350 บาท) อีกหนึ่งเมนูขายดีจากไอเดียของบาร์เทนเดอร์ ที่เลือกใช้วัตถุดิบหาง่าย และชาไทยมาอินฟิวส์กับ Gin แล้วต้มน้ำเชื่อมใบเตยเข้ากับน้ำส้มแมนดาริน และความสดชื่นของ Lime เชครวมกันและท็อปด้านบนด้วยผงชาไทย ก่อนจะตกแต่งด้วยกุหลาบมอญเพิ่มความหอมละมุนพร้อมเสิร์ฟ

 

Born & Raise (350 บาท)

Sugar Ray You've Just Been Poisoned
สุขุมวิท 24 (ภายในตึก Octo Seafood Bar)
เปิดวันอังคาร - อาทิตย์ เวลา 17.00 - 02.00 น. (หยุดวันจันทร์)
โทร. 0-2258-4756
www.facebook.com/Sugarraybkk

 

Middle Bar

จากคาเฟ่สุดฮิปในย่านทองหล่อ วันนี้ Blue Dye Cafe ได้มากับค็อกเทลบาร์น้องใหม่ในชื่อ Middle Bar ตั้งอยู่บนชั้น 2 ของคาเฟ่ เป็นพื้นที่เล็ก ๆ ที่ยังคงคอนเซ็ปต์ของร้านไว้เช่นเดิม เริ่มเปิดตั้งแต่เวลา 20.00 น. เป็นต้นไป โดยยังคงโครงสร้างบ้านไม้หลังเดิม ตกแต่งตามผนังด้วยสตัฟฟ์สัตว์ มีโต๊ะและเก้าอี้เล็ก ๆ ให้ได้นั่งพูดคุยกัน

FULL REVIEW
 

ด้านในตกแต่งตามผนังด้วยสตัฟฟ์สัตว์ มีโต๊ะและเก้าอี้เล็ก ๆ ให้ได้นั่งพูดคุยกัน

ที่นี่มีคลาสสิกค็อกเทล และเมนูซิกเนเจอร์ถึง 10 แก้ว โดยจะไล่ระดับหนักไปเบา เริ่มที่เมนูแรก No.1 (380 บาท) ค็อกเทลที่คล้ายกับการนำเอา Old Fashion กับ Negrony มาผสมกัน ประกอบไปด้วย Gin, Sweet Vermouth, Campari และ Angostura Bitters เป็นเมนูแรกที่หนักที่สุดในบรรดา 10 เมนู

 

No.1 (380 บาท)

ต่อด้วยเมนู No.4 (340 บาท) แก้วนี้ดื่มง่ายขึ้นมาหน่อย มีความฟรุตตี้จากน้ำมะนาว ตามมาด้วย Bourbon Whisky และ ไซรัป ก่อนจะตกแต่งด้วยเนื้อแอปเปิ้ล

 

No.4 (340 บาท)

ถ้าชอบละมุนขึ้นมาหน่อย แนะนำให้ลองสั่ง No.9 (340 บาท) ค็อกเทลที่มีส่วนผสมของ Dark Rum, น้ำมะนาว, ไซรัป และเสาวรส ตกแต่งด้วยโรสแมรี่ ดื่มง่ายเช่นกัน แต่ได้กลิ่นของผลไม้ชัดเจน นอกจากนี้ หากใครที่อยากลองค็อกเทลนอกเหนือจากในเมนู สามารถให้บาร์เทนเดอร์ครีเอทแก้วของตัวเองได้เลย

 

No.9 (340 บาท)

Middle Bar
40/1 ซอยสุขุมวิท 36
เปิดวันอังคาร - อาทิตย์ เวลา 17.00 - 02.00 น. (หยุดวันจันทร์)
โทร. 09-4156-6166
www.facebook.com/middlebarbangkok

5

Havana Social

FULL REVIEW
 

Havana Social

ใครที่เคยชอบไปเช็คอินบาร์เก๋ ๆ บรรยากาศลึกลับ ต้องแวะมาที่ Havana Social บาร์ที่มีดีกรีควาามลึกลับไม่แพ้ใคร ถึงขนาดที่ต้องกดรหัสลับในตู้โทรศัพท์เพื่อผ่านเข้าไปเลยทีเดียว

สำหรับใครที่อยากผ่านประตูเข้ามา สามารถโทรไปถามรหัสลับได้ที่เบอร์ 087-066-7711 และจึงกดรหัสลับลงบนแป้นโทรศัพท์ จากนั้นประตูจะเปิดออก นำเราเข้าไปสู่บาร์วินเทจที่จำลองบรรยากาศของคิวบาในยุค '40s ออกมาได้อย่างน่าประทับใจ

FULL REVIEW
 

ต้องกดโทรศัพท์เพื่อเข้าไปข้างในร้าน

สำหรับขาดริ๊งก์ต้องอย่าพลาดที่จะมาลองค็อกเทลสูตรของ Joseph Boriski มาครีเอทคลาสสิกค็อกเทลลไตล์คิวบาแนะนำ Between the Sheets (320 บาท) ที่จะเสิร์ฟดริ๊งมาคู่กัน 2 แก้ว แก้วแรกจะมี Bacardi Black และ Hennessy ส่วนแก้วที่ 2 มี Grand Marnier นำ้มะนาว และน้ำเชื่อมกลิ่นทับทิม

 

Between the Sheets (320 บาท)

ดริ๊งก์อีกแก้วที่ขาดไม่ได้เลยคือ Hemmingway Daiquiri (280 บาท) มีส่วนผสมของ Flor de Cana, Luxardo Maraschino, น้ำเชื่อมกลิ่นเกรปฟรุต น้ำมะนาว และไข่ขาว ได้รสชาตินุ่มนวล สดชื่น เหมาะสำหรับสาว ๆ 

 

Hemmingway Daiquiri (280 บาท)

Havana Social
28 สุขุมวิท 11
เปิดทุกวัน เวลา 18.00 - 02.00 น.
โทร. 08-7066-7711
www.facebook.com/havanasocialbkk

6

Pour Bangkok

 

Pour Bangkok

เป็นบาร์นีออนสีแสบสันย่านลาดพร้าว 71 ที่ลึกลับน่าค้นหาตั้งแต่โลเคชั่น ไปจนถึงเมนูเครื่องดื่มไม่เหมือนใคร Pour Bangkok สร้างความตื่นเต้นทันทีที่เปิดประตูร้านเข้ามา แสงไฟนีออนหลากสีสาดส่องมายังฟังก์ชั่นบาร์ที่มีอะไรสนุก ๆ มาให้รอดูระหว่างชมลีลาการชงจากบาริสต้าประจำร้าน

 

ใช้แสงไฟนีออนเป็นกิมมิคของทางร้าน

ความพิเศษของที่นี่ต้องยกให้เป็นการเสิร์ฟ Cocktail Custom Made ในแบบที่หาดื่มที่ไหนไม่ได้ และวัตถุดิบพิเศษที่มีในขณะนั้น อย่างเช่น Sawanbondin (280 บาท) ที่ผสมผสานระหว่าง Chinese Jujube, Whisky, Lime juice ตบท้ายด้วยการ Smoke กลิ่นหอม ๆ ที่เป็นเทคนิคพิเศษของทางร้านลงไปก่อนเสิร์ฟ 

 

Sawanbondin (280 บาท)

และตื่นเต้นไปกับเมนู Special Bubble Shot (320++ บาท) ทีเด็ดค็อกเทลเลเยอร์สวย ใส่ไข่มุกที่ทางร้านทำเอง

 

Special Bubble Shot (320++ บาท)

Pour Bangkok
ลาดพร้าวซอย 71
เปิดทุกวันพุธ - จันทร์ เวลา 19.00 - 01.00 น.
โทร. 095-775-7755
www.facebook.com/pourbangkok

7

The Key Room No.72

 

The Key Room No.72

ปิดท้ายด้วย The Key Room No.72 บาร์ลับแห่งใหม่ที่ตั้งอยู่ในห้องหมายเลข 72 ของ Josh Hotel ใจกลางย่านอารีย์ พร้อมเสิร์ฟเมนูค็อกเทลรสสัมผัสใหม่ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาเรื่องราว (สมมติ) จากการเดินทางทั่วโลกของ Mr.Josh ที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายความคลาสสิกของยุค 60’s และ 70’s ตามมู้ดแอนด์โทน

 

บรรยากาศคลาสสิกของยุค 60’s และ 70’s

ในส่วนของเครื่องดื่มค็อกเทล ทุกเมนูล้วนสร้างสรรค์มาจากเรื่องราวการเดินทางท่องเที่ยวประเทศต่าง ๆ โดยเลือกใช้วัตถุดิบหรือส่วนผสมที่ดึงเอากลิ่นอายวัฒนธรรม เอกลักษณ์เฉพาะมาถ่ายทอดลงไปเพื่อให้ค็อกเทลแต่ละแก้วมีความพิเศษที่แตกต่างกันออกไป เริ่มต้นที่พระเอกของบาร์กับเมนู Mr.Josh Journey (380 บาท) การบอกเล่าเรื่องราวการเดินทางของประเทศสก็อตแลนด์ บ้านเกิดของ Mr.Josh วิสกี้ Boston Burn ที่เสิร์ฟมาในแก้วออน เดอะ ร็อค ทวิสต์รสชาติจาก Classic Oldfashioned ท็อปบนมาด้วยเกล็ดน้ำตาลที่ให้ความหอมหวาน ผสานเข้ากับรสขมของวิสกี้ได้อย่างลงตัว

 

Mr.Josh Journey (380 บาท)

ตามมาด้วย The Communist (320 บาท) ค็อกเทลที่ได้แรงบันดาลใจมาจากการเดินทางไปเยือนประเทศจีน สำหรับแก้วนี้เบสด้วยวิสกี้ Black Boiler พร้อมให้รสชาติที่ค่อนข้างแปลกใหม่ด้วยการใส่กาแฟและเครื่องสมุนไพร อาทิ อบเชย โป๊ยกั๊ก ฯลฯ ลงไปให้ได้กลิ่นอายแบบจีน ๆ เสิร์ฟมาพร้อมมะพร้าวอบแห้งที่ให้ทั้งความหอม พร้อมตัดรสชาติขม ๆ ให้ดื่มง่ายยิ่งขึ้น

 

The Communist (320 บาท)

Josh Hotel
ซอยอารีย์ 4 ถนนพหลโยธิน
เปิดทุกวัน เวลา 18.00-02.00 น.
โทร. 0-2102-4999
www.joshhotel.com
www.facebook.com/joshhotel2017