5 คาเฟ่ดูดีมีสไตล์ที่อาจกลายเป็นจุดเริ่มต้นของบ้านในฝันของคุณ​

Published on November 02, 2018

เพราะนิยามของคำว่า ‘บ้าน’ ไม่ได้เป็นเพียงแค่ที่พักอาศัย แต่ยังเป็นพื้นที่อันแสนอบอุ่น ปลอดภัย มอบความสุขความสบายใจ เติมเต็มความหมายและสร้างแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตมากมายให้กับผู้อยู่อาศัย นั่นจึงเป็นสิ่งที่ทำให้บ้านของ ‘Pruksa’ หรือแบรนด์พฤกษาให้ความใส่ใจในการสร้างสรรค์บ้าน ที่พิถีพิถัน ให้ความสำคัญกับทั้งเรื่องของงานดีไซน์ที่สวยงาม มีรากฐาน และโครงสร้างที่ได้คุณภาพ แข็งแรงอย่างได้มาตรฐาน กับพื้นฐานแนวคิดแห่งความใส่ใจที่จะทำให้บ้านในฝันของทุกคนกลายเป็นจริง 

 

ทุกคนล้วนมีความฝันที่อยากจะมี 'บ้านในฝัน' เป็นของตัวเอง (Photo by Pruksa)

และเมื่อต้องเอ่ยถึงบ้านในฝัน เชื่อเหลือเกินว่าทุกคนคงเคยจินตนาการ ใฝ่ฝันถึงการดีไซน์ตัวบ้านในลักษณะที่แตกต่างกันออกไปตามสไตล์ที่ตัวเองชอบ เพียงแต่บางครั้งอาจจะยังไม่มั่นใจว่าการออกแบบบ้านในแบบที่ต้องการนั้นจัดอยู่ในประเภทใด จะดีแค่ไหนถ้าเราสามารถนิยามรูปแบบการตกแต่งบ้านในแบบที่ต้องการได้ชัดเจนมากขึ้นจากแรงบันดาลใจใกล้ตัว อย่างการไป Hopping ตามคาเฟ่หลากสไตล์ในชีวิตประจำวันที่ได้กลายมาไอเดียของการตกแต่งและสร้างสรรค์พื้นที่ส่วนตัว จุดเริ่มต้นของการครีเอทบ้านในฝันของใครหลายคนให้เป็นรูปธรรม จับต้องได้ รวมทั้งยังเป็นการสะท้อนตัวตนที่แตกต่างตามสไตล์ความชอบได้เป็นอย่างดี ส่วนจะเป็นคาเฟ่ไหน มีรูปแบบการดีไซน์และตกแต่งอย่างไรบ้าง ตามไปทำความรู้จักพร้อม ๆ กันเลย


Rustic Style

1

The Baristro at Ping River

 

พื้นที่ภายในตกแต่งด้วยผนังปูน และเสาเปลือยเท่ ๆ

The Baristro at Ping River คาเฟ่-ร้านกาแฟสไตล์รัสติกที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำปิง จังหวัดเชียงใหม่ โดดเด่นด้วยสไตล์การตกแต่ง โทนสีขาว เทา ดำ และน้ำตาลที่ทางคาเฟ่เลือกใช้ เป็นความสวยงามแบบเรียบง่ายที่ซ่อนความเท่ไว้ในตัวด้วยวัสดุอย่างผนังปูนเสาเปลือยเท่ ๆ โชว์แผงไฟและร่องรอยจาง ๆ จากการฉาบปูนที่ตั้งใจทำออกมาให้เหมือนยังไม่เสร็จดีนัก

 

การออกแบบคาเฟ่ให้มีแสงธรรมชาติส่องเข้ามาภายในร้าน

บริเวณด้านในจัดวางเฟอร์นิเจอร์ไม้ให้เลือกผ่อนคลายทั้งแบบโต๊ะกลุ่ม และโต๊ะหน้าบาร์ แต่ที่แปลกตาเพิ่มเข้ามาจากสาขาอื่น คือ โซนริมแม่น้ำที่จัดให้นั่งจิบกาแฟชิลล์ ๆ บนพื้นหญ้า และสะพานไม้ที่ยื่นออกไปรับความสดชื่นของแม่น้ำปิง เมื่อบรรยากาศดี ๆ ผสานกับกลิ่นหอมกรุ่น ของกาแฟ ก็ย่อมเชื้อเชิญให้คนทั่วไปเข้ามาใช้ช่วงเวลาดีที่นี่ได้ไม่ยาก


จุดเด่นของการตกแต่งในสไตล์รัสติก คือเผยให้เห็นพื้นผิวที่เป็นเนื้อแท้ หรือธรรมชาติของวัสดุนั้น ๆ และปล่อยให้เป็นไปตามกาลเวลา รวมถึงเป็นการตกแต่งแบบมิกซ์แอนด์แมทช์ระหว่างของเก่าและของใหม่ให้เกิดความลงตัวมากที่สุด เป็นรูปแบบการตกแต่งที่ยอมให้ทุกวัสดุในบ้าน มีการเปลี่ยนแปลงสภาพไปตามกาลเวลา ไม่ว่าจะเป็นไม้พื้น ผนัง หรือฝ้า ผนังอิฐก่อโชว์แนว ผนังคอนกรีตขัดมัน หรือแม้แต่งานเหล็กที่ตกแต่งในบ้าน ซึ่งร่องรอยของความเก่านี้เองคือเสน่ห์ของสไตล์รัสติก
 

อีกหนึ่งโซนบริเวณใกล้แม่น้ำปิง

 

ผนังแบบเรียบ ๆ เข้ากันได้ดีกับเฟอร์นิเจอร์ไม้

แนวทางการตกแต่งของคาเฟ่แห่งนี้ สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับมุมต่าง ๆ ของบ้านได้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการนำบานหน้าต่างไม้เก่าที่อาจนำมาดัดแปลงทำเป็นส่วนของผนัง หรือการเพิ่มลูกเล่นให้ห้องนั่งเล่นหรือห้องรับแขกได้โดยที่ไม่ต้องทำสีใหม่ คงไว้ซึ่งความเก่า แต่จะช่วยเปลี่ยนบรรยากาศให้ห้องนั้นได้อย่างไม่น่าเชื่อ หากใครอยากเสริมมุมเรียบ ๆ เท่ ๆ คุมโทนแนวสีธรรมชาติ แฝงไว้ด้วยความอบอุ่นแบบนี้ไว้ภายในบ้านแล้วละก็ การตกแต่งสไตล์รัสติกคงเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว


Eclectic Style

2

Ha Tien Cafe

 

มุมซิกเนเจอร์ของร้าน

Ha Tien Cafe คาเฟ่บรรยากาศดีที่ตั้งอยู่ในย่านท่าเตียน ชุมชนเก่าแก่และสำคัญบนเกาะรัตนโกสินทร์ ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์แอนทีคสะสมที่เต็มไปด้วยเรื่องเล่าของเจ้าของร้าน

 

มุมหน้าร้านฮาเตียนสามารถนำมาปรับใช้เป็นโซนนั่งชิลล์ จัดสวนเล็ก ๆ ภายในบ้านได้

ภายในคาเฟ่ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้และของเก่าที่ถูกสะสมมาตลอดสิบปี โดยยังคงไว้ด้วยโครงสร้างเก่าโบราณแบบดั้งเดิมทั้งส่วนคานและผนังตึก แต่ปรับให้ดูโปร่งและใส่รายละเอียดของพร็อบที่เต็มไปด้วยเรื่องราวการเชื่อมโยงกับท่าเตียนมากยิ่งขึ้น

 

บริเวณชั้นสองของร้าน

บริเวณชั้นหนึ่งตกแต่งให้มีกลิ่นอาย Oriental แบบจีน พร้อมมุมของสะสม เช่น กระเป๋าโบราณ ชะลอมของชาวญวน ส่วนด้านหน้ามีเคาน์เตอร์บาร์ให้สั่งเมนูโปรดและโต๊ะมุมต่าง ๆ ให้เลือกนั่งตามอัธยาศัย ส่วนชั้นสองมีความเป็นตะวันตกมากขึ้น ด้วยกรอบรูปโบราณกับภาพประวัติศาสตร์บนผนัง และมุมผนังสีเขียวที่วางตู้โบราณและสัตว์สตัฟฟ์ให้เป็นมุมซิกเนเจอร์ประจำร้าน และชั้นสามโซนเรือนกระจกหรือสวนบนดาดฟ้าให้ได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศของความคลาสสิกและทิวทัศน์ของย่านท่าเตียน

 

บนชั้นสามที่เน้นความโปร่งโล่งสบาย

จุดเด่นของการตกแต่งในสไตล์ Eclectic คือการรวมเอาความโมเดิร์นและความคลาสสิกของตกแต่งแบบวินเทจมาไว้ด้วยกัน
 

ความแอนทีคที่ปรากฏอยู่แทบทุกที่


แนวทางการตกแต่งของคาเฟ่แห่งนี้ สามารถนำมาเป็นไอเดียในการมิกซ์แอนด์แมทช์สิ่งของ เฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ ภายในบ้าน มารวมเข้าด้วยกันผ่านการใช้ สี รูปทรง งานศิลปะ การจัดวางองค์ประกอบ ให้เกิดมุมมองที่สวยงามและเหมาะสม นับเป็นความต่างยุคต่างสมัยภายใต้หลังคาเดียวกัน ใครที่ชื่นชอบแนวทางการตกแต่งแบบนี้ สามารถนำไอเดียเหล่านี้ไปปรับใช้กับห้องรับแขก ห้องนั่งเล่น หรือห้องนอนแบบเก๋ ๆ ให้ได้ความแปลกใหม่ไม่ซ้ำใครแน่นอน

Industrial Loft 

 

มุมเคาน์เตอร์บาร์คูล ๆ ถ้าลองนำมาจัดเป็นโซนห้องทานอาหารก็สร้างบรรยากาศใหม่ ๆ ให้ภายในบ้านได้ดีทีเดียว

Blend Cafe คาเฟ่ในบรรยากาศเท่ ๆ สำหรับคอ Specialty Coffee ที่แอบซ่อนอยู่ใต้อาคาร 6 ของมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ 

 

การออกแบบประตูโครงสร้างเหล็กที่สามารถพับเก็บได้

ตัวร้านตกแต่งสไตล์อินดัสเทรียล ลอฟท์ โดดเด่นด้วยผนังปูนเปลือย และเคาน์เตอร์หินอ่อนสีขาวสะอาดตา ซึ่งทางร้านนำเสนอตัวเองในคอนเซ็ปต์ Forward Thinking คาเฟ่ที่สามารถปรับเปลี่ยนตัวเองหลากหลายรูปแบบ เปลี่ยนตัวร้านให้กลายเป็นแกลเลอรี ห้องทำเวิร์คช็อป ห้องแสดงผลงาน หรือแม้แต่เป็น Open Space หรือ Standing Bar ให้ผู้คนเข้าถึงได้ง่ายขึ้นอีกด้วย


จุดเด่นของการตกแต่งในสไตล์ Industrial Loft เป็นการออกแบบและตกแต่งที่ผสมผสานระหว่างศิลปะและวิศวกรรมได้อย่างลงตัว โดยหัวใจสำคัญของการออกแบบแนวนี้คือการโชว์ความดิบของพื้นผิวและวัสดุที่ใช้ในการตกแต่งเช่น เหล็ก ไม้ อิฐ ปูน คอนกรีต นอกจากนี้ยังมีการโชว์โครงสร้างที่ตั้งใจจะทำให้ดูเหมือนทำไม่เสร็จอีกด้วย
 

โต๊ะตัวใหญ่ที่มาพร้อมดีไซน์สุดเก๋

 

อีกหนึ่งมุมนั่งชิลล์บริเวณนอกร้าน

แนวทางการตกแต่งของคาเฟ่แห่งนี้ จะช่วยเสริมไอเดียการตกแต่งบ้าน อาจจะนำใช้ออกแบบกับโซนห้องอาหารหรือห้องรับแขกชั้นล่างให้ดูโปร่งโล่ง มีพื้นที่กว้างขวาง อากาศถ่ายเท รับแสงธรรมชาติมากขึ้น เหมาะกับการเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์แบบลอยตัว เคลื่อนย้าย ปรับเปลี่ยนมุมต่าง ๆ ได้ตามสะดวก แถมยังโชว์โครงสร้างเท่ ๆ ให้ตัวบ้านดูดีมีสไตล์อีกด้วย มั่นใจได้เลยว่าใครที่แวะมาจิบกาแฟร้านนี้แล้วชื่นชอบความดิบเท่ของตัวร้าน ก็สามารถนำไปเป็นไอเดียครีเอทพื้นที่โปรดภายในบ้านในฝันได้ไม่ยากเลย


French Vintage Style 

4

Bar Storia del Caffè (Ari)

 

สัมผัสความวินเทจได้ตั้งแต่บริเวณหน้าร้าน

Bar Storia del Caffè (Ari) คาเฟ่ที่มีการตกแต่งในสไตล์วินเทจอันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ โดยสำหรับสาขาอารีย์นี้ จะแตกต่างจากสาขาอื่นตรงที่เป็นทั้งคาเฟ่และสปาในแห่งเดียว คอนเซ็ปต์การตกแต่งจะเน้นไปที่สไตล์เฟรนช์ วินเทจ ให้ความรู้สึกถึงความเก่าแก่ของคาเฟ่ในยุโรป ผสมกับความประณีตของเฟอร์นิเจอร์สั่งทำพิเศษ ที่เต็มไปด้วยด้วยข้าวของเครื่องใช้เก่า ๆ ซึ่งเป็นของสะสมส่วนตัวของเจ้าของร้านและเป็นของที่ซื้อมาตกแต่งเพิ่มเติม


ภายในร้านจะให้ความสนุกของสีสันโดยเฉพาะสีเขียวที่สังเกตได้ตั้งแต่ภายนอกร้านจนถึงวอลเปเปอร์ด้านใน นอกจากนี้ยังโดดเด่นด้วยเคาน์เตอร์ไม้ที่เน้นความเป็นธรรมชาติ เผยให้เห็นพื้นผิวของเนื้อไม้ รวมถึงชุดโต๊ะเก้าอี้ไม้สไตล์วินเทจอีกเช่นกัน 

 

ภายในร้านเลือกใช้เคาน์เตอร์ไม้เพื่อเน้นความเป็นธรรมชาติให้มากที่สุด

จุดเด่นของการตกแต่งในสไตล์ French Vintage คือมีความ Cozy บรรยากาศสบาย ๆ น่าอยู่ ชวนผ่อนคลาย ถูกออกแบบพื้นที่อย่างเรียบง่าย ใช้งานตามความเหมาะสม ไม่โอ่อ่าจนเกินไป เลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากวัสดุเนื้อไม้จริงในโทนสีอ่อน ตัดกับข้าวของเครื่องใช้ที่ชวนให้นึกถึงบ้านชนบทของประเทศทางแถบยุโรป ให้ความรู้สึกอบอุ่นสบายตา

 

โซนนั่งนอกร้านที่ชวนให้นึกถึงบ้านชนบทของประเทศทางแถบยุโรป

แนวทางการตกแต่งของคาเฟ่แห่งนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งสไตล์ที่น่าหยิบจับมาตกแต่งบ้าน เพราะนอกจากดูคลาสสิก สวยงาม เหมือนอยู่ต่างประเทศแล้ว ยังสะท้อนความสมจริง ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตในแบบเรียบง่าย ไม่มากเกินไปหรือน้อยเกินไปอีกด้วย


Minimal Style

5

Roots at Sathorn

 

มุมเคาน์เตอร์ที่ทางร้านเสิร์ฟเมนูกาแฟเลือกใช้โทนสีน้ำตาลที่ดูเรียบง่าย สบายตา

Roots at Sathorn คาเฟ่ที่เป็นมากกว่าร้านกาแฟ เต็มไปด้วยเรื่องราวการเดินทางของกาแฟไทยคุณภาพดีจากต้นสู่รสชาติพร้อมเสิร์ฟในแบบ Specialty Coffee ที่ใส่ใจในทุกขั้นตอน พร้อมต้อนรับทุกคนให้เข้ามาดื่มกาแฟและแลกเปลี่ยนประสบการณ์เรื่องกาแฟได้อย่างเต็มที่

 

เฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่มีการจัดวางพื้นที่ให้ดูกว้างขวาง

Roots at Sathorn เป็นสาขาที่ 2 ของ Roots ซึ่งต่อยอดมาจาก The Common ที่คอกาแฟตัวจริงต้องห้ามพลาด ด้วยรูปแบบร้านที่ชวนให้เข้ามาใช้เวลาอยู่ที่นี่ได้ทั้งวัน กับการตกแต่งสไตล์มินิมอล เรียบง่ายสบายตาด้วยวัสดุจากไม้สีอ่อนเป็นหลัก พร้อมแสงอ่อน ๆ ที่ทำมุมลอดช่องหน้าต่างเข้ามาตามธรรมชาติ มีพื้นที่ตรงกลางซึ่งถูกออกแบบมาเป็น Open Bar ที่นอกจากนั่งดื่มกาแฟระหว่างวันแล้ว ยังเป็นที่พูดคุยแลกเปลี่ยนกับบาริสต้า ให้ได้ศึกษาวิธีการคั่วและชงกาแฟในแบบของ Roots อีกด้วย


จุดเด่นของการตกแต่งในสไตล์ Minimal การเน้นฟังก์ชั่นการใช้งานเป็นหลัก โดยเลือกเอาทุกอย่างที่ไม่จำเป็นออกไปให้หมด และเหลือไว้แต่ส่วนประกอบที่จำเป็นเท่านั้น รูปแบบของเฟอร์นิเจอร์ที่ใช้ตกแต่งจึงมีลักษณะที่เรียบง่าย และเน้นสีธรรมชาติเป็นหลัก โดยมักจะมีโทนสีแบบโมโนโทนหรือสีอ่อน ๆ รวมถึงการออกแบบที่มีเส้นสายตาที่มีความสมดุลและความผ่อนคลาย เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นที่คัดสรรมาตกแต่งในบ้านสไตล์นี้ มักจะตอบสนองการใช้งานได้อย่างครบถ้วน ท่ามกลางความไม่มากไม่น้อยจนเกินพอดี การตกแต่งบ้านสไตล์มินิมอลยังนิยมที่จะจัดพื้นที่สเปซให้มีความว่างและดูกว้างเข้าไว้ โดยไม่นิยมการสะสมสิ่งของหรือข้าวของเครื่องใช้ที่ไม่จําเป็น การตกแต่งบ้านสไตล์มินิมอลจึงดูเรียบง่าย น้อยชิ้น แต่ทว่าครบถ้วนในเรื่องของประโยชน์การใช้สอย 
 

ไม้สีอ่อนที่ให้ความรู้สึกอบอุ่น ผ่อนคลาย

แนวทางการตกแต่งของคาเฟ่แห่งนี้ เหมาะสำหรับคนที่ชอบสไตล์การแต่งห้องแบบค่อนข้างมีระเบียบ เน้นความสะอาด สบายตา ปลอดโปร่ง โล่งสบายเป็นอย่างยิ่ง เรียบง่าย แต่มีดีไซน์ที่สวยงาม ตามแนวคิดแบบ ‘Less is More’ มีความน้อย แต่มากด้วยประโยชน์ ใครที่มีไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตมี (ของ) น้อย ง่าย ๆ สบาย ๆ ละก็ การตกแต่งบ้านในฝันสไตล์ Minimal นี่แหละน่าจะตอบโจทย์มากที่สุด

จากแนวทางการแต่งบ้าน 5 สไตล์ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก 5 คาเฟ่ ไม่ว่าสไตล์การตกแต่งบ้านหรือบ้านในฝันของทุกคนจะเป็นแบบไหน สิ่งสำคัญในการสร้างบ้านทุกหลัง ก็คือรากฐานในการสร้างที่ได้มาตรฐานแข็งแรง ปลอดภัย เช่นเดียวกันกับแนวคิดของโครงการ บ้านพฤกษา ซึ่งเลือกที่จะใส่ใจในทุก ๆ รายละเอียด ตั้งแต่แนวคิด การออกแบบ การก่อสร้าง นวัตกรรม จนถึงขั้นตอนการส่งมอบ เพื่อให้ได้บ้านที่มีความสมบูรณ์ทั้งภายในและภายนอก พร้อมยกระดับคุณภาพการอยู่อาศัย เพิ่มความสุขที่แท้จริงให้กับทุกความฝันของการมีบ้านของทุก ๆ คน ภายใต้ 5 แนวคิดจากความใส่ใจ ที่จะนำทุกคนไปสู่บ้านแห่งความฝัน

 

จินตนาการบ้านในฝันของทุกคนกำลังจะเป็นจริง (Photo by Pruksa)

เริ่มจาก ใส่ใจ…เทคโนโลยีการก่อสร้าง และการผลิตด้วยระบบการก่อสร้างที่ช่วยให้บ้านแข็งแรง ทนทาน จากวัสดุที่ผลิตด้วยนวัตกรรม และการสร้างบ้านที่ทันสมัย

 

ใส่ใจ…เทคโนโลยีการก่อสร้าง (Photo by Pruksa)

ใส่ใจ…นวัตกรรมเพื่อการอยู่อาศัยอย่างสร้างสรรค์ ด้วยการค้นหาเทคโนโลยีมาอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ให้ผู้อยู่อาศัยอย่างไม่หยุดนิ่ง เพราะคำว่า ‘บ้าน’ นอกจากจะเป็นที่พักพิงแล้ว ยังต้องมีนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ในยุคอนาคต อีกทั้งยังได้พัฒนา และคิดค้นระบบปฏิบัติการ Pruksa Home Automation & Security System ผู้เชี่ยวชาญเพื่อการดูแลบ้านที่ง่ายแค่ปลายนิ้วสัมผัส

 

ใส่ใจ…นวัตกรรมเพื่อการอยู่อาศัยอย่างสร้างสรรค์ (Photo by Pruksa)

ใส่ใจ…การออกแบบอย่างสร้างสรรค์ ด้วยความใส่ใจ และไม่หยุดยั้งในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัยให้ดีขึ้น เพราะเข้าใจว่าการซื้อบ้านคือการลงทุนครั้งใหญ่ของชีวิต พฤกษาจึงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ ด้วยการออกแบบอย่างสร้างสรรค์พร้อมเพิ่มคุณค่าด้วย 4 เทรนด์ใหม่ ได้แก่ Safety Home บ้านแข็งแรง, Healthy Home บ้านใส่ใจสุขภาพ, Green Home บ้านลดพลังงานออกแบบเพื่อสิ่งแวดล้อม และ Smart Home บ้านทันสมัย ที่เหมาะสำหรับของการอยู่อาศัยในยุคปัจจุบัน

 

ใส่ใจ…สังคมและสิ่งแวดล้อมรอบข้างอย่างสร้างสรรค์ (Photo by Pruksa)

ใส่ใจ…สังคมและสิ่งแวดล้อมรอบข้างอย่างสร้างสรรค์ นอกจากบ้านคุณภาพ พฤกษายังส่งมอบสังคมที่ดี สิ่งแวดล้อมที่ไว้ใจได้ ด้วยการออกแบบสังคมคุณภาพให้ผู้เข้าพักได้สัมผัสอีกด้วย

 

ใส่ใจ…การบริการอย่างสร้างสรรค์ (Photo by Pruksa)

ใส่ใจ…การบริการอย่างสร้างสรรค์ เพราะความห่วงใยและใส่ใจในทุกรายละเอียด นอกเหนือจากการสร้างสรรค์บ้านคุณภาพ พฤกษายังดูแลตั้งแต่ก้าวแรกที่คุณเดินเข้ามา เพื่อให้บ้านในฝันของคุณเป็นจริง สะดวกครอบคลุมทุกช่วงเวลา และทุกไลฟ์สไตล์ พฤกษาใส่ใจทุกความรู้สึก พร้อมมอบความห่วงใยให้มากกว่าคำว่า ‘บ้าน’ 

 

ทุกความใส่ใจที่พฤกษามอบให้ ทำให้การใช้ชีวิตของทุกคนในครอบครัวสะดวกสบายมากขึ้น (Photo by Pruksa)

และทั้งหมดนี้ก็เป็นสิ่งที่พฤกษามุ่งมั่น ทุ่มเท และใส่ใจ เพื่อส่งมอบบ้านที่ดีที่สุดเพื่อทุกคน หากอยากสัมผัสประสบการณ์การใช้ชีวิตดี ๆ แบบนี้ สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.pruksa.com บ้านในฝันที่ (กำลังจะ) เป็นจริงรายต่อไปอาจเป็น "บ้านของคุณ"