Published on February 07, 2019

Suit Tailors House

เสื้อผ้า หรือเครื่องแต่งกาย นับเป็นหนึ่งในปัจจัยสี่ ประเภท 'เครื่องนุ่งห่ม' ที่มนุษย์ใช้สวมใส่เพื่อปกป้องร่างกายจากสภาวะอากาศ และสภาพแวดล้อม สื่อถึงความสุภาพ สวมใส่ไว้ตามแต่ละโอกาสที่แตกต่างกันไป หากพูดถึงร้านตัดสูทที่แสดงถึงความภูมิฐาน และทำให้การแต่งตัวของคุณดูดีมีระดับ หนึ่งในร้านที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่งก็คือ The Somchai ที่ดูแลโดย คุณลภัส เมฆรักษาวนิช ตัวแทนนำเข้าสูทแบรนด์ LIVERANO&LIVERANO ซึ่งถือเป็น 1 ใน 5 แบรนด์ที่ดีที่สุดในโลก พร้อมดูแลการแต่งกายของคุณตั้งแต่หัวจรดเท้า นอกจากนี้ยังมีคาเฟ่ไว้บริการลูกค้า เรียกว่าตอบโจทย์ครบทุกไลฟ์สไตล์ในแห่งเดียว

 

ความคลาสสิกสไตล์โมเดิร์นที่สัมผัสได้ตั้งแต่ภายนอกร้าน

Classic & Modern

ร้านตัดสูท The Somchai เปิดให้บริการมาเป็นระยะเวลา 2-3 ปี ก่อนที่จะเพิ่มเติมส่วนของคาเฟ่เข้ามาในภายหลัง พร้อมออกแบบช็อปให้ได้กลิ่นอายของความคลาสสิกและความโมเดิร์นที่สื่อถึงความเป็นผู้ชาย ส่วนการเลือกใช้วัสดุภายในร้าน นับตั้งแต่พื้นไม้ ประตู หน้าต่าง และชั้นวางสินค้า ล้วนคุมโทน ตกแต่งไปในทิศทางเดียวกัน

 

สินค้าประเภทเครื่องประดับ

Finest Menswear from Finest Neapolitan House

การบริการตัดสูทของทางร้าน จะมีช่างตัดสูทจากประเทศอิตาลีเข้ามาวัดตัวทุก 3 เดือน พร้อมให้คำแนะนำแก่ลูกค้าที่เข้ามาวัดตัวตัดสูท ก่อนจะกลับไปตัดสูทตามไซส์ของแต่ละคน รวมระยะเวลาในการตัดเย็บสูทแต่ละตัวนานถึง 10 เดือน เพื่อให้ได้สูทที่มีคุณภาพ และตรงตามความต้องการของแต่ละบุคคล ก่อนจะออกมาเป็นสูทแบรนด์ LIVERANO & LIVERANO รับรองได้ถึงความประณีต ใส่แล้วทรงพอดีเข้ากับรูปร่างของตัวเองอย่างแน่นอน

 

มุมคลาสสิกของบันไดสไตล์โกธิค

 

มีแจ็กเกตให้ได้ลองเลือกสวมใส่

นอกจากการบริการตัดสูทจากช่างชาวอิตาเลียนแล้ว ทางร้านยังมีสูทสำเร็จรูปให้เลือกลองสวมใส่เป็นเจ้าของ อาทิ Ready-to-Wear Suits, Sports Jackets และ Casual Wears พร้อมเสื้อเชิ้ตแบรนด์ Finamore, Orazio Luciano Napoli และกางเกง Ambrosi Napoli รวมถึงเครื่องประดับอื่น ๆ จาก Fedeli หรือแม้กระทั่งถุงเท้า Milano จาก Bresciani, Brescia

 

เสื้อผ้าบนชั้นวางถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบ

 

ถุงเท้า Milano จาก Bresciani, Brescia

อีกหนึ่งสิ่งที่น่าสนใจของร้านนี้คือโชว์รูมรองเท้าแบรนด์ Saint Crispin’s ที่ล้วนแต่เป็นของทำมืออย่างประณีต ซึ่งทางร้านค่อนข้างพิถีพิถัน ลงรายละเอียดและใส่ใจในการคัดสรรรองเท้าที่ดีที่สุด เพื่อให้ได้รองเท้าหลากหลายลุคตามที่ผู้ใช้ต้องการ

 

โชว์รูมรองเท้า

นอกจากนี้ยังมีแบรนด์ Lapas ซึ่งเป็นแบรนด์ประเป๋าสำหรับผู้ชายของ คุณลภัส เจ้าของร้าน วางจำหน่ายที่นี่อีกด้วย ส่วนในอนาคตทางร้านเตรียมจะเปิดร้านตัดผมบนชั้น 2 และร้านอาหารสไตล์อิตาเลียนโดยฝีมือของเชฟชาวนโปเลียน

 

มุมสวย ๆ ที่เปิดรับแสงธรรมชาติเข้ามาภายในร้าน

Vintage Cafe

ส่วนใครที่มาทานอาหารที่คาเฟ่ก็สามารถเข้ามาได้เช่นกัน โดยด้านนอกมีมุมถ่ายรูปสวย ๆ โดยเฉพาะช่วงเย็นที่จะมีการประดับตกแต่งด้วยแสงไฟอย่างสวยงาม รวมถึงสวนด้านหลังร้านที่เหมาะจะนั่งจิบเบียร์เป็นที่สุด และด้านในร้านที่เน้นใช้แสงสว่างจากธรรมชาติ รอบ ๆ ร้านจึงเลือกติดกระจกใสแบบบานโค้ง ตามมาด้วยเฟอร์นิเจอร์โต๊ะหินอ่อน ที่รับกับโซฟาหนังนุ่ม ๆ สีน้ำตาลสไตล์วินเทจสุดเท่ สมกับที่เป็นร้านตัดสูทสำหรับสุภาพบุรุษอย่างมาก

 

เคาน์เตอร์ด้านหน้าคาเฟ่

 

ภายในร้านเปิดรับแสงธรรมชาติให้สาดส่องเข้ามา

Foods & Drinks

เมนูของทางร้านเน้นเสิร์ฟอาหารทานง่ายอย่าง Calamari Fritti (320 บาท) ปลาหมึกทอดสไตล์เมดิเตอร์เรเนียน ให้ความสดของปลาหมึกอย่างแท้จริง เสิร์ฟมาพร้อมกับมะเขือเทศทาร์ทาร์ที่ช่วยตัดความเลี่ยนได้เป็นอย่างดี

 

Calamari Fritti (320 บาท)

ถัดมาเป็นเมนู Cold Cut Platter - Regular (590 บาท) ที่เหมาะทานคู่กับเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ ประกอบไปด้วย Prosciutto di Parma, Salami Napoli, Coppa, Mortadella และ Parmigiano Cheese มาพร้อมเครื่องเคียงขนมปัง มะกอกดอง และผักร็อกเก็ต

 

Cold Cut Platter - Regular (590 บาท)

นอกจากนี้ ทางร้านยังเสิร์ฟเมนูกาแฟที่ใช้เมล็ดกาแฟไทยอาราบิกาผสมกับโรบัสตา คั่วเข้มเพื่อให้มีกลิ่นหอมเด่นชัด ดื่มแล้วให้ความรู้สึกผ่อนคลาย เหมือนกำลังดื่มกาแฟพรีเมียมที่อิตาลี ลองสั่ง Caffé Espresso (80 บาท) เอสเพรสโซร้อน ที่เสิร์ฟแบบช็อตกาแฟแก้วเล็ก ๆ เหมาะสำหรับคนที่ชอบดื่มกาแฟรสเข้ม

 

Caffé Espresso (80 บาท)

ถัดมาเป็นเมนูสำหรับคนที่ไม่ชอบดื่มกาแฟ อาจจะสั่งเป็น Dark Chocolate (150 บาท) ซึ่งทางร้านเลือกใช้ Valrhona Guanaja Dark Chocolate 70% เบลนด์ด้วยน้ำร้อน ไม่ใส่นม ให้รสชาติหวาน ขม และเปรี้ยวเล็กน้อย ทำให้ได้กลิ่นของช็อกโกแลตแท้ ๆ ขณะดื่ม หรืออาจจะให้พนักงานท็อปบนด้วยวิปปิ้งครีมเพื่อเบรกความขมของช็อกโกแลตก็ได้เช่นเดียวกัน

 

Dark Chocolate (150 บาท)

นอกจากนี้ ทางร้านยังเสิร์ฟค็อกเทลและม็อกเทลให้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกด้วย โดยส่วนใหญ่จะเน้นเป็นคลาสสิกค็อกเทล อย่างเมนูนี้ Negroni (360 บาท) ที่มีส่วนผสมของ Campari, Aged Red Vermouth และ Gin หรืออาจจะลองเป็น Aperol Spritz (350 บาท) ที่มีส่วนผสมของ Aperol, Prosecco และ A Dash of Soda ก็รสชาติดีไม่แพ้กัน

 

Negroni (360 บาท)

 

Aperol Spritz (350 บาท)

Info
Hours
Everyday : 11AM - 7PM
Address
215 ซอยทองหล่อ 11 เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร
Map
Mass Transit

BTS ทองหล่อ

Facilities
Suggest an Edit