อิ่มอร่อยแบบตามใจเชฟที่ 5 ร้านอาหาร Chef’s Table ชื่อดัง อิ่มคุ้มกับโปรฯ สุดปังจาก KTC MASTERCARD

Published on September 12, 2022

ชวนสัมผัสประสบการณ์ทานอาหารสไตล์ ‘Chef’s Table’ ซึ่งผ่านการรังสรรค์ความอร่อยโดยเหล่าเชฟมากฝีมือที่ 5 ร้านอาหาร Chef’s Table ชื่อดังในกรุงเทพฯ เลือกสรรโดย หนังสือ KTC Culinary Collective in Bangkok, Chiang Mai & Phuket โดดเด่นด้วยวิธีการปรุงอาหาร นำเสนอความอร่อยด้วยหลากหลายเทคนิคเฉพาะตัว ออกมาเป็นคอร์สเมนูสุดพิเศษให้เหล่าฟู้ดดี้ทั้งหลายได้ลิ้มลอง ท่ามกลางบรรยากาศสุดหรู ไปพร้อมกับชมเบื้องหลังการครีเอตความอร่อยของเชฟ

และเพื่อเป็นการเติมเต็มประสบการณ์ทานอาหารมื้อพิเศษในสไตล์ Chef’s Table ครั้งแรก ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ลิสต์ร้านอาหารทั้ง 5 แห่งนี้ จึงพ่วงความเอ็กซ์คลูซีฟมากับโปรโมชันสำหรับสมาชิกบัตรเครดิต KTC MASTERCARD ทุกประเภท ให้ได้เลือกไปอิ่มอร่อยอย่างคุ้มค่าอีกด้วย ส่วนจะเป็นที่ไหน และมอบสิทธิประโยชน์ดี ๆ  พร้อมรับคะแนน KTC FOREVER สุดสูง x10* ตอบโจทย์การดินเนอร์มื้อพิเศษได้อย่างประทับใจยังไงบ้างนั้น เตรียมเซฟ 5 ลิสต์ร้านอาหารสไตล์ Chef’s Table ต่อไปนี้กันไว้ได้เลย

1.ASOK PI SHOP


ASOK Pi SHOP หนึ่งในร้านอาหารสไตล์ Chef’s Table ที่รังสรรค์ความอร่อยโดย ‘เชฟไม้-คุณานันต์ เลิศพิสิฐกุล’ กับกิมมิกการตั้งชื่อร้าน โดยเลือกใช้คำว่า ‘Pi’ ซึ่งย่อมาจาก Pizza Bread หรือที่เรียกกันอีกช่ือว่า Flatbread (แฟลตเบรด) เมนูเด่นประจำร้าน มาสร้างสรรค์เป็นหลากหลายเมนูเด็ด กระทั่งกลายเป็นเช็กลิสต์อันดับต้น ๆ ที่รู้กันในหมู่นักชิมว่า Flatbread ของที่นี่นั้นเป็นวัตถุดิบไฮไลต์ที่ต้องลิ้มลอง

การตกแต่งภายในให้บรรยากาศเหมือนนั่งอยู่ในร้านอาหารเทรนดี้แสนเก๋ที่นิวยอร์ก มาพร้อมมุมครัวเปิดที่มีเตาอบขนาดใหญ่อยู่ด้านหลังเคาน์เตอร์บาร์ เผยให้เห็นการทำงานของเชฟแบบเต็มตา เป็นอีกหนึ่งเสน่ห์ท่ีมาช่วยเติมเต็มประสบการณ์มื้ออาหารพิเศษสุดประทับใจ

 

ASOK Pi SHOP (Photo by KTC Culinary Collective)

ความอร่อยไม่ซ้ำใครของที่นี่ คือการปรุงอาหารโดยผ่านเตาไฟเป็นหลัก ซึ่งเมนูส่วนใหญ่จะผ่านกรรมวิธีการย่างและรมควันโดยใช้ทั้งฟืนไม้และถ่าน ตามแบบฉบับที่เรียกว่า ‘Progressive Asado’ ซึ่งความแตกต่างของแต่ละประเภทเนื้อไม้ที่นำมาทำฟืนและถ่าน จะให้มิติของกลิ่นสโมคที่ไม่เหมือนกัน จึงมอบรสสัมผัสให้แต่ละจานอาหารมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

เปิดมื้อด้วยเมนู ‘Foie Gras / Brioche / Summer Truffle’ ขนมปังบริยอชหั่นชิ้นพอดีคำ ผ่านการย่างไฟแบบ กรอบนอกนุ่มใน ออนท็อปด้วยฟัวกราส์ฉ่ำเยิ้ม เติมกลิ่นหอมด้วยเห็ดทรัฟเฟิลขูดพูน ๆ อีกชั้น ให้ความชุ่มฉ่ำรสนุ่มละมุนลิ้น ต่อเนื่องความอร่อยกับเมนู 'Uni / Grilled Bread’ ขนมปังซาวโดวจ์ย่างบนถ่านชาร์โคลราดซอสสไตล์ญี่ปุ่น เติมรสหวานด้วยอูนิด้านบน แล้วตบท้ายด้วยชิคเก้นจูส์ นับเป็นคำเล็ก ๆ ที่อัดแน่นไปด้วยรสชาติหลากมิติ ให้สัมผัสกรอบและนุ่มหนึบของขนมปัง ปนความสดหวานฉ่ำจากอูนิที่กลมกล่อมไปกับรสเปรี้ยวจาง ๆ ของซอสจูส์

สำหรับเมนูแฟลตเบรดจานเด่นขายดีที่ทุกคนรอคอยก็คือ ‘Reserve Nippon’ ที่เบสรสชาติด้วยแยมมะเขือเทศชุ่มฉ่ำ เพิ่มเนื้อสัมผัสหนุบหนับด้วยไส้กรอกเอนดูย่า (Nduja) ราดชีสสดออนท็อป พร้อมขูดชีสฝอยโรยรอบ ๆ จนดูนุ่มหนา ตามด้วยน้ํามันมะกอกหยดตรงกลาง ความนุ่มของแฟลตเบรดผสมเข้ากับรสหวานมันจากชีส และมีซอสเผ็ดคอยตัดเลี่ยน ช่วยเพิ่มมิติของรสชาติที่เข้ากันได้อย่างลงตัว

 

Uni / Grilled Bread หนึ่งในเมนู Flatbread น่าลองของทางร้าน (Photo by KTC Culinary Collective)

สิทธิพิเศษบัตรเครดิต KTC MASTERCARD ทุกประเภท
รับฟรี เมนู Chef Special Dessert 1 ที่ มูลค่า 380 บาท เมื่อรับประทานครบ 5,000 บาทขึ้นไป / เซลส์สลิป

พร้อมรับคะแนน KTC สุดสูง x10*
สำหรับบัตรเครดิต KTC X WORLD REWARDS MASTERCARD
และ KTC WORLD MASTERCARD


1 ส.ค. 65 - 31 ม.ค. 66


ASOK PI SHOP
ซอยสุขุมวิท 23 กรุงเทพฯ
เปิด วันอังคาร-อาทิตย์ (หยุดวันจันทร์) เวลา 17.00-23.00 น.
โทร. 088 979 5436
www.facebook.com/asok.pishop
www.instagram.com/asok.pishop

2.CODA BANGKOK


Coda Bangkok ร้านอาหารไทยสไตล์ไฟน์ไดน์นิ่งที่รังสรรค์ความอร่อยโดย ‘เชฟแท๊ป-ศุภสิทธิ์ ก๊กผล’ ผู้คลุกคลีอยู่ในครอบครัวที่ทำธุรกิจอาหารมาตั้งแต่เด็ก อย่างร้านมหาชัยซีฟู้ด เมื่อเติบโตขึ้นเชฟแท๊ปจึงออกเดินทางเสริมประสบการณ์ในแวดวงอาหารไปทั่วโลก ทั้งที่ปรเทศอังกฤษ ฮ่องกง และออสเตรเลีย ก่อนบินกลับมาเมืองไทยเพื่อสร้างสรรค์ความอร่อยในสไตล์ของตัวเองในชื่อ Coda Bangkok ภายใต้คําจํากัดความท่ีเรียกตัวเองว่าเป็น ‘Modern Interpretation of Thai-Chinese Cuisine’

โดยอาหารของที่นี่จะเสิร์ฟแบบเป็นคอร์ส โดยไล่ระดับความรื่นรมย์ระหว่างทานราวกับกำลังนั่งฟังดนตรีสุดไพเราะ ซึ่งเชื่อมโยงกับความหมายของคำว่า 'Coda (โคด้า)’ ที่มาจากเครื่องหมายทางดนตรีที่มีการบรรเลงเพลงซ้ำในบางท่อน ในส่วนของการปรุงอาหารนั้น จะใช้ความทรงจําที่เชฟแท๊ปมีต่ออาหารไทย-จีน นับตั้งแต่เด็กมาผสมผสานกับเทคนิคอาหารฝรั่ง เพื่อนำเสนออาหารไทยในรูปแบบที่ทันสมัยมากข้ึน

 

Coda Bangkok (Photo by KTC Culinary Collective)

เริ่มต้นด้วย Snacks หน้าตาสวยงาม 3 คำ คำแรกเป็น ‘หลนปู’ โดยใช้เนื้อปูคลุกเคล้ากับลูกแพร์ ราดครีมกะทิ รสชาติแบบหลน ตามด้วยคาเวียร์ออนท็อปเพิ่มความเค็มนัว, คำที่สองคือ ‘เมี่ยงปลาเผา’ รังสรรค์จากสโมคปลาเทราต์คลุกเคล้าสมุนไพรไทย ด้านบนโรยคาเวียร์ที่หยดน้ำใบชะพลูคั้นลงไป กัดแล้วได้เนื้อสัมผัสเหมือนลูกอม, คําที่สามเป็น ‘ข้าวเหนียวไก่ย่าง’ ตัวทาร์ตทำมาจากข้าวเหนียวท่ีผ่านการต้ม รีด อบกรอบ ทาเนย และอบอีกรอบ สอดไส้ไก่ย่างคลุกซอสมะขามกับครีมที่เกิดจากการนำข้าวเหนียวดิบไปคั่ว แต่ละคำให้รสชาติที่แตกต่างแต่ลงตัว

ส่วนเมนูถัด ๆ มาที่น่าสนใจ มีท้ัง ‘Curry Crab Cha-wanmushi’ ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากเมนูปูผัดผงกะหรี่ อาหารจานขายดีของมหาชัยซีฟู้ด โดยเป็นไข่ตุ๋นสไตล์ญี่ปุ่นในน้ำซุปปู ออนท็อปด้วยควินัวคลุกผงกะหรี่กับเครื่องเทศ เม็ดสีเหลืองคือครีมหอมใหญ่ผัด ตกแต่งปูม้าและคาเวียร์ รวมถึงใบกะหรี่ ให้สัมผัสแห้ง ๆ ฝาด ๆ ช่วยตัดความนุ่มของไข่ตุ๋น หรือจะเป็น ‘Everything Tiger Prawn’ ชื่อเมนูบ่งบอกถึงความตั้งใจท่ีจะใช้ทุกส่วนของ กุ้งลายเสือจากมหาชัย เป็นเนื้อกุ้งผ่านการเซียร์ให้รสหวานฉ่ำ เสิร์ฟพร้อมแครกเกอร์สองสี สีเหลืองจากมันกุ้ง ส่วนสีแดงเป็นมันกุ้งผสมมะเขือเทศ โรยหอมเจียวกับกระเทียมย่าง และน้ำจิ้มซีฟู้ดสูตรของคุณแม่เชฟ เพื่อเติมความจัดจ้านสไตล์ไทย ๆ

อีกหนึ่งเมนูซิกเนเจอร์คือ ‘Duck Signature’ ที่เลือกใช้เป็ดเลี้ยงอิสระ ดรายเอจ 7 วัน เซียร์จนหนังกรอบ หอมกรุ่น ราดซอสจูส์เป็ด (Duck Jus) ใส่ไวน์แดงกับบ๊วยดอง เสิร์ฟกับมะม่วงซัลซาที่ยําแบบภาคเหนือ ให้รสเปรี้ยวหวานตัดกับเนื้อเป็ดได้ดี, ‘Szechuan Cold Pasta’ เมนูพาสต้าที่ได้แรงบันดาลใจมาจากบะหมี่เย็นเสฉวน ประกอบด้วยเส้นแองเจิลแฮร์ คลุกเคล้าน้ํามันงา งาขาว และพริกเสฉวน เสิร์ฟคู่ปลาคัมปาจิดรายเอจ 3 วัน ดองในน้ำยำโรยแอปเปิ้ลเขียวหั่นลูกเต๋า และผิวมะนาวขูด เป็นจานที่ให้ความสดชื่นหอมกรุ่น อร่อยลงตัว

ปิดท้ายด้วยเมนูของหวาน ‘Every-thing Baitoey’ มูสใบเตยเข้มข้น ขนมเปียกปูนใบเตยที่ทําจากแป้งข้าวเหนียวผสมน้ําใบเตยแล้วนําไปนึ่ง ด้านในสอดไส้ครีมมะพร้าวผสมใบเตย คุกกี้ใบเตยออนท็อป เสิร์ฟเคียงกับไอศกรีมใบเตย น้ำกะทิและข้าวพองกรุบกรอบ ตักทานพร้อมกันจะให้เนื้อสัมผัสที่แตกต่างแต่เข้ากัน พร้อมกลิ่นหอมอโรมาของใบเตยแบบเต็มคำ

 

'หลนปู' เมนู Snack แสนอร่อยของทางร้าน Coda Bangkok (Photo by KTC Culinary Collective)

สิทธิพิเศษบัตรเครดิต KTC MASTERCARD ทุกประเภท
รับฟรี เมนู Curry Crab Chawanmushi (Signature Dish) 1 ที่ มูลค่า 600 บาท / เซลส์สลิป (กรุณาแจ้งพนักงานเพื่อรับสิทธิ์) 

พร้อมรับคะแนน KTC สุดสูง x10*
สำหรับบัตรเครดิต KTC X WORLD REWARDS MASTERCARD
และ KTC WORLD MASTERCARD

1 ส.ค. 65 - 31 ม.ค. 66


CODA BANGKOK
สินธรทาวเวอร์ ถนนวิทยุ กรุงเทพฯ
เปิดทุกวัน เวลา 18.00-22.00 น.
โทร. 083 959 6296
www.facebook.com/restaurantcodabangkok
www.instagram.com/codabangkok

3.KELLER


“สําหรับผม การทําอาหารไม่ใช่การแข่งขัน ผมทําอาหาร เพราะผมอยากทําให้ผู้คนมีความสุข ท้ายที่สุดแล้ว สิ่งที่สําคัญคือการเป็นเชฟที่ดี” คําพูดของ เชฟเมอร์โค เคลเลอร์ (Mirco Keller) ประโยคนี้ สะท้อนถึงตัวตนที่จริงจังต่ออาชีพเชฟของเขาได้เป็นอย่างดี ซึ่งแนวคิดนี้เชื่อมโยงไปถึงการมีส่วนร่วมสร้างสรรค์ในทุกมิติของ Keller ร้านอาหารยุโรปร่วมสมัยสไตล์ไฟน์ไดนิ่ง

ร้าน Keller ตั้งอยู่ใน Baan Turtle คฤหาสน์หลังใหญ่ในย่านสวนพลู ตกแต่งในสไตล์ Contemporary European ภายใต้โทนสีทองอมชมพูพิงค์โกลด์ โต๊ะไม้สัก เก้าอี้และโซฟาตัวยาวบุกำมะหยี่ มอบความหรูหราสง่างาม แต่ในขณะเดียวกันก็ดูอบอุ่นผ่อนคลาย ส่วนอีกบริเวณหนึ่งที่ โดดเด่นไม่แพ้กันคือ พื้นที่ครัวเปิดขนาดกว้างขวาง เผยให้เห็นทุกรายละเอียดการทํางานของทีมเชฟ

 

Keller (Photo by KTC Culinary Collective)

เชฟเคลเลอร์ตั้งใจนําเสนออาหารยุโรปในบริบทที่แตกต่าง ซึ่งนักชิมทุกคนสามารถเข้าถึงความอร่อยได้ง่าย ด้วยเทคนิคอันแพรวพราว ผสมผสานกรรมวิธีการปรุงอาหารแบบดั้งเดิมเข้ากับรูปแบบที่ทันสมัย มีสไตล์ พร้อมสอดประสานกลิ่นอายความเป็นเยอรมนีบ้านเกิด บวกกลิ่นอายความเป็นเอเชีย เสมือนการบอกเล่าเรื่องราวส่วนตัวของเชฟผ่านรสชาติอันลุ่มลึกเปี่ยมเอกลักษณ์ ภายใต้สองคอร์สเมนูให้เลือก คือ Keller Classic และ Keller Journey หรือจะเป็นแบบ A la carte ก็มีให้เลือกสั่งมารับประทานเช่นกัน

เมนูแรกที่มาจากคอร์ส Keller Journey นั่นคือ ‘Royal Oscietra Caviar’ คาเวียร์ถูกประดับอย่างประณีตบนขนมฟีน็องซีเยหอมใหญ่ (เค้กอัลมอนด์ที่มีถิ่นกําเนิดจากประเทศฝรั่งเศส) ประกอบชั้นด้วยกะหล่ำดอกย่างบด และดิบ เติมแต่งกลิ่นด้วยน้ํามันอาร์แกน (Argan Oil) และเจลลูกแพร์ ให้รสชาติสดชื่น หวานอมเปรี้ยว ปิดท้ายด้วยน้ํามันจากต้นหอม (Chive Oil)

หนึ่งในอาหารจานหลักจากคอร์ส Keller Journey คือ ‘Racan Pigeon’ นกพิราบจากประเทศฝรั่งเศส โดยเชฟได้เลือกใช้ทุกส่วนของนกพิราบ ทั้งเนื้อส่วนอกที่ปรุงระดับสุก ปานกลาง คงความหวานและชุ่มฉ่ำของวัตถุดิบไว้เป็นอย่างดี ขาปรุงแบบกงฟีต์ ปีกและตับนํามาปรุงแบบสตูว์ในรูปแบบริลแย็ต (Rillettes) รสกลมกล่อม เสิร์ฟพร้อมดอกเบบี้อาร์ติโช้คในสไตล์บาริกูล (Barigoule) ราดซอสพอร์ตไวน์ที่ได้จากกระดูกนกพิราบ

ส่วนเมนูเด่นที่ทุกคนโปรดปรานตลอดกาล จากคอร์ส Keller Classic คือ ‘Charred Brittany Octopus’ ปลาหมึกเนื้อนุ่มละลายในปาก เสิร์ฟ์พร้อมกับโพเลนต้าเค้ก หัวขึ้นฉ่ายฝรั่ง หนังหมูกรอบและซอสไวน์แดง ก่อนจบมื้อหรูด้วยของหวานที่ได้แรงบันดาลใจมาจากน้ําฝรั่ง จึงตั้งชื่อสื่อตรงตัวว่า ‘Guava’ ซอร์เบต์ฝรั่งเสิร์ฟคู่กับฝรั่งดอง มะพร้าวที่ปรุงออกมาถึง 4 รูปแบบ ทั้งโฟมบางเบา มาร์ชเมลโลว์ มะพร้าวเผา และน้ำมะพร้าว พร้อมด้วยนูกัต (Nougat) และว่านหางจระเข้ เป็นของหวานที่มอบความสดชื่น บ่งบอกถึงความหลงใหลใน ‘ฝรั่ง’ ผลไม้โปรดของเชฟเคลเลอร์ได้เป็นอย่างดี

 

‘Charred Brittany Octopus’ เมนูเด่นที่ทุกคนโปรดปรานตลอดกาล จากคอร์ส Keller Classic (Photo by KTC Culinary Collective)

สิทธิพิเศษบัตรเครดิต KTC MASTERCARD ทุกประเภท
รับส่วนลด 10% เฉพาะค่าอาหาร เมื่อรับประทานครบ 5,000 บาทขึ้นไป / เซลส์สลิป
 
พร้อมรับคะแนน KTC สุดสูง x10*
สำหรับบัตรเครดิต KTC X WORLD REWARDS MASTERCARD
และ KTC WORLD MASTERCARD

1 ส.ค. 65 - 31 ม.ค. 66


KELLER
Baan Turtle 31 ซอยสวนพลู 2 กรงุเทพฯ
เปิด วันอังคาร-เสาร์ (หยุดวันอาทิตย์และจันทร์) เวลา 17.30 น. เป็นต้นไป
โทร. 02 092 7196, 064 839 5563
www.kellerbangkok.com
www.facebook.com/kellerbangkok
www.instagram.com/keller.bangkok

4.MOTHER BKK


ทำความรู้จักกับ Mother BKK อีกหนึ่งร้านอาหารไฟน์ไดน์นิ่งบนย่านถนนเจริญกรุงที่ควรค่าแก่การไปเช็กอินความอร่อย จากคำบอกกล่าวของ ‘เชฟเติ้ล-กรณัฏฐ์ รอบคอบ’ Executive Chef Owner ของทางร้าน ‘Mother’ ที่ใช้ตั้งเป็นชื่อร้านนั้น ในที่นี้ได้รับการตีความในสองมิติความหมาย โดยสื่อตรงถึง ‘Motherhood’ ซึ่งหมายถึงแม่ผู้ให้กำเนิด ส่วนนัยที่สองเชื่อมโยงไปถึง ‘Mother of Nature’ หมายถึงจุดกำเนิดของธรรมชาติและสรรพส่ิง

ตัวร้านออกแบบตกแต่งมาเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองแด่แม่แห่งธรรมชาติ โดยคุมเฉดสีทั้งร้านด้วยแนวเอิร์ธโทน พร้อมด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้ ผนังปูนเปลือยพิมพ์ลายไม้จริง หลังคา มุงกระเบื้องดินเหนียวสลับกับกระจกแก้ว แล้วแขวนรากไม้ ขนาดใหญ่ตรงกลาง เสมือนกําลังนั่งอยู่ใต้ร่มไม้ที่มีเส้นแสง ธรรมชาติส่องลอดผ่านลงมา และห้องครัวเปิดแบบโทนสีดำขรึม

เรื่องราวของแม่แห่งธรรมชาติ ยังส่งผ่านมาถึงความเอาใจใส่ในการเลือกสรรวัตถุดิบทุกชนิด ซึ่งเชฟและทีมงานจะต้องรู้ลึกไปถึงแหล่งที่มา ตลอดการเลือกใช้วัตถุดิบที่หมุนเวียนไปตามฤดูกาล ให้ความสำคัญกับกระบวนการปรุงแต่ง นำเสนอทุกองค์ประกอบของรสชาติที่ดีที่สุดในแต่ละประเภทวัตถุดิบ

 

Mother BKK (Photo by KTC Culinary Collective)

แนวทางอาหารของที่นี่ เป็นการผสมผสานรสชาติแบบเอเชียนสมัยใหม่ (Asian Twist) ผ่านกรรมวิธีการปรุงที่หลากหลาย โดยเสิร์ฟท้ังหมด 12 คอร์ส ภายใต้บรรยากาศแบบ Casual Fine Dining โดยเมนูอาหารจะปรับเปลี่ยนไปตามแต่ละคอนเซ็ปต์ในทุก ๆ รอบ 3-4 เดือน ปัจจุบันนําเสนอในธีม Childhood หรือวัยเยาว์ เป็นการหยิบเอาเมนูประทับใจในวัยเด็กมาตีความใหม่ ซึ่งย่อมมีความแตกต่างกันไปตามภูมิลำเนาถิ่นกำเนิดของเชฟและทีมงาน

รำลึกวัยซนจานแรก ด้วยรสชาติที่ฝังใจต่อหนังไก่ทอดหลังเลิกเรียน กับชื่อเมนู ‘Chix’ ย่อมาจากคำว่า Chicken หนังไก่ เสิร์ฟในรูปแบบเวเฟอร์ 4 ชั้น สอดไส้ซอสขมิ้นให้ความเปรี้ยว กับซุกินีอาจาดเจลเพิ่มความเย็น กัดทั้งคำจะได้รสสัมผัสกลมกล่อมและความเผ็ดอ่อน ๆ จากน้ำพริกตาแดงที่ซ่อนไว้บนชิ้นหนังไก่ ตามด้วยเมนูที่สองกับ ‘Bamboo’ ที่จำลองรสชาติมาจากหมกหน่อไม้ที่คนแถบอีสานนิยมรับประทาน เป็นหน่อไม้จีนรมควันเย็นพร้อมข่ากับตะไคร้แห้ง มีซอสเครื่องแกงที่ทำจากหมึกดำ ด้านบนเสิร์ฟเป็นหอยไม้ไผ่ลวกในน้ำข้าวเบือ ซึ่งก็คือน้ำที่เกิดจากการนำข้าวคั่วลงไปแช่ เสริมด้วยกลิ่นอโรมาจากการนำใบตองไปเผาแล้วปั่นเป็นผงโรยหย้าปิดท้าย ให้รสชาติเข้มข้น ตรงตามตำรับทุกมิติ

จานคาวถัดมา คือ ‘Pla Sam Rod’ เมนูยอดฮิตในสวนอาหาร ใช้ปลากุดสลาดดรายเอจ 2-3 วัน ปรุงสุกด้วยการค่อย ๆ ราดน้ำมันร้อนที่อุณหภูมิ 200 องศา หนังจึงกรอบแต่เนื้อนุ่มเด้ง เสิร์ฟกับซอสสามรสที่คิดขึ้นมาใหม่ทั้งหมด ได้แก่ ซอสพริกชี้ฟ้าหอมกลิ่นสโมค ซอสกระเทียมใส่วาซาบิเพิ่มความหวานซ่า และซอสมะม่วงน้ำดอกไม้ ทั้งสามซอสช่วยสร้างความกลมกล่อมให้กับเนื้อปลาได้เป็นอย่างดี ก่อนจะปิดท้ายด้วยความหวานเย็นของ ‘Salak Sorbet’ สละซอร์เบต์เปรี้ยวอมหวาน โรยดาร์กช็อกโกแลตขูดด้านบน ส่วนด้านล่างเป็นผลไม้รวมย่าง มีแก้วมังกร กีวี และสับปะรด ที่คัดมาแล้วว่าเข้าคู่กับสละได้แบบครบรสความสดชื่น

 

‘Bamboo’ เมนูไฮไลต์ภายในคอร์สที่จำลองรสชาติมาจากหมกหน่อไม้ที่คนแถบอีสานนิยมรับประทาน (Photo by KTC Culinary Collective)

สิทธิพิเศษบัตรเครดิต KTC MASTERCARD ทุกประเภท
รับส่วนลด 10% เฉพาะค่าอาหาร
 
พร้อมรับคะแนน KTC สุดสูง x10*
สำหรับบัตรเครดิต KTC X WORLD REWARDS MASTERCARD
และ KTC WORLD MASTERCARD

1 ส.ค. 65 - 31 ม.ค. 66


MOTHER BKK
ถนนเจริญกรุง กรุงเทพฯ
เปิด วันพุธ-อาทิตย์ (หยุดวันจันทร์และอังคาร) เวลา 18.00-24.00 น.
โทร. 098 205 6383
www.facebook.com/motherbkk
www.instagram.com/motherbkk

5.MIA


ร้านอาหารไฟน์ไดน์นิ่งในบ้านเก่าสีฟ้าทรงสวยคลาสสิกอันเงียบสงบในซอยอรรถกวี ภายใต้ชื่อร้าน Mia ที่สื่อถึงจิตวิญญาณความเป็นหญิงสาวผู้เปี่ยมไปด้วยสีสันความมีชีวิตชีวา ผลงานสร้างสรรค์ร่วมกันระหว่าง 'เชฟจูเลียน อิมเบิร์ต (Julian Imbert)’ ผู้อยู่เบื้องหลังร้านอาหารชื่อดังแห่งกรุงลอนดอนอย่าง Sketch พร้อมกับสองเชฟชาวเอเชีย ‘เชฟท็อป-พงศ์ชาญ รัสเซล (Top Russell)’ และ ‘เชฟมิเชล โก (Michelle Goh)’

บริเวณชั้นล่างตกแต่งในนสไตล์ Art Deco พร้อมด้วยบันไดทอดไปสู่ช้ันสองสำหรับรับประทานอาหาร โดยห้องอาหารของที่นี่จะแบ่งออกเป็น 3 ห้อง 3 สไตล์ เริ่มตั้งแต่ห้องตรงข้ามกับบันไดที่สว่างไสวไปด้วยแสงธรรมชาติส่องลอดผ่านบานกระจกตลอดแนวกำแพงห้อง พร้อมกับความงามอลังการของเพดานช่อดอกไม้ร้อยระย้าอยู่เหนือโซฟาสีชมพูพาสเทลที่ใช้ชื่อว่าห้อง Flower Room ติดกันทางด้านขวามือชื่อห้อง The Color Room สร้างความสะดุดตาด้วยบูธที่นั่งครึ่งวงกลมบุผ้ากำมะหยี่สีเหลืองเจิดจ้า ล้อไปกับกําาแพงติดวอลล์เปเปอร์ลายดอกไม้วินเทจเฉดสีเหลือง ส่วนปีกซ้ายของร้าน ให้สัมผัสถึงความโรแมนติกกึ่งลึกลับของห้อง The Dark Room ซึ่งคุมโทนท้ังห้องด้วยแสงไฟส่องสลัวอยู่ภายใต้โทนสีน้ำเงินและสีเทา ทั้งหมดนี้เป็นความตั้งใจของทางร้านที่ต้องการมอบประสบการณ์มื้ออร่อยแตกต่างกันไปตามธีมของแต่ละห้อง

 

Mia (Photo by KTC Culinary Collective)

แม้จะเน้นบรรยากาศแบบไฟน์ไดน์นิ่ง หากแต่อาหารสไตล์โมเดิร์นยูโรเปียนของที่นี่กลับถ่ายทอดออกมาในรูปแบบที่เข้าใจง่าย ผ่านการผสมผสานกลิ่นอายเอเชียลงไปในกรรมวิธีแบบยุโรป โดยเร่ิมเปิดรสกับของทานเล่น 4 คำ เรียงลำดับจาก Lobster Tart ล็อบสเตอร์ทาร์ตกับแอปเปิ้ลเขียว Squid Ink Tuile แครกเกอร์หมึกดำ ท็อปปิ้งมายองเนสไข่ปลาอิคุระ Smoked Pork Jowl แก้มหมูรมควันกับซอสโรเมสโก และ Foie Gras ฟัวกราส์ผสมไวน์หวานกับลูกพรุนพิวเร

เมนูสุดสร้างสรรค์ถัดมาคือ ‘Lobster Perfume’ ล็อบสเตอร์สลัดผักและผลไม้อย่างแตงโม ส้มโอ ลูกแพร์ มะม่วง และอาโวคาโดเจล ล้อมรอบด้วยสมุนไพรและดอกไม้ทานได้ ตกแต่งคาเวียร์แล้วหยดล็อบสเตอร์ออยล์กับเบซิลออยล์เพื่อเติมกลิ่นหอม ก่อนเสิร์ฟเชฟจะเทซุปมะเขือเทศใสที่หอมกลิ่นแตงโมลงไปในชาม จึงสัมผัสได้ทั้งรสชาติอันสดชื่น และกลิ่นหอมละมุนสมชื่อ อีกหนึ่งเมนูไฮไลต์ คือ ‘North Sea Crab’ เนื้อปูม้าส่วนอก ปรุงรสด้วยมายองเนส ตกแต่งชิ้นองุ่นแดงฝานบางเฉียบเรียงซ้อนกันเป็นวงกลม ออนท็อปอีกทีด้วยหอยเชลล์ที่ผ่านการทำเป็น Tuile บางกรอบ ปิดท้ายด้วยซอส Ajo Blanco แล้วหยด มินต์ออยล์สีเขียวเติมจุดนำสายตาสวยงาม เป็นอีกหนึ่งเมนูเรียกความสดชื่นก่อนเข้าสู่จานหลักรสชาติ เข้มข้นอย่าง ‘Hay Aged Duck’ เป็ดดรายเอจเสิร์ฟกับแบล็คเบอร์รีและแอปเปิ้ล ข้างกันซ่อนขาเป็ดกงฟีต์ชิ้นเล็กไว้ใต้หนังเป็ดกรอบอีกชั้น ราดดั๊กจูส์ที่ปรุงมาแบบซอสเป็ดสไตล์จีนต้นตำรับ

 

ของทานเล่น 4 คำ ที่เรียงลำดับตามความเข้มข้นของรสชาติ นิยมทานก่อนเริ่มคอร์สอาหารเพื่อเปิดต่อมรับรส (Photo by KTC Culinary Collective)

สิทธิพิเศษบัตรเครดิต KTC MASTERCARD ทุกประเภท
รับฟรี เครื่องดื่ม Welcome Drink 1 ที่
มูลค่า 410 บาท++ / ท่าน / คอร์ส (5 Tasting Menu) รับฟรี เครื่องดื่ม Welcome Drink 1 ที่
มูลค่า 710 บาท++ / ท่าน / คอร์ส (7 Tasting Menu)
 
พร้อมรับคะแนน KTC สุดสูง x10*
สำหรับบัตรเครดิต KTC X WORLD REWARDS MASTERCARD
และ KTC WORLD MASTERCARD

1 ส.ค. 65 - 31 ม.ค. 66


MIA
ซอยอรรถกวี 1 สุขุมวิท 26 กรุงเทพฯ
เปิด วันอังคาร-ศุกร์ (หยุดวันจันทร์) เวลา 17.00-23.00 น.
วันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 12.00-14.00 น. และ 17.00-23.00 น.
โทร. 098 862 9659
www.miarestaurantbkk.com
www.facebook.com/miarestaurantthailand
www.instagram.com/miarestaurantthailand


หากใครอยากลองเปิดประสบการณ์ทานอาหารมื้อพิเศษสไตล์ Chef's Table ที่ 5 ร้านอาหารชั้นนำในกรุงเทพฯ ทั้งหมดนี้กันดูสักครั้ง สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติม สำหรับร้านอาหารหรูในกรุงเทพ เชียงใหม่ และภูเก็ตได้ที่ https://ktc.promo/culinary-collective-v2-bkk-menu หากยังไม่มีบัตรเครดิต KTC MASTERCARD คลิกสมัครเลย https://ktc.promo/apply-mastercard