จานโปรดประจำบ้านสู่ House of Emily ที่ถ่ายทอดรสชาติและความผูกพันผ่านทุกเมนู
House of Emily
“หมี่ไก่ฉีก” สูตรในตำนานที่เคยสร้างกระแสบนโลกออนไลน์ วันนี้ความอร่อยที่เต็มไปด้วยความทรงจำได้ขยับขยายสู่ House of Emily ร้านอาหารบรรยากาศโฮมมี่ใจกลางสุขุมวิท 49 ที่คงคอนเซ็ปต์ Comfort Food แบบโฮมเมดสุดพิถีพิถัน เสิร์ฟอาหารพร้อมจับคู่กับชาประจำร้านที่เติมเต็มความรู้สึกเหมือนได้นั่งทานข้าวที่บ้านในทุกมื้อ
ซึ่งครั้งนี้ #BEHINDTHETASTE ชวนมาเยือน ฟังเบื้องหลังความตั้งใจของ ‘คุณเพ็บ–นัยนชนก ปัทมสิงห์ ณ อยุธยา’ ผู้คิดค้นสูตรหมี่ไก่ฉีกในตำนาน และ ‘คุณภัทร์–ธภรัท เวโรจน์ฤดี’ ผู้ร่วมก่อตั้ง Emily’s สองเจ้าของผู้ถ่ายทอดรสชาติแห่งความทรงจำของครอบครัวให้ทุกคนได้แวะเวียนไปสัมผัสและลิ้มลอง
The Beginning of Emily
#BehindTheTaste ครั้งนี้ เราขอชวนมาทำความรู้จักกับแบรนด์ Emily’s กันก่อน โดยแรกเริ่ม Emily’s คือแบรนด์เครื่องดื่มที่ ‘คุณเพ็บ–นัยนชนก ปัทมสิงห์ ณ อยุธยา’ ทำร่วมกันกับ ‘คุณภัทร์–ธภรัท เวโรจน์ฤดี’ ก่อนที่จะกลายมาเป็นชื่อแบรนด์หมี่ไก่ฉีกที่เราคุ้นหู
“เดิมทีเราอยู่ในธุรกิจเครื่องดื่ม แต่พอมาเจอโควิดก็ได้รับผลกระทบหนักมาก สิ่งหนึ่งที่เราไม่อยากทำคือการปลดพนักงานออก เลยคิดว่าลองขยับมาทำไลน์อาหารดูดีกว่า เราเริ่มทำกันที่บ้านในรูปแบบ Delivery เพื่อลดความเสี่ยงไม่ต้องจมทุนกับหน้าร้าน”
The Bond Behind the Signature Dish
คุณเพ็บเล่าย้อนว่า Emily’s เกิดขึ้นจากการพยายามรักษาบริษัทในช่วงโควิด “ตอนนั้นเราทำธุรกิจเครื่องดื่ม แต่เจอปัญหาหนักมาก เราไม่อยากปลดพนักงานเลยลองหันมาทำอาหาร เริ่มจากเมนูพายไก่สูตรครอบครัวที่ได้ฟีดแบคดีมาก จากนั้นจึงต่อยอดมาเป็นหมี่ไก่ฉีก และกลายเป็นที่นิยมจนทีมทั้งหมดต้องมาช่วยกันทำให้ทันออร์เดอร์ที่เข้ามามากกกว่าที่คิดไว้”
สิ่งที่เริ่มจากทางรอดเล็ก ๆ ในเวลานั้น จึงกลายมาเป็นประตูบานใหม่ให้ Emily’s ก้าวสู่การเติบโตที่เจ้าของเองก็ไม่คาดคิด
From Home Cook to Full-Fledged Kitchen
และแม้หมี่ไก่ฉีกจะไม่ใช่เมนูแรกของร้าน แต่กลับเต็มไปด้วยความหมาย ซึ่งสำหรับคุณเพ็บ เมนูนี้ต่อยอดจากเส้นหมี่ปูสูตรครอบครัวที่ทำให้เธอนึกถึงวันหยุดวัยเด็กเสมอ ส่วนคุณภัทร์ซึ่งแพ้อาหารทะเล คุณแม่จึงดัดแปลงมาเป็นหมี่ไก่ฉีกให้โดยเฉพาะ “ภัทร์ว่ามันคือความใส่ใจค่ะ เพราะคุณแม่อยากให้เราทานได้เหมือนคนอื่น ๆ”
จากจุดเริ่มต้นที่เป็น Home Cook ทำกันสองคนตั้งแต่ลวกเส้น ใส่กล่อง ไปจนถึงเรียกรถส่งกว่า 2–3 พันกล่องแรก จนวันนี้เติบโตเป็นธุรกิจที่ต้องมีครัวกลาง ความท้าทายใหม่คือการรักษาคุณภาพให้อร่อยเหมือนเดิมในสเกลที่ใหญ่ขึ้น ซึ่งทั้งคู่มองว่านี่คือการก้าวข้ามจาก “ครัวบ้าน” มาสู่ “ครัวร้าน” อย่างแท้จริง
Comfort Food in Comfort Place
ดังนั้นสิ่งที่ขับเคลื่อนการสร้าง House of Emily จึงไม่ใช่แค่การขยายธุรกิจ แต่คือความตั้งใจอยากใกล้ชิดลูกค้าให้มากขึ้นด้วยนั่นเอง “ออนไลน์มันมีช่องว่าง แต่ร้านนี้เราอยากให้ลูกค้ารู้สึกเหมือนมาบ้านเรา ได้พูดคุย ได้ใช้เวลาร่วมกัน”
เพราะลูกค้าคือหัวใจสำคัญที่สุด จากการขายออนไลน์ที่ยังมีช่องว่างระหว่างผู้ทำกับผู้ทาน ทั้งคู่จึงอยากสร้างพื้นที่ที่ทำให้คนได้สัมผัสประสบการณ์ตรง เหมือนแวะมาทานข้าวที่บ้าน ส่งพลังงานที่ทั้งอบอุ่นและจริงใจ House of Emily จึงไม่ใช่แค่ Comfort Food แต่เป็น “Comfort Place” ที่อยากให้ทุกคนได้มานั่งเล่นกับเพื่อนหรือครอบครัว พร้อมอาหารโฮมเมดรสชาติดีๆ และการบริการที่ใส่ใจ
What is House of Emily?
แน่นอนว่าเมื่อถามถึงนิยามของบ้านหลังนี้ย่อมไม่เหมือนกัน ทางด้านคุณภัทร์ให้นิยามว่า ที่นี่คือ “บ้านของเพ็บ” เพราะทั้งสูตรอาหาร กิมมิก และบรรยากาศต่าง ๆ มาจากบ้านของคุณเพ็บจริง ๆ ส่วนคุณเพ็บนิยามว่า “อบอุ่น Good Service อาหารอร่อย” ซึ่งถ้าใครได้มาเยือนก็จะสัมผัสได้ถึงความเป็นบ้านในทุกรายละเอียด ตั้งแต่การตกแต่งที่ใช้ลายไม้แทนลายเสือ ขอบบัวที่เหมือนดอกบัวในโลโก้ ไปจนถึงโลโก้เสือกับดอกบัวที่สื่อถึงนามสกุล “ปัทมสิงห์”
Signature Dishes to Try
หลังจากนั้นเราพูดคุยกันต่อในเรื่องของเมนูกันบ้าง เพราะที่ House of Emily มาพร้อมหลากหลายเมนูสุดพิเศษที่ทั้งสองคนตั้งใจรังสรรค์ ใครที่แวะมาแล้วยังไม่รู้จะทานอะไร ทางคุณเพ็บอยากให้ลองชิมเมนู “ล็อปสเตอร์เส้นหมี่น้ำพริก” ที่สืบทอดสูตรมาจากคุณชวด ได้แรงบันดาลใจจากขนมจีนน้ำพริกโบราณ แต่ยกระดับด้วยวัตถุดิบล็อปสเตอร์
ส่วนคุณภัทร์เลือกเป็น “กล้วยบวชชี” ของคุณแม่ ที่มักทำเป็นรูปดอกไม้น่ารัก ๆ เต็มไปด้วยความประณีตและความใส่ใจในทุกคำ ประกอบกันให้ช่วงเวลาที่นี่กลายเป็นมื้ออบอุ่นแน่นอน
Challenge of Emily
และแน่นอนว่าการทำร้านอาหารในสเกลนี้น่าจะมาพร้อมปัญหาและความยากอยู่แล้ว เราจึงขอมาพูดคุยเรื่องความยากและความท้าทายของ House of Emily กันต่อ คุณเพ็บอธิบายให้เราฟังว่า “เพ็บว่าความท้าทายของหมี่ไก่ฉีกไม่ใช่การเปรียบเทียบกับใคร แต่คือการรักษามาตรฐานรสชาติและคุณภาพให้คงที่แม้ในสเกลที่ใหญ่ขึ้น เพราะสิ่งที่ทำให้แตกต่างคือการเป็น ตัวเราในเวอร์ชันที่ดีที่สุด”
Challenge of Emily
ด้วยความที่ House of Emily มี Signature อยู่ที่เมนูเส้นหมี่ที่มาพร้อมรสชาติเฉพาะตัวจนกลายมาเป็นหัวใจหลักของร้าน ทั้งคู่ยังอยากต่อยอดส่วนของเส้นหมี่นี้ให้เข้ากับเมนูอาหารไทยหลากหลาย เพื่อผลักดันให้กลายเป็นซิกเนเจอร์ของ Emily ที่รู้จักในวงกว้าง และในอนาคตหาก House of Emily ลงตัวแล้ว ยังหวังจะพารสชาติหมี่ไก่ฉีกไปไกลถึงต่างประเทศอีกด้วย
คุณภัทร์เล่าให้ฟังว่า “โปรเจ็กต์ต่อไปคือ ถ้าบ้านหลังนี้ลงตัวแล้ว เราอยากกลับไป Focus กับ Emily ค่ะ ก็คือ เราอยากเอารสชาติของเราไปสู่ต่างประเทศ ให้เขาได้ลองรสชาติของเรา รสชาติของอาหารไทยที่ทำให้เขาอยากมาประเทศไทยเพื่อชิมเมนูนี้เลย เป็นการส่งต่อรสชาตินี้ให้ไกลไปอีก อยากให้กลายเป็นเส้นหมี่ไก่ฉีกของประเทศไทย”
A Dream Collaboration
และถ้า Emily’s สามารถเลือกคอลแลปการทำอาหารร่วมกับใครได้สักคน คนนั้นจะเป็นใครกัน? คุณเพ็บครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบว่า “ถ้าเลือกได้อยากคอลแลปกับคุณแม่ค่ะ เพราะคุณแม่มีเมนูมากมายที่เราอาจจะทานจนชินแล้ว แต่คุณภัทร์อาจจะเพิ่งเคยทานแล้วว้าวมาก เลยอยากครีเอตเมนูใหม่ ๆ ร่วมกันกับคุณแม่ค่ะ”
With Gratitude
สุดท้ายทั้งคุณเพ็บและคุณภัทร์อยากขอบคุณครอบครัว Emily ทุกคนที่คอยสนับสนุนกันเสมอมา ความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นนี้คือพลังที่ทำให้พวกเขาก้าวต่อไป และยังเชื่อมั่นว่าไม่ว่าจะสร้างสรรค์สิ่งใหม่ใด ๆ ขึ้นมา ก็อยากให้ทุกคนที่ได้ทานรู้สึกประทับใจเหมือนเดิมเสมอ
“เราเชื่อว่าเรามีสายสัมพันธ์ที่ค่อนข้างแข็งแรงและเหนียวแน่น และหวังว่าในอนาคตถ้าเราได้ทำอะไรขึ้นมาอีกก็อยากให้เค้าได้ทานและประทับใจต่อไปอีกค่ะ”



