ชวนอิ่มอร่อยกับมื้ออาหารสไตล์โอมากาเสะสุดพรีเมียม ที่ 7 ร้านอาหารชั้นนำ คัดสรรโดย KTC MASTERCARD

Published on October 17, 2022

เอาใจเหล่าฟู้ดดี้สายอาหารญี่ปุ่นและอาหารนานาชาติที่มีความพิเศษด้านการคัดสรรวัตถุดิบไฮไลต์หรือมีความเฉพาะทาง ให้ได้ลองมาเปิดประสบการณ์ทานอาหารสไตล์ Omaske ที่หลากหลายร้านอาหารชั้นนำในกรุงเทพฯ โดยแต่ละร้านนั้นล้วนมีความพรีเมียม ทั้งในแง่ของวัตถุดิบที่เลือกใช้และความพิเศษด้านเทคนิคการปรุงอาหาร การันตีความอร่อยผ่านการคัดสรรจากหนังสือ KTC Culinary Collective in Bangkok, Chiang Mai & Phuket พร้อมพ่วงความเอ็กซ์คลูซีฟมากับโปรโมชันสำหรับสมาชิกบัตรเครดิต KTC MASTERCARD ทุกประเภท ให้ได้เลือกไปอิ่มอร่อยอย่างคุ้มค่า ด้วยการมอบสิทธิประโยชน์ดี ๆ รับคะแนน KTC FOREVER สุดสูง x10* เมื่อมียอดใช้จ่ายผ่านบัตรฯ ที่ร้านอาหารที่ร่วมรายการ สำหรับบัตรเครดิต KTC X WORLD REWARDS MASTERCARD และ KTC WORLD MASTERCARD ทุกประเภท ตอบโจทย์การรับประทานอาหารมื้อพิเศษอีกด้วย รับรองว่าสายโอมากาเสะตัวจริงที่เลิฟความสเปเชียลตี้จะต้องอร่อยฟินและประทับใจไปกับความคุ้มค่านี้อย่างแน่นอน

1.URAKI


ประเดิมความประทับใจแรก ด้วยการชวนเหล่านักชิมไปลิ้มลองความอร่อยกันที่ Uraki ร้านอาหารน้องใหม่ล่าสุดในเครือ Kouen Group ที่เลือกนำเสนออาหารญี่ปุ่นสุดพรีเมียมในสไตล์เอโดะมาเอะ (Edomae) แบบต้นตำรับดั้งเดิม ผนวกรวมแนวคิดแบบชนชาติญี่ปุ่น ‘โอโมเตนาชิ’ (Omotenashi) ซึ่งหมายถึงการใส่ใจและให้ความสำคัญกับ รายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่มาพร้อมการบริการทุกอย่างด้วยหัวใจและจิตวิญญาณแบบญี่ปุ่น ซึ่งทีมเชฟทุกคนล้วนมี ประสบการณ์เรียนรู้ศาสตร์และศิลป์ของการรังสรรค์อาหารญี่ปุ่นมาเป็นอย่างดี ยึดถือหัวใจหลักอยู่ที่รสชาติความอร่อยอันเป็นเลิศตามธรรมชาติของแต่ละวัตถุดิบ

นอกจากนี้ทางร้าน Uraki ยังให้ความสำคัญในทุกมิติ เช่นเรื่องของการออกแบบและตกแต่งร้าน นับตั้งแต่ดิสเพลย์กระจกหน้าร้านที่จำลองแบบมาจากสวนญี่ปุ่นสไตล์เซน สามารถมองลอดกระจกใสทรงกลม เผยให้เห็นบริเวณเคาน์เตอร์บาร์ที่จัดไว้สำหรับเสิร์ฟอาหารแบบโอมากาเสะ แสดงถึงความต่อเนื่องของโซนนั่งรับประทานอาหาร เรื่อยไปจนถึงด้านในร้านซึ่งจัดแบ่งเป็นสัดส่วน มีมุมครัวร้อน ห้องวีไอพีทั้งหมด 3 ห้อง เสิร์ฟท้ังเมนูจากครัวร้อน และสารพัดเมนูซูชิ พร้อมทั้งมีโซน A la carte จัดที่นั่งอย่างเป็นสัดส่วน ท่ามกลางบรรยากาศโดยรอบร้านที่เปี่ยมไปด้วยความอบอุ่นเป็นกันเอง ด้วยการเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ไม้ดีไซน์น้อยแต่มาก

 

Uraki (Photo by KTC Culinary Collective)

เริ่มต้นความอร่อยประทับใจสไตล์เอโดะมาเอะกันด้วยความ อลังการของ ‘Hagi Sashimi’ ซาชิมิปลาดิบรวม มีทั้งปลาเนื้อขาวและปลาเนื้อแดง อาทิ ปลาอากาเมะ ปลาโอโทโร่ และชูโทโร่ ผ่านการเอจจิ้งประมาณหนึ่งสัปดาห์ เพื่อให้เนื้อปลามีความนุ่ม และชูรสชาติ หวานมากขึ้น รวมถึงซีฟู้ดอย่างกุ้งและหอย เป็นเมนู เรียกน้ำย่อยที่เปิดสัมผัสความสดของวัตถุดิบจากท้องทะเล ตามมาด้วยเซ็ตรวมข้าวปั้นพิเศษ 'Tokujyo Nigiri' หลากหลายซูชิที่มีให้เลือกทั้งปลาชูโทโร่ ปลาอากามิ ปลาฮามาจิ กุ้งหวาน โฮตาเตะ (หอยเชลล์ฮอกไกโด) และเทกกะมากิหรือข้าวห่อสาหร่ายไส้ปลาทูน่า ตบท้ายด้วยอานาโกะหรือปลาไหลทะเลต้มเนื้อนุ่ม พร้อมไข่หวานสีเหลืองนวลเนื้อเนียนหวานนุ่ม

เพิ่มความอิ่มท้องด้วย ‘Uraki Maki’ ข้าวห่อสาหร่ายไส้ปลาไหล กุ้งต้ม และแตงกวา หั่นออกมาเป็นชิ้นอร่อยพอดีคำ ส่วนอีกหนึ่งเมนูคือข้าว ‘Sanshu- mori Don' ที่ทางร้านเลือกเสิร์ฟมาเป็นดงบุริ (Don- buri) ข้าวญี่ปุ่นร้อน ๆ โปะท็อปปิ้ง 3 ชนิดคือ ปลาแซลมอน โอโทโร่ สับละเอียด และโฮตาเตะ เคียงด้วยไข่หวาน ขิงดอง และใบชิโสะ เรียกว่าเป็นเมนูต้นตำรับแสนเรียบง่าย แต่เต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งญี่ปุ่น

ก่อนจบมื้ออาหารด้วยเมนูจากฝั่งครัวร้อนอย่าง ‘Kaki Furai’ หอยนางรมชุบเกล็ดขนมปังทอด กรอบนอกนุ่มใน พิเศษตรงน้ำจิ้มที่มีส่วนประกอบหลักคือหอมใหญ่และกระเทียม โดยผ่านการเคี่ยวประมาณหนึ่งชั่วโมงอย่างพิถีพิถัน เสิร์ฟคู่กับสลัด พร้อมเลมอนที่ช่วยตัดเลี่ยนและเพิ่มความสดชื่นได้ดีทีเดียว

 

เมนู Hagi Sashimi ซาชิมิปลาดิบรวมที่จัดเต็มความอร่อยสดใหม่มาแบบล้นจาน (Photo by KTC Culinary Collective)

สิทธิพิเศษบัตรเครดิต KTC MASTERCARD ทุกประเภท
รับส่วนลด 5% เฉพาะค่าอาหาร เมื่อรับประทานครบ 1,000 บาทขึ้นไป / เซลส์สลิป

พร้อมรับคะแนน KTC สุดสูง x10*
สำหรับบัตรเครดิต KTC X WORLD REWARDS MASTERCARD
และ KTC WORLD MASTERCARD ทุกประเภท ตามเงื่อนไขที่กำหนด

1 ส.ค. 65 - 31 ม.ค. 66


URAKI
All Seasons Place ถนนวิทยุ กรุงเทพฯ
เปิดทุกวัน เวลา 11.30-14.30 น. และ 17.30-22.00 น.
โทร. 094 995 9999
www.facebook.com/UrakiBkk
www.instagram.com/urakibkk


2.UMI


มาต่อกันที่ Umi อีกหนึ่งร้านอาหารญี่ปุ่นที่เสิร์ฟซูชิคอร์สสไตล์โอมากาเสะ โดยเสิร์ฟความอร่อย แบบต้นตำรับมานานร่วม 8 ปีแล้ว เมื่อมารับประทานอาหารที่ร้านจะรู้สึกถึงความอบอุ่น เงียบสงบ และเป็นส่วนตัวอยู่ภายใต้บรรยากาศการตกแต่งที่ถ่ายทอดถึงความเรียบง่ายสไตล์เซนในทุกซอกมุม

ด้วยความท่ีทางร้านนั้นเน้นเสิร์ฟเมนูซูชิ มีหัวใจสำคัญอยู่ที่ ‘ข้าว’ ทางร้านจึงต้องคัดสรรข้าวญี่ปุ่นกันอย่างเอาจริงเอาจัง กระทั่งลงเอยที่สายพันธุ์โคชิฮิคาริ (Koshihikari) จากจังหวัด นิกาตะ เพราะด้วยลักษณะที่เป็นข้าวเม็ดใหญ่ มีคุณสมบัติดูดซึมได้ดี ทำให้เมื่อหุงสุกแล้วจะได้เนื้อสัมผัสนุ่มเคี้ยวหนึบ รวมไปถึงวัตถุดิบนำเข้าสดใหม่จากญี่ปุ่น โดยเฉพาะวัตถุดิบบางประเภทที่จำเป็นต้องผ่านกระบวนการบางอย่าง เพื่อให้เกิดเนื้อสัมผัสที่สมดุลและช่วยดึงรสชาติที่ดีที่สุดของแต่ละวัตถุดิบออกมา ไม่ว่าจะเป็นการบ่ม หมัก หรือแช่เย็น เป็นต้น ซึ่งอาหารญี่ปุ่นที่ทางร้านเสิร์ฟน้ันล้วนให้ความสำคัญกับรายละเอียดเหล่านี้อย่างมาก

 

UMI (Photo by KTC Culinary Collective)

เริ่มต้นลิ้มลองความอร่อยล้ำจากคำแรกอย่าง ‘Ankimo Nitsuke’ ท่ีรับรู้ได้ถึงความหวานมันตามธรรมชาติของตับปลาอังโกะจากฮอกไกโด ซึ่งเชฟนำมาปรุงแต่งแต่น้อย โดยนำไปต้มกับโชยุ เติมสาเกและน้ำตาลหัวไชเท้า เสิร์ฟมาในซอสที่ได้จากการต้ม ท็อปด้วยส้มยูซุ และมะระญี่ปุ่นดองหั่นละเอียด คำต่อมาเชฟเสิร์ฟเป็น ‘Mushi Awabi’ หอยเป๋าฮื้อ สายพันธ์ุเอโซะจากเมืองฮอกไกโด นึ่งในน้ำสาเก เกลือ และสาหร่ายคอมบุประมาณ 1-2 ชั่วโมง วางมาบนข้าวคลุก ซอสตับหอยเป๋าฮื้อที่ปรุงรสด้วยไข่ โชยุ และสาเก แล้วเคี่ยวให้สุก ก่อนเสิร์ฟราดซอสตับหอยเป๋าฮื้อด้านบนอีกรอบ ทั้งคำจึงเข้มข้นชุ่มฉ่ำไปด้วยรสสัมผัสของหอยเป๋าฮื้อ

ต่อเนื่องด้วย ‘Kegani Ankake’ เนื้อปูขนจากฮอกไกโด เสิร์ฟมาในน้ำสต๊อกเนื้อสัมผัสเยลลีหอมกลิ่นปู เพราะทำจากกระดองปูที่แกะแล้วนำไปต้ม ท็อปด้วยมันปูโรยใบคิโนะเมะที่มีกลิ่นฉุนและรสเผ็ดปลายช่วยตัดเลี่ยน บวกความกรอบจากหน่อไม้ฝรั่งป่าจากฝรั่งเศสที่ให้ความอร่อยลงตัว

นอกจากนี้ยังมีอีกสองเมนูปลาที่ไม่อยากให้พลาด คำแรกคือ ‘Chutoro Nigiri’ เนื้อปลาทูน่าจากน่านน้ำในจังหวัดคาโงะชิมะ ผ่านการบ่มมาแล้ว 4 วัน รสชาติจึงละมุนหวาน รับประทานกับข้าวดองในน้ำส้มสายชูแดง อากาสึ เพิ่มรสเข้มข้นมีเอกลักษณ์ ส่วนอีกคำคือ ‘Madai Nigiri’ ปลามะไดหมักเกลือ 25 นาที แล้วนำไปหมักกับสาหร่ายคอมบุอีกรอบ เพื่อเติมกลิ่นและ รสชาติ ใส่วาซาบิลงไปบนเนื้อปลา วางซ้อนบนซูชิอีกชั้นหนึ่ง จุ่มพู่กันลงในซอสโชยุแล้วป้ายบาง ๆ พร้อมยกเสิร์ฟ เป็นคําส่งท้ายมื้อแสนอร่อยที่ฉ่ำละมุนด้วยสามส่วนผสมรสชาติสุดกลมกล่อม

 

เมนู Mushi Awabi ที่เข้มข้นชุ่มฉ่ำไปด้วยรสสัมผัสของหอยเป๋าฮื้อจากเมืองฮอกไกโด (Photo by KTC Culinary Collective)

สิทธิพิเศษบัตรเครดิต KTC MASTERCARD ทุกประเภท
รับฟรี เมนู Ko Aji Karaage 1 ที่ มูลค่า 215 บาท / คอร์ส / เซลส์สลิป

พร้อมรับคะแนน KTC สุดสูง x10*
สำหรับบัตรเครดิต KTC X WORLD REWARDS MASTERCARD
และ KTC WORLD MASTERCARD ทุกประเภท ตามเงื่อนไขที่กำหนด

1 ส.ค. 65 - 31 ม.ค. 66


UMI
ซอยสุขุมวิท 49 กรุงเทพฯ
เปิด วันอังคาร-อาทิตย์ (ปิดวันจันทร์) เวลา 12.00-14.00 น. และ 18.00-23.00 น.
โทร. 02 662 6661
www.facebook.com/umi49
www.instagram.com/umi_bkk


3.HIBIKI OMAKASE AND BAR


สำหรับร้าน Hibiki Omakase and Bar แห่งนี้ เป็นการรวมตัวกันระหว่างร้านโอมากาเสะและบาร์ใจกลางซอยเอกมัย ภายใต้การดูแลโดยทีมผู้บริหารรุ่นใหม่ไฟแรง ซึ่งต่างหลงใหลในรสอาหารและวิถีการดื่มแบบญี่ปุ่น

การออกแบบตกแต่งร้านเป็นสไตล์คอนเทมโพรารี ที่ประสานปรัชญาของชนชาติญี่ปุ่นเอาไว้ในความเรียบหรู เท่ และสงบนิ่ง โดยเลือกใช้องค์ประกอบหลักเป็นไม้และหิน โทนสีเข้มสอดคล้องกับความตั้งใจของร้านที่ต้องการให้ที่นี่ตอบโจทย์ทั้งมุมของการรับประทานซูชิโอมากาเสะ และการจิบเครื่องดื่มทั้งก่อนหรือหลังมื้ออาหาร ภายในร้านจึงมีเคาน์เตอร์ไม้ขนาดใหญ่ขนาด 16 ท่ีนั่ง ไว้โอบล้อมทั้งในส่วนของครัวเปิดและบาร์เครื่องดื่ม ตั้งโดดเด่นอยู่กลางร้าน พร้อมด้วยวิวด้านหลังที่เป็นสวนสไตล์เซนร่วมสมัย

 

Hibiki Omakase and Bar (Photo by KTC Culinary Collective)

ในด้านอาหารทางร้านนำเสนอตามรูปแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม แต่ไม่ตีกรอบจนเกินไป โดยทางร้านจะจะยึดเพียงแนวคิด กรรมวิธี และความเอาใจใส่ในวัตถุดิบสดใหม่คุณภาพเยี่ยมตามหลักต้นตำรับ ในขณะเดียวกันก็ ผสานความคิดสร้างสรรค์อันร่วมสมัยลงไป เพื่อให้เกิดมิติของรสชาติท่ีแปลกใหม่และน่าสนใจยิ่งข้ึน

เริ่มต้นเมนูแนะนำด้วย ‘Awashi Toast’ ปลาซาร์ดีน จากจังหวัดอิชิคาวะ ดองกับเกลือและน้ำส้มสายชู ให้รสชาติของปลามีความเด่นชัดมากขึ้น เสิร์ฟคู่กับขนมปังบริยอชแบบกรอบ พร้อมซอสวาซาบิซาวร์ครีมกับสมุนไพรอย่างใบโอบะเนงิ หรือต้นหอมญี่ปุ่น และดอกชิโสะ สำหรับตัดเลี่ยน ตามด้วยความอร่อยเบา ๆ กับเมนู ‘Kekani Spring Roll’ ปูขนจากฮอกไกโด ต้มในน้ำเกลือ 25 นาที จากนั้นนำไปน็อกกับน้ำแข็ง คัดเนื้อช่วงลำตัว ขา และกระดอง มาคลุกเคล้ากับมันปู หยดน้ำมันทรัฟเฟิลเพื่อชูกลิ่นหอม แล้วม้วนกับแป้งก่อนนำไปทอด เสิร์ฟคู่น้ำซอสที่ทำจากกระดูกปู ตักรับประทานกับเครื่องเคียงอย่างถั่วแระญี่ปุ่นเอดามาเมะ (Edamame) และคาเวียร์ พร้อมกับซดน้ำซุปที่ทำให้อิ่มเอมไปกับรสชาติของปูแบบเต็มคำ

ส่วนวัตถุดิบที่ได้รับสมญานามว่า ‘ฟัวกราส์แห่งท้องทะเล’ อย่างตับปลาอังโกะนั้น ที่นี่ก็นำมารังสรรค์มาเป็นเมนู 'Ankimo Rice’ โดยนำตับปลาอังโกะไปต้มกับไวน์แดงและโชยุจนมีสีเข้ม แล้วคลุกเคล้ากับข้าวซูชิ ท็อปปิ้งด้วยอิคุระ ส่วนด้านล่างคือครัมเบิลที่ทำมาจากอูนิกับสาหร่ายโนริ ให้เนื้อสัมผัสกรุบกรึบและรสครีมมี่เข้มข้น อร่อยล้ำสมกับเป็นเมนูเด่นประจำร้าน

หากรับประทานอาหารอิ่มแล้ว ลองขยับมานั่งหน้าบาร์ ซึ่งนอกจากสาเก อุเมะชู และไวน์ ที่ถือเป็นเครื่องดื่มยอดนิยม แล้วที่นี่ยังมีค็อกเทลที่ใส่กลิ่นอายญี่ปุ่นลงไปให้ลิ้มลอง โดยเน้นรูปแบบการนำเสนอแสนเรียบง่าย แต่อัดแน่นไว้ด้วยวัตถุดิบชั้นเลิศ บวกกับเทคนิคพิเศษในการแกะสลักน้ำแข็งรูปทรงต่าง ๆ ที่เข้ากับเครื่องดื่มแต่ละแก้วอย่างลงตัว

 

เมนู Kekani Spring Roll ปูขนจากฮอกไกโด เสิร์ฟคู่น้ำซอสที่ทำจากกระดูกปู ได้รสเข้มข้นเต็มคำ (Photo by KTC Culinary Collective)

สิทธิพิเศษบัตรเครดิต KTC MASTERCARD ทุกประเภท
รับฟรี เครื่องดื่ม Kamotsuru Gold (180 ml.) 1 ขวด มูลค่า 1,390 บาท เมื่อรับประทานครบ 12,000 บาทขึ้นไป / เซลส์สลิป

พร้อมรับคะแนน KTC สุดสูง x10*
สำหรับบัตรเครดิต KTC X WORLD REWARDS MASTERCARD
และ KTC WORLD MASTERCARD ทุกประเภท ตามเงื่อนไขที่กำหนด

1 ส.ค. 65 - 31 ม.ค. 66


HIBIKI OMAKASE AND BAR
ซอยเอกมัย 12 กรุงเทพฯ
เปิด วันจันทร์-เสาร์ เวลา 17.30-19.30 น. และ 19.30-21.30 น.
วันอาทิตย์ เวลา 12.00-13.30 น., 14.00-15.30 น. และ 17.30-19.30 น.
โทร. 096 797 9997
www.facebook.com/hibiki.bkk
www.instagram.com/hibiki.bkk

4. HANGETSU OMAKASE


ชวนเหล่านักชิมร่วมออกเดินทางไปสัมผัสอีกด้านหนึ่งของพระจันทร์ ผ่านรสชาติความอร่อยล้ำของอาหารญี่ปุ่นสไตล์เอโดะมาเอะ (Edomae) ที่ร้าน Hangetsu Omakase ได้ปรับประยุกต์รสสัมผัสให้ถูกปากคนไทยมากยิ่งขึ้น

จากนิยามของคำว่า ‘Hangetsu’ ในภาษาญี่ปุ่นที่แปลว่า ‘พระจันทร์ครึ่งเสี้ยว’ ได้กลายมาเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบและตกแต่งร้าน โดยเส้นสายวงกลมและครึ่งวงกลมภายในร้านนั้น สื่อถึงพระจันทร์ ซึ่งมีประดับประดาให้เห็นอยู่ทั่วทุกมุมร้าน สอดแทรกอยู่ในซุ้มประตู โคมไฟ เก้าอี้ เคาน์เตอร์บาร์ รวมไปถึงภาชนะส่ังทําพิเศษที่เลียนแบบรูปทรงพระจันทร์เสี้ยวและเต็มดวง บนพื้นผิวขรุขระสีดำสลับทอง ในขณะท่ีบรรยากาศโดยรอบให้ความรู้สึกหรูหราทว่าอบอุ่นด้วยการเลือกใช้วัสดุไม้เฉดสีเบจ-ครีม ตลอดจนเงาไฟแสนละมุนตาที่สื่อถึงแสงแห่งจันทร์

 

HANGETSU OMAKASE (Photo by KTC Culinary Collective)

คอร์สสุดพรีเมียมของที่นี่คือ ‘Hikari Course’ โดยจะเร่ิมต้นเสิร์ฟด้วย Appetizer 3 คำ คำแรกคือ Tennen Mozuku สาหร่ายโมซูกุสดจากเมืองโอกินาวา ปรุงรสในน้ำส้มรสเปรี้ยวอมหวาน เพื่อการเปิดรสชาติ ตามด้วย Sawakani ปูจิ๋วญี่ปุ่นทอดกรอบ ที่รับประทานได้ทั้งตัว และ Shiromi เทมปุระปลาชิโรมิหรือปลาเนื้อขาวกับบ๊วยดองใส่ซอสเปรี้ยวพอนสึ

ตามมาด้วย Tai Shirako ถุงสเปิร์มของปลาไทหรือปลากะพงญี่ปุ่น ราดด้วยยูซุโคโชะ (Yuzu Kosho) หรือเครื่องเทศที่ทำจากพริก เกลือ และเปลือกส้มยูซุขูดช่วยเพิ่มความหอมในตอนท้าย คำต่อมาคือ Ankimo ตับปลาอังโกะจากฮอกไกโดที่วางอยู่บนเทมปุระชาร์โคล ตัดเลี่ยนด้วยชิซุโอกะวาซาบิ (Shizuoka Wasabi) เสิร์ฟมาอย่างอลังการบนจานสีดำทรงเนินเขาพร้อมรมควันคลุ้ง ให้ความรู้สึกเหมือนเมนูท่ีผุดขึ้นมาจากภูเขาไฟระเบิด

ก่อนเข้าสู่หมวดซูชิโดยเริ่มจาก Shima Aji ปลาชิมะอาจิจากนางาซากิ ออนท็อปด้วยขิงบดและหอมบดที่นำไปปรุงรสกับน้ำมันทรัฟเฟิลและเกลือทรัฟเฟิล ชูรสให้กลมกล่อม, Tachiuo ซูชิปลาดาบเงินจากนางาซากิ ห่อมาในสาหร่ายโนริวาซาบิ ส่วนอีกคำเป็น Kinmedai ปลาคินเมไดหรือปลากะพงแดงตาโตจากชิบะ รสชาติเข้มข้น จับคู่มากับซอสยูซุโคโช (Yuzu Kosho) รสเผ็ด เปรี้ยวนำ ช่วยตัดเลี่ยนได้อร่อยล้ำ นอกจากนี้ยังมีซูชิจากท้องทะเลอีกมากมายให้ลิ้มลอง เรื่อยไปจนถึงเมนูไข่ตุ๋นญี่ปุ่นสูตรพิเศษ ไข่หอยเม่น ซาชิมิเนื้อปลาตามฤดูกาล และ Omi Wagyu A5 Toast เนื้อวากิวรสเลิศที่ติดหนึ่งในสามของญี่ปุ่น รับประทานคู่กับขนมปังกรอบ ออนท็อปอูนิจากฮอกไกโด คาเวียร์ และแผ่นทองคำ

ทางร้านจบมื้อพิเศษนี้ด้วยน้ำแข็งไสหวานเย็นจากส้มยูซุ รับประทานคู่กับบราวน์ชูการ์ครัมเบิล สตรอเบอร์รีและพีชเชื่อม เป็นการส่งท้ายความอร่อยจากอีกฟากของพระจันทร์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ

 

เมนู Ankimo ตับปลาอังโกะจากฮอกไกโดที่เสิร์ฟมาอย่างอลังการบนจานสีดำทรงเนินเขา (Photo by KTC Culinary Collective)

สิทธิพิเศษบัตรเครดิต KTC MASTERCARD ทุกประเภท
รับส่วนลด 10% เฉพาะค่าอาหาร (ไม่รวมภาษีและค่าบริการ) 
 
พร้อมรับคะแนน KTC สุดสูง x10*
สำหรับบัตรเครดิต KTC X WORLD REWARDS MASTERCARD
และ KTC WORLD MASTERCARD ทุกประเภท ตามเงื่อนไขที่กำหนด


1 ส.ค. 65 - 31 ม.ค. 66


HANGETSU OMAKASE
Acmen Ekamai Complex ซอยเอกมัย 13-15 กรุงเทพฯ
เปิดทุกวัน เวลา 12.00-14.00 น. และ 18.00-22.00 น.
โทร. 089 444 4497
www.facebook.com/HangetsuOmakase
www.instagram.com/hangetsu_omakase

5.TENYUU GRAND


Tenyuu Grand ร้านอาหารญี่ปุ่นย่านถนนสาทรที่พร้อมนำเสนอรสชาติอาหารญี่ปุ่นระดับพรีเมียมแท้แต่ดั้งเดิม พร้อมวัตถุดิบคัดสรรสดใหม่ส่งตรงจากญี่ปุ่นและหลักแหล่งที่ดีที่สุดทั่วโลก โดยรสมือเชฟผู้เชี่ยวชาญและมากประสบการณ์

ความได้เปรียบหนึ่งของที่นี่ คือตั้งอยู่ติดถนนสาทร อีกทั้งยังมีลานจอดรถกว้างขวาง พร้อมด้วยสวนร่มรื่นจากต้นไม้ใหญ่ แวดล้อมด้วยบรรยากาศแบบบ้านญี่ปุ่น โดยกลางร้านบริเวณชั้นหนึ่งโดดเด่นด้วยเคาน์เตอร์ซูชิบาร์ขนาดใหญ่ที่กำกับดูแลโดยสองเชฟอารมณ์ดีอย่าง ‘เชฟน้อย-สมพร ชัยบัวแดง’ และ ‘เชฟป็อป-ธิชากร คำแว่น’ ส่วนบนชั้น 2 นั้นมีห้องวีไอพีปูเสื่อทาทามิ รวมถึงห้องขนาดโอ่โถงสำหรับจัดงานเฉลิมฉลองในโอกาสสำคัญ

 

Tenyuu Grand (Photo by KTC Culinary Collective)

ความอร่อยของที่นี่ครบถ้วนในหมวดหมู่อาหารญี่ปุ่น ภายใต้คำจำกัดความว่าเป็นร้านอาหารญี่ปุ่นสำหรับครอบครัว เพราะพร้อมเสิร์ฟทุกรสชาติให้กับสมาชิกทุกคน ทุกวัย ตั้งแต่รุ่นลูกรุ่นหลานไปจนถึงรุ่นปู่ย่าตายาย เปิดตัวเมนูแรกด้วย ‘Tenyuu Caviar' ความพิเศษอยู่ตรงที่คาเวียร์ Royal Oscietra Caviar ซึ่งเป็นแบรนด์สินค้าระดับมาสเตอร์พีซของทางร้าน ด้วยไข่ปลาปลาสเตอร์เจียนแท้ นำเข้าจากรัสเซีย คัดพิเศษเม็ดใหญ่ รสชาติมันกลมกล่อม รับประทานคู่กับเครื่องเคียงที่จัดเสิร์ฟมาเป็นเซ็ตแบบฝรั่งเศส มีทั้งแครกเกอร์ ชีสเปรี้ยว หอมแดง วาซาบิ และพาร์สลีย์ซอยละเอียด ให้ได้ลิ้มลองกันแบบครบเครื่อง เมนูถัดมาหน้าตาอลังการไม่แพ้กันอย่าง ‘Seafood Shabu’ วัตถุดิบนําาเข้าจากท้องทะเลญี่ปุ่นทั้งสิ้น อาทิ ขาปูทาราบะ โฮตาเตะหรือหอยเชลล์ญี่ปุ่นจากเมืองฮอกไกโด ปลาแซลมอนสด ล็อบสเตอร์ตัวโต รวมถึงปลาฮามาจิหรือปลาและรวมมิตรผักออร์แกนิกสดใหม่ ให้ได้หนีบวัตถุดิบลงไปจุ่มในน้ำซุปร้อน ๆ ที่เคี่ยวจากซุปกระดูกปลา การันตีถึงความ หอมหวานกลมกล่อมจากวัตถุดิบธรรมชาติชั้นดี

ส่วนอีกหนึ่งจานไฮไลต์ที่ห้ามพลาดคือ ‘Grass Fed Steak’ เนื้อวากิวลูกวัวจากออสเตรเลีย ที่เลี้ยงโดยการปล่อยให้กินหญ้าตามธรรมชาติ เนื้อจึงมีความมันน้อยกว่า Grain Fed และมีสีแดงจัดให้รสชาติเข้มข้น นําไปย่างก่อนหั่นชิ้นหนาพอดีคำ แล้วยกเสิร์ฟมาบนกระทะร้อน หอมกลิ่นพริกไทย เนื้อในฉ่ำนุ่มมีมันแทรกนิด ๆ ไม่ว่าจะเลือกจิ้มกับเกลือหิลามายันหรือจิ้มแจ่วสูตรเฉพาะของทางร้านก็ได้รสอร่อยล้ำทั้งสิ้น

 

Tenyuu Caviar เมนูเรียกน้ำย่อย เสิร์ฟความอร่อยสุดพรีเมียมด้วยไข่ปลาคาเวียร์แบรนด์คุณภาพนำเข้า พร้อมด้วยหลากหลายท็อปปิ้งให้เลือกเติมความอร่อยตามชอบ (Photo by KTC Culinary Collective)

สิทธิพิเศษบัตรเครดิต KTC MASTERCARD ทุกประเภท
รับฟรี เมนู Teuchi Udon 1 ที่ มูลค่า 350 บาท++ เมื่อรับประทานครบ 2,000 บาทขึ้นไป / เซลส์สลิป 

พร้อมรับคะแนน KTC สุดสูง x10*
สำหรับบัตรเครดิต KTC X WORLD REWARDS MASTERCARD
และ KTC WORLD MASTERCARD ทุกประเภท ตามเงื่อนไขที่กำหนด


1 ส.ค. 65 - 31 ม.ค. 66


TENYUU GRAND
ซอยพิพัฒน์ ถนนสาทรเหนือ กรุงเทพฯ
เปิดทุกวัน เวลา 11.00-23.30 น.
โทร. 02 632 1777, 095 247 2988
www.facebook.com/tenyuugrand
www.instagram.com/tenyuugrand

6.CHAI JIA CHAI


Chai Jia Chai ร้านอาหารแห่งแรกในประเทศไทยท่ีจัดเสิร์ฟโอมากาเสะสไตล์จีนกวางตุ้ง โดยฝีมือของ ‘เชฟไช่’ ผู้คร่ำหวอดในวงการอาหารมานานถึง 23 ปี อีกทั้งยังเคยเดินทางไปสั่งสมประสบการณ์ในหลายเมืองท่ัวโลก ไม่ว่าจะเป็นออสเตรเลีย โปแลนด์ เซี่ยงไฮ้ หนานจิง และเคยผ่านประสบการณ์การทำงานในห้องอาหารจีนระดับมิชลินสตาร์มาแล้วอีกด้วย

บรรยากาศภายในร้าน Chai Jia Chai ตกแต่งเรียบง่าย ให้ความรู้สึกสงบผ่อนคลายและมีความเป็นส่วนตัวมาก เพราะแต่ละรอบจะเปิดรับลูกค้าท่ีจองเข้ามาก่อนล่วงหน้า เพียง 3 โต๊ะเท่านั้น เพื่อการดูแลอย่างทั่วถึง และส่งมอบความประทับใจแก่ผู้มาเยือน

 

Chai Jia Chai (Photo by KTC Culinary Collective)

จุดเด่นของอาหารจีนกวางตุ้ง คือการคัดสรรวัตถุดิบชั้นเลิศมาปรุงอย่างพิถีพิถัน โดยเน้นความสดใหม่และรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ของวัตถุดิบแต่ละชนิด นอกจากนี้ยังมีการนำเทคนิคแบบตะวันตกมาผสมผสาน เพื่อรังสรรค์รสชาติเฉพาะตัวให้พิเศษมากขึ้นไปอีกหน่ึงระดับ เริ่มต้นด้วยเมนูต้อนรับที่ทำจากมะละกอสไลซ์บางแช่น้ำเสาวรสและท็อปด้วยกระเจี๊ยบ รสชาติเปรี้ยวสดชื่น ช่วยกระตุ้นความอยากอาหารได้เป็นอย่างดี ตามด้วยออร์เดิร์ฟขนาดพอดีคำ เสิร์ฟพร้อมเครื่องดื่มสูตรพิเศษ

จานถัดมาคือ ‘ปูไข่แช่เหล้าฮัวเตียว’ ซึ่งเป็นเหล้าจีนยอดนิยมสำหรับหมักหรือปรุงรสให้อาหารจีนมีความอร่อยล้ำยิ่งขึ้น ด้านบนตกแต่งและเพิ่มรสชาติด้วยอูนิกับคาเวียร์จากเมืองอี๋หลาน ประเทศไต้หวัน เมืองชายฝั่งที่มีชื่อเสียงด้านวัตถุดิบอาหารทะเลมากเป็นพิเศษ นอกจากนี้ยังมีเมนูอาหารทะเลที่ประกอบไปด้วยปลาค็อด แอนตาร์กติกกับซอสลูกพลัมไต้หวัน ซึ่งมีกลิ่นหอมของเปลือกส้มกวางตุ้งที่ตากแดดเก็บไว้ 12 ปี เมนูนี้จึงมีความเป็นอาหารฮ่องกงและอาหารไต้หวันผสมผสาน กันอย่างกลมกลืน

ส่วนเมนูซิกเนเจอร์ที่ห้ามพลาดคือ ‘ข้าวต้มกุ้งมังกร’ เมนูที่เชฟได้แรงบันดาลใจมาจากซุปปลาฝรั่งเศส แต่ดัดแปลงโดยใช้วัตถุดิบอาหารทะเลไทย เสริมแต่งกลิ่นด้วยเปลือกส้มกวางตุ้งแห้งกับพริกไทย นำมาเคี่ยวกับขึ้นฉ่าย มะเขือเทศ หอมใหญ่ และแครอทเป็นเวลา 8 ชั่วโมง เพื่อดึงความหอมหวานตามธรรมชาติของวัตถุดิบแต่ละชนิด และใส่ข้าวทอดสูตรพิเศษลงไปให้มีความหอมกรุ่น แต่ละจานล้วนเป็นอาหารจีนร่วมสมัยที่รังสรรค์รสชาติได้ยากจะลืมเลือน ควรค่าแก่การมาลิ้มลอง

 

ข้าวต้มกุ้งมังกร เมนูซิกเนเจอร์ของทางร้านที่ต้องห้ามพลาด (Photo by KTC Culinary Collective)

สิทธิพิเศษบัตรเครดิต KTC MASTERCARD ทุกประเภท
รับฟรี XO Sauce 1 ขวด มูลค่า 500 บาท / ท่าน / คอร์ส / เซลส์สลิป
 
พร้อมรับคะแนน KTC สุดสูง x10*
สำหรับบัตรเครดิต KTC X WORLD REWARDS MASTERCARD
และ KTC WORLD MASTERCARD ทุกประเภท ตามเงื่อนไขที่กำหนด


1 ส.ค. 65 - 31 ม.ค. 66


CHAI JIA CHAI

ซอยสุขุมวิท 31 กรุงเทพฯ
เปิดทุกวัน เวลา 12.00-14.00 น. และ 17.00-22.00 น. (จองล่วงหน้าเท่านั้น)
โทร. 093 117 1909
www.facebook.com/people/Chai-Jia-Chai-蔡家菜-ไชย-เจีย-ชัย/100076154984228
www.instagram.com/chaijiachai.bkk

7.MAD BEEF


ปิดท้ายกันที่ ‘ร้านลับของคนคลั่งเนื้อ’ ที่ Mad Beef ซึ่งซ่อนตัวอยู่ด้านในสุดของ ATT19 อาคารท่ีเปลี่ยนจากโรงเรียนสอนภาษาจีนอายุกว่า 120 ปี มาเป็นพื้นท่ีจัดแสดงงานศิลปะและของเก่า แม้จะต้ังอยู่มุมในสุด หากแต่ดูโดดเด่นด้วยเคาน์เตอร์บาร์ไม้กว้างขวาง หลังคาไม้เก่าสูงโปร่งตกแต่งโคมไฟทองเหลือง และหุ่นชุดเกราะซามูไรญี่ปุ่นที่ถูกแขวนดึงดูดสายตาอยู่บนขื่อเพดาน

ผู้รังสรรค์ความอร่อยสารพัดเมนูเนื้อสุดพิเศษนี้คือ ‘เชฟเชอ-พันธ์ทิพย์ อรรถการวงศ์’ หัวหน้าเชฟและเจ้าของร้านผู้มีความหลงใหลในเนื้อวัวอย่างมาก โดยเชฟจะเลือกใช้เนื้อเฉพาะส่วนอย่าง Secondary Cut หรือเนื้อส่วนรองที่มักถูกมองข้าม มาสร้างสรรค์เป็นหลากหลายเมนูน่าลองของร้าน เพราะเนื้อเหล่านี้หากผ่านการคัตติ้งและปรุงอย่างถูกวิธีแล้ว ก็อร่อยเลิศรสเช่นกัน เรียกว่าเป็นความต้ังใจที่ต้องการจะคืนคุณค่าให้กับชิ้นเน้ือทุกส่วน สอดคล้องถึงแนวคิดเรื่องการใช้วัตถุดิบตามแนวคิดแบบ Zero Wasted อีกด้วย

 

Mad Beef (Photo by KTC Culinary Collective)

ส่วนเนื้อที่ทางร้านเลือกใช้เจาะจงว่าต้องมาจากวัวพันธุ์แท้ (Full Blood) เท่านั้น คุณภาพของเนื้อที่ได้จึงเข้มข้น ไขมันที่แทรกอยู่ในเนื้อค่อนข้างย่อยง่าย ไม่เลี่ยน โดยใช้เพียงสายพันธุ์แองกัสและวากิวจากออสเตรเลีย และใช้เฉพาะเนื้อ Grain Fed ซึ่งเป็นวัวที่ถูกเลี้ยงด้วยธัญพืช มีรสสัมผัสและกลิ่นที่รับประทานง่าย ภายใต้การเสิร์ฟสไตล์คาเซกิสุดหรู รวมทั้งหมด 11 คอร์ส

เชฟเริ่มต้นเสิร์ฟความเข้มข้นด้วย ‘Tartare Two Ways’ ทาร์ทาร์เนื้อชิ้นแรกห่อมาในแครกเกอร์แป้งข้าวเกรียบทอด รสชาติแบบข้าวยำเกาหลี อีกชิ้นเสิร์ฟในสไตล์อิตาเลียน เป็นแป้งมันฝรั่งโรลทอดกรอบสอดไส้เนื้อดิบ หอมกลิ่นแองโชวีและทรัฟเฟิล จัดวางมาบนขอนไม้เหมือนงานประติมากรรม คอร์สที่สองมาในรูปแบบแซนด์วิชญี่ปุ่นที่ชื่อว่า ‘Mad Sando’ เนื้อหลายส่วนจากหลากเมนูนำมาสับพอหยาบ คลุกเกล็ดขนมปังก่อนนำไปทอด ประกบด้วยขนมปังย่างกลิ่นหอมฉุย ให้รสสัมผัสของซอสที่นุ่มเบาเหมือนโฟม แต่มีรสชาติเข้มข้นของสุกี้ยากี้ญี่ปุ่นครบรส เบิร์นไฟบนตัวซอส ให้ได้กลิ่นสโมคนิด ๆ ก่อนปาดจิ้มชิมพร้อมเน้ือ

ส่วนเมนคอร์สของที่นี่จานแรกคือ 'Smoked Picanha’ เนื้อวากิวนุ่มเด้งหมักเครื่องเทศก่อนแล้วรมควันอีกที จากนั้นนำไปย่างต่อ จัดจานมากับเครื่องเคียงที่ใช้วัตถุดิบข้าวโพดเป็นหลัก อีกเมนูเป็น ‘Mad Don’ ข้าวหน้าเนื้อช่วงหัวไหล่ (Denver) นำไปเซียร์ แล้วตามด้วยการแช่ออนเซ็นเพื่อให้เนื้อผ่อนคลาย ได้สัมผัสนุ่มกำลังดี สไลซ์บาง ๆ แล้วทาซอสโชยุ จากนั้นสะดุ้งไฟเบา ๆ พร้อมเสิร์ฟมาบนข้าวญี่ปุ่นผัดกระเทียม ออนท็อปด้วยไข่ดองโชยุ และต้นกระเทียมทอด อร่อยเต็มเนื้อเต็มคําเต็มรสชาติ

 

เมนู Mad Sando ที่เสิร์ฟความอร่อยของเนื้อในรูปแบบแซนด์วิช (Photo by KTC Culinary Collective)

สิทธิพิเศษบัตรเครดิต KTC MASTERCARD ทุกประเภท
รับฟรี เครื่องดื่ม Welcome Drink 1 ที่ มูลค่า 300 บาท++ / เมื่อสําารองที่นั่ง 4 ท่านขึ้นไป / เซลส์สลิป 
 
พร้อมรับคะแนน KTC สุดสูง x10*
สำหรับบัตรเครดิต KTC X WORLD REWARDS MASTERCARD
และ KTC WORLD MASTERCARD ทุกประเภท ตามเงื่อนไขที่กำหนด

1 ส.ค. 65 - 31 ม.ค. 66


MAD BEEF
ATT19 ซอยเจริญกรงุ 30 กรุงเทพฯ
เปิด วันอังคาร-อาทิตย์ (ปิดวันจันทร์) เวลา 18.30-22.30 น.
โทร. 083 555 5739
www.facebook.com/madbeef.kaiseki
www.instagram.com/madbeef.bkk

สำหรับใครที่อยากลองเปิดประสบการณ์ทานอาหารมื้อพิเศษในสไตล์โอมากาเสะที่ 7 ร้านอาหารชั้นนำในกรุงเทพฯ กันดูสักครั้ง สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติม สำหรับร้านอาหารหรูในกรุงเทพ เชียงใหม่ และภูเก็ตได้ที่ https://ktc.promo/culinary-collective-v2-bkk-menu หากยังไม่มีบัตรเครดิต KTC MASTERCARD คลิกสมัครเลย https://ktc.promo/apply-mastercard