เบลนด์ชามิติใหม่ให้สนุกและผ่อนคลายในแบบของ ‘ปลา-นันธิดา’ ด้วยดีไซน์กลิ่นหอม พร้อมรสชาที่แตกต่างอย่างมีเอกลักษณ์
ชวนสัมผัสโลกของนักชงชา ทำความรู้จักกับชาเบลนด์มิติใหม่ที่ทั้งสนุกและผ่อนคลายในแบบเวอร์ชันของ ‘SalaCha TE’ แบรนด์ชาสัญชาติไทย ที่ดีไซน์กลิ่นหอม พร้อมรสชาที่แตกต่างอย่างมีเอกลักษณ์
หากใครเป็นนักดื่มชาตัวยงและหลงใหลในบรรยากาศของการจิบชาหน้าบาร์แสนฮีลใจ เชื่อว่าคงจะรู้จักกับ TE Time and Space ร้านชา Hidden Gem แห่งย่านทองหล่อเป็นอย่างดี เพราะที่นั่นคุณจะได้พบกับ ‘คุณปลา-นันธิดา รัตนกุล’ เจ้าของร้านและ Tea Designer ระดับตัวแม่ของวงการชาที่สร้างสรรค์คาแร็กเตอร์ชาเบลนด์แต่ละแบบออกมาได้แตกต่าง มีกลิ่นหอม มีรสชาติพิเศษ ที่ทำให้ Vibe ของบาร์ชานั้นรื่นรมย์ ผ่อนคลาย และได้อรรถรสในการดื่มชามากยิ่งขึ้น รวมถึงสร้างแบรนด์ TE ให้เป็นที่รู้จักในฐานะชาเบลนด์คุณภาพฝีมือคนไทยที่ดีไซน์กลิ่นหอมและรสชาได้แตกต่างอย่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
#BEHINDTHETASTE ในครั้งนี้ จึงขอพาทุกคนไปทำความรู้จักกับชาเบลนด์แบรนด์ TE สัมผัสเรื่องราวเบื้องหลังของการครีเอตเมนูชาในแบบของคุณปลา พร้อมอัพเดตบาร์ชาใหม่ ‘SalaCha TE - ศาลาชา’ ในเครือของแบรนด์ที่มาพร้อมกับบรรยากาศแบบไทย ๆ เต็มไปด้วยกลิ่นอายของความสนุกสนาน และการต่อยอดผลิตภัณฑ์จากชาเบลนด์ในรูปแบบต่าง ๆ ได้อย่างน่าสนใจ จากจุดเริ่มต้นของความชอบดื่มชาสู่เส้นทางของนักออกแบบชาเบลนด์มืออาชีพจะเป็นอย่างไรบ้างนั้น เราไปติดตามจากบทสัมภาษณ์กันเลย !
จากคนรักชา สู่นักเบลนด์ชามืออาชีพ
ใครเลยจะคิดว่า ชีวิตการทำงานของสาว Marketing คนหนึ่ง จะมาถึงจุดเปลี่ยนที่ต้องรับบทเป็นนักชงชาจำเป็น จากการชักชวนของคนรู้จัก เพื่อนำไปจำหน่ายในงาน Farmers Market แต่สำหรับ ‘คุณปลา-นันธิดา รัตนกุล’ แล้ว เธอกลับมองว่าเป็นโอกาสดีที่จะได้เริ่มต้นทำสิ่งใหม่ในแบบที่ตัวเองชอบและได้ค้นพบความครีเอทีฟที่ซ่อนอยู่ในตัว
“11 ปี แล้วนะ ที่เราเข้ามาอยู่ในวงการชา ซึ่งมันก็เริ่มต้นมาจากการที่เราเป็นคนออฟฟิศทั่วไปนั่นแหละ แต่พยายามมองหาอะไรสักอย่างที่มันสามารถเป็น Second Job ให้เราได้ และเป็นสิ่งที่เราชอบ จุดเริ่มต้นของการเลือกขายชา มันมาจาก Business Opportunity ที่เราเคยมีโอกาสดูแลด้าน Marketing ให้กับลูกค้าต่างชาติ ซึ่งเขาก็ถามเราว่าเรารู้จักร้านชามั้ย เพราะอยากหา Supplier ร้านชาไปขายที่นิวยอร์ก ด้วยความที่ตอนนั้นเราไม่รู้จักใครเลยจริง ๆ แต่เราเป็นคนดื่มชา เลยกลับมาปรึกษาแฟนที่บ้าน ปรากฏว่าบ้านของแฟนเราทำร้านชาอยู่แล้วด้วย ก็ตัดสินใจทำร้านชากัน เริ่มจากทำใส่กระปุกแก้วไปขาย เป็นออริจินัลแพ็กเกจจิ้งที่ลองทำครั้งแรก แล้ววางขายกันที่ Farmers Market ค่ะ”
"ตอนแรกคิดว่าจะไม่ทำแบรนด์ชาด้วยซ้ำ อยากทำขายแค่สนุก ๆ แต่ก็จับพลัดจับผลูมาทำจริงจังหลังจากมีเพื่อนที่ทำงานโรงแรมเขาตามหาชาที่ไม่ใช่ชาในท้องตลาดทั่วไป ซึ่งเขามาลองชิมชาเบลนด์ของเราแล้วชอบ ให้เราทำชาให้หน่อย เพื่อนคนนี้ก็ใจดีกับเรามาก รับชาของเราไปขายในโรงแรมเครือของเซ็นทรัลฯ จากนั้นมาเลยกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการทำชาเบลนด์แบบจริงจัง ด้วยความรู้สึกที่ว่า เรายังมีหนทางที่จะไปในเวย์นี้ได้นะ เลยเริ่มเบลนด์ชาให้มีสูตรที่หลากหลายมากขึ้น”
ความวาไรตี้ของชาเบลนด์แบรนด์ TE
ที่มีให้เลือกชิมหลากหลายสูตร
“ชื่อแบรนด์ TE มาจากคำว่า Tea ที่แปลว่าชา เริ่มแรกชาเบลนด์ของแบรนด์ TE มีแค่ 6 สูตร ทำไปทำมาตอนนี้มีถึง 24 สูตร ที่อยู่ในลิสต์ นอกจากนี้ยังมีชาเบลนด์พิเศษอื่น ๆ อีก ซึ่งทุกเดือนเราก็จะคิดสูตรชาเบลนด์ใหม่ แล้วก็ทำในสิ่งที่เรียกว่า ‘Mystery Box’ หรือกล่องสุ่ม ที่ต่างประเทศเขาจะเรียกกันว่า Subscription Box เหมือนเป็นกล่องของขวัญพิเศษที่เราส่งให้ลูกค้า สร้างความเซอร์ไพรส์ให้เรื่อย ๆ ด้วยธีมต่าง ๆ ด้านในเป็นชาเบลนด์ที่มีวัตถุดิบสำเร็จรูปให้ลูกค้าไปเบลนด์ต่อเองได้ภายใต้คอนเซ็ปต์ Brand New Day”
“ทุก ๆ เดือน เราต้องคิดชาเบลนด์ใหม่ไปเรื่อย ๆ เพราะฉะนั้นสูตรชาเบลนด์ของเราจะมีเยอะมาก มีการครีเอตชาเบลนด์ใหม่ ๆ ให้กับลูกค้าแต่ละเจ้าควบคู่ไปด้วย หรือเป็น Exclusive Blend ให้กับโครงการอสังหาฯ ซึ่งก็มีติดต่อเข้ามาให้เราเป็นที่ปรึกษา ทำคาเฟ่ชาใน Sales Gallery ให้เขาด้วย มันก็เลยจะมีอะไรยิบย่อย หลากหลายโปรเจ็กต์ให้เราได้ต่อยอดเรื่องการเบลนด์ชามากขึ้นเรื่อย ๆ”
ศาสตร์ของชา ล้วนอาศัยการเรียนรู้ ทดลอง และฝึกฝน
“เราเรียนรู้เรื่องชาด้วยตัวเองเป็นหลัก Self-course ล้วน ๆ ถ้าเล่าถึงแบ็กกราวน์ คือเราเรียนด้านการตลาด พาณิชยศาสตร์และการบัญชีเลยนะ แต่การดื่มชาคือความชอบ ชาเป็นเครื่องดื่มที่หอมดีนะ เราชอบดมกลิ่นของชา ซึ่งพอมาเริ่มศึกษาจริง ๆ จากการที่ต้องทำแบรนด์ชาของตัวเอง ก็รู้สึกว่า เฮ้ย จริง ๆ แล้ว เรื่องของชามันกว้างกว่าที่เราเคยรู้จักมา ต้องผ่านการสั่งสมประสบการณ์ด้วยการชิมแหลก ไม่ว่าจะเดินทางไปไหน เวลาเราไปเที่ยว มันไม่ใช่เพียงแค่ตามหาสถานที่ที่เราอยากไปเท่านั้น แต่ว่าเป็นการออกไปตามหา ทำความรู้จักกับชาใหม่ ๆ ด้วย เช่น ชาของประเทศนั้น เมืองนั้น มีชาอะไรที่เป็นเอกลักษณ์ของเขาบ้าง หรือถ้าที่ไหนไม่มีชา เราก็จะถามเขาว่าที่นี่มีสมุนไพรอะไร ซึ่งที่อื่นไม่มีบ้าง ก็เลือกเอามาเบลนด์เป็นชาได้เหมือนกัน”
“เราเป็นคนชอบทดลอง ความสุขของเราคือการได้ดมกลิ่น ได้กินสิ่งที่ต่างจากที่คนอื่นเขากิน เราชอบกลิ่นที่เป็นธรรมชาติ เลยอยากทำชาให้อร่อยเท่ากับชาที่เขาสเปรย์กลิ่น ก็เลยเกิดการทดลอง และที่ผ่านมาคือเป็นการทดลองด้วยตัวเองล้วน ๆ ซึ่งเราไม่จำเป็นต้องเป็นคนเก่งที่สุด แต่เราต้องพยายามไปเรื่อย ๆ ไม่หยุด แล้วก็ต้องไม่ปิดกั้นตัวเอง บางอย่างที่คนไม่คิดว่าจะเอามาทำเป็นชาได้ เราก็คิดว่าทำไมมันจะไม่ได้วะ ก็มันกินได้ ก็ต้องลองดิ เพราะฉะนั้นชาเลนจ์เราคือ ทำให้สิ่งที่คนไม่คิดว่าเป็นชาได้มาเป็นชาให้ได้ !”
ขยับขยายสาขาจาก TE Time and Space มาสู่ SalaCha TE
“ที่ร้าน TE Time and Space เราตั้งใจให้เป็นที่ที่คนได้ดื่มชา ได้ใช้เวลาอยู่กับตัวเอง สังเกตว่าคอนเซ็ปต์ที่นั่น แต่งร้านออกมาแล้วจะให้ฟีลเหมือนมาบ้านเพื่อน เป็น Hidden Gem มาก ๆ บรรยากาศสบาย ๆ ได้ใกล้ชิดธรรมชาติ มีต้นไม้ห้อย ๆ แต่งร้านแบบโทนสีไม้ ๆ ไฟ Dim หน่อย เพื่อให้คนที่มาแล้วรู้สึกว่าฮีลใจ เป็นเหมือนพื้นที่ลับให้คนมานั่งแล้วรู้สึกปลอดภัย หลาย ๆ คนบอกว่า TE Time and Space เหมือนเป็นที่ที่ได้มานั่งคุยหน้าบาร์ หลากหลายอารมณ์มาก บางทีเดี๋ยวร้องไห้ เดี๋ยวหัวเราะ หลายคนพูดตรงกันว่าที่นี่เหมือนเป็นที่ที่ Therapy ตัวเองได้ ซึ่งเราฟังฟีดแบ็กแล้วก็มีความสุขมากนะ ไม่ได้ตั้งใจให้เป็นอย่างนั้น แต่พอทำไปแล้วก็ค้นพบว่ามันได้ความสุขทั้งคนที่มาดื่มชาและคนที่ทำชาด้วย”
“พอเราต้องเข้ามาอยู่ในเมือง บรรยากาศรอบข้าง โทนสีของร้านก็จะเปลี่ยนไป ไม่ใช่มู้ดแอนด์โทนแบบฮีลใจละ ไม่ใช่ศาลาพักใจเหมือนกับที่สาขาทองหล่อ กลายเป็นร้านชาในบริบทของสารพัดไทยที่ต้องมีความเป็นไทยหน่อย เลยกลายมาเป็น ‘ศาลาชา’ แต่ว่าคอนเซ็ปต์ของที่นี่จะมีความเป็นไทยสไตล์ โชคดีที่ชาเราที่ถึงแม้จะเป็นชาจีน แต่เราก็เอาสมุนไพรไทยมาใส่ไว้ด้วย เป็นชาแบบผสมผสานให้มู้ดแอนด์ฟีลมันสนุกมากขึ้น”
“ที่นี่มีชาเบลนด์เฉพาะที่ชื่อว่า ‘ไอ้ขวัญ’ กับ ‘ทองกวาว’ หนุ่มลูกทุ่งกับสาวลูกทุ่งมาก เพราะเราต้องไทยให้สุด อยากให้อ่านชื่อแล้วยิ้ม แล้วหัวเราะเลย ต่างจากชื่อเครื่องดื่มที่สาขาทองหล่อที่ใช้เป็นชื่อฝรั่งทั้งหมด ส่วนที่ศาลาชาก็จะเน้นชื่อเบลนด์แบบไทย ๆ อย่าง หนูดาว, สีดา, ไฉไล ซึ่งเด็ก ๆ ที่ร้านก็จะมีความสุขกับโปรเจ็กต์นี้มาก เพราะเป็นโปรเจ็กต์ที่เราเตรียมตัวกันมาเป็นปี มันไม่ใช่งานคนเดียว มันเป็นงานกลุ่ม ทุกคนก็แบบว่าใส่เอเนอร์จี้ สีสัน มันส์ สนุก แล้วก็เป็นเมนูที่พอเข้ามาอยู่ในเมืองแล้วก็ต้องเข้าใจง่าย เป็นสถานที่ที่ใครก็ได้เดินผ่านมาแล้วรู้สึกได้ว่าเราเวลคัมเขา ที่สำคัญคือยังคงความอร่อย และได้มาตรฐานชาเบลนด์ของแบรนด์ TE ที่มีความเป็นธรรมชาติอยู่เหมือนเดิม”
“ถ้าเดินดูรอบ ๆ ร้าน SalaCha TE ชาที่มาขายก็คือชาของแบรนด์ TE นั่นแหละ เพราะคือชาเบลนด์เดียวกันทั้ง 24 เบลนด์ แต่ถูกนำเสนอด้วยหน้าตาและเมนูที่เข้าใจง่ายขึ้น ลูกค้าประจำของ TE Time and Space ที่ทองหล่อ ก็ยังสามารถมาที่นี่และเอ็นจอยกับเมนูชาร้อน ชาเย็น ได้เหมือนเดิม ตามด้วยเมนูขนมที่มีคล้าย ๆ เดิม แต่มีการทวิสต์ให้เป็นขนมไทยมากขึ้น เน้นฟีลแบบไทย ๆ แล้วก็เพิ่มเมนูใหม่เข้ามาให้เหมือนเป็น Exclusive Item ที่หาทาน หาดื่มที่สาขาทองหล่อไม่ได้ สำหรับใครที่ต้องการฟีลเถิดเทิง สนุกหน่อย ครึกครื้นหน่อย ต้องมาที่ SalaCha TE เท่านั้น”
เอกลักษณ์เฉพาะของชาเบลนด์แบรนด์ TE
“ลายเซ็นของชาเบลนด์แบรนด์ TE เราเลือกใช้ชาที่มีคุณภาพดี เต็มใบ สมุนไพรต้องเป็นของสดใหม่ ถ้าชิมแล้วเซอร์ไพรส์ รู้สึกว่าไม่เคยดื่มอะไรแบบนี้มาก่อน จะต้องเป็นของแบรนด์ TE แน่นอน”
“ความเซอร์ไพรส์ที่ว่าคือ ไม่น่าจะมีใครเคยชิมชาที่เป็นสมูทตี้ ชาที่ให้รสชาติบานอฟฟี่ ชาที่ให้รสชาติเป็นโคล่า อะไรอย่างนี้ เราพยายามเอาสิ่งที่คนคุ้นเคย มีประสบการณ์กินสิ่งต่าง ๆ ในชีวิตมาก่อน ใส่ไว้ในชา แล้วแปลความหมายออกมาเป็นชาเบลนด์ของเรา สมมติถ้าพูดถึงบานอฟฟี่ บานอฟฟี่มันคือกล้วยและช็อกโกแลตใช่มั้ยคะ แต่มันจะง่ายกว่านั้นถ้ามันเป็นแค่การสเปรย์กลิ่นลงไป แต่พอมันเป็นของจริง อย่างกล้วยก็ต้องเป็นชิ้น กาแฟต้องมีความคาราเมล อันนี้ยากมากนะ กว่าจะไปหามาได้ ซึ่งเราเลือกใช้เป็นหญ้าเฉพาะที่มีกลิ่นแบบคาราเมล ใส่ลงไปในชาเบลนด์โดยที่ไม่ต้องสเปรย์กลิ่นลงไป ดื่มแล้วต้องเซอร์ไพรส์”
“อย่างอันที่ทำแล้วรู้สึกว่าชอบมาก ๆ คือ Gin Kiss เราลองทำชาสำหรับคนที่ดื่ม Gin ไม่เป็น กินเหล้าไม่ได้ แต่ยังรู้สึกว่าอยากรู้ว่า Gin มันเป็นยังไง ก็คือพอดื่มเข้าไป มีกลิ่น มีรสชาติที่หอมเหมือน Gin เลย เพราะเราตำ Juniper Berry ใส่ลงไป พยายามใช้กลิ่น Botanical กุหลาบ ส้ม เข้าไปเป็นส่วนผสม ถ้าคนไหนที่อยากมีประสบการณ์ในการดื่ม Gin เราก็จะแนะนำ Gin Kiss ดื่มแล้วจะเข้าใจว่าเป็นยังไงเลย”
การครีเอตชาเบลนด์เป็นงานศิลปะรูปแบบหนึ่ง
“เรามาค้นพบว่าการทำชาเป็นงานศิลปะ เร่งเร้ามากไม่ได้ มันจะมีบางวันที่ทำยังไงก็ไม่อร่อย ฟีลมันไม่ได้ หรือว่าวันไหนที่มันได้มาก ๆ คือคิดออก แล้วสามารถทำออกมาได้อย่างที่คิด วันนั้นคือบิงโก ชนะเลิศ ซึ่งเราเป็นคนหนึ่งที่ชอบงานศิลปะ พยายามทำงานศิลปะมาตั้งแต่เด็ก แต่ทำอะไรไม่ได้เลย วาดรูปไม่ได้ แต่งเพลงไม่ได้ ก่อนจะค้นพบตอนนี้ว่าเราสามารถเบลนด์ชาได้ และต้องอาศัยอารมณ์ความรู้สึกในการชงชามาก ๆ”
“และถ้าพูดถึงแรงบันดาลใจในการเบลนด์ชาแต่ละครั้ง บางทีก็ไม่ได้มาจากเราเพียงคนเดียว มันมาจากประสบการณ์ที่ลูกค้าเล่าให้เราฟังก็มี ถ้าเป็นวิวัฒนาการของการคิดเบลนด์ ปีแรก ๆ มันจะเป็นในเรื่องของ Benefit เราขายชาเพราะดื่มแล้วสุขภาพดี ดื่มแล้วมี Anti-oxidant ช่วยลดน้ำหนัก ลดน้ำตาลในเลือด ทำให้หลับสบาย มันเป็นอย่างนั้นมาตลอด แต่พอมาตอนหลัง ๆ ทุกคนเริ่มรู้แล้วว่าชามีประโยชน์ เริ่มเข้าไปอยู่ในสิ่งที่เรียกว่าเป็น Wellness Visual ของคนทั่วไป เพราะฉะนั้นการพูดถึงประโยชน์อาจไม่ต้องพูดเยอะแล้ว แต่เรามาพูดในพาร์ทที่ว่ามันฮีลใจเราได้ยังไง ซึ่งก็พบว่าตั้งแต่หลังโควิดมา หลาย ๆ คนโหยหา คิดถึงการเดินทาง เพราะฉะนั้นการที่เราทำชา มันพาเราไปถึงสถานที่ที่เคยไป หรือเป็นสถานที่ที่เราไม่เคยไปแต่เราอยากไป คนที่เราคิดถึงแต่เราไม่ได้เจอเลย อะไรอย่างนี้ พอทำชาออกมา แล้วมันได้ความรู้สึกแบบนั้นจริง ๆ”
ความสุขของนักเบลนด์ชา
“เพราะศาสตร์ของชาเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับความรู้สึก รสชาติ และกลิ่น เราพูดมาตลอดว่าชาให้อารมณ์ Therapy ดมแล้วผ่อนคลาย แต่แท้ที่จริงมันลึกกว่านั้น บางคนดมแล้วก็ทำให้คิดถึงคุณย่า คุณยาย เหมือนประมาณว่ากลิ่นนี้เราเคยได้กลิ่นที่คุ้นเคย เรารู้สึกว่ามันน่ารักนะ
กิจกรรมอย่างหนึ่งที่คนมาที่ร้านแล้วชอบ นอกจากดื่มชาที่เราเบลนด์แล้ว ที่สาขาทองหล่อเราจะเรียกว่า Tea Therapy สมมติใครก็ได้มาเล่าเรื่องสักเรื่องให้เราฟัง ซึ่งคนที่เล่ามีประสบการณ์ที่เขาอยากจะแชร์ อยากจะเก็บความรู้สึกบางอย่างไว้ในกระปุกชานั้น ๆ เราก็จะเลือกวัตถุดิบมาให้ แต่ว่าคนที่เล่าเป็นคนเบลนด์เองนะ เพราะฉะนั้นมันเป็นความรู้สึกที่ลึกที่สุดแล้ว ซึ่งลูกค้าของเราจะเป็นคนรู้เองว่ามันควรมากน้อยแค่ไหน จนกระทั่งออกมาเป็นชาเบลนด์ในแบบของเขาเอง
คนกรุงเทพฯ ต้องการกิจกรรมแบบนี้มาก มันเหมือนแบบเป็นที่ที่เขาได้มาแล้วได้ Express ตัวเอง เบลนด์ชาเองเงียบ ๆ บางทีนั่ง ๆ อยู่แล้วร้องไห้ ดีขึ้นหน่อยก็ค่อย ๆ หัวเราะ สบายใจแล้วก็ออกจากร้านไป มันแบบเป็นอะไรที่ฮีลลิ่งมาก หลัง ๆ คนต้องการสิ่งที่ฮีลใจ เป็นที่พักใจ นี่แหละ ๆ สิ่งเหล่านี้คือความสุขของเรา”
เรียกว่าการเบลนด์ชาเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่พิสูจน์ได้ว่าสามารถฮีลใจคนได้จริง ๆ ด้วยเรื่องของกลิ่นที่มาเสริมด้านประสาทสัมผัส ซึ่งเมื่อไหร่ที่เราต้องการความรู้สึกที่พิเศษมากขึ้น การเบลนด์ชาก็เหมือนพาเราไปสู่โลกของจินตนาการที่เป็นความสบายใจแบบไม่รู้จบ
ชาเบลนด์และเครื่องดื่มแนะนำประจำร้าน SalaCha TE
“เมนูไฮไลต์ของศาลาชาที่ภูมิใจนำเสนอมากคือ ‘หนูดาว’ คอนเซ็ปต์คืออยากได้ชาผลไม้ที่ผสมกับความเป็นสมุนไพรด้วย เน้นดื่มง่ายเป็นหลัก ซึ่งแก้วนี้เป็นชาเขียวที่มีส่วนผสมของสับปะรด ใบโหระพา และโชยุที่เราเลือกใช้แทนเกลือเพื่อให้ได้ความแตกต่าง ดื่มแล้วจะรู้สึกว่ามีความผสมผสานที่สื่อถึงความเป็นสาวลูกทุ่งที่มีความร่าเริง สมกับคาแร็กเตอร์ของหนูดาว สาวมหาลัย
ตามมาด้วย ‘สีดา’ ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากนางสีดา ตัวละครในวรรณคดีไทย ซึ่งเราเลือกใช้มะเขือเทศพันธุ์สีดาเป็นวัตถุดิบหลักให้มีความสอดคล้องกับชื่อของเครื่องดื่ม เป็นน้องคนสวยประจำร้าน ถ้าให้พูดถึงคุณประโยชน์ของเครื่องดื่มแก้วนี้ คือมี Anti-oxidant แน่นมาก เพราะอัดแน่นไปด้วยมะเขือเทศ สตรอเบอร์รี บลูเบอร์รี และชาเขียวมะลิ ดื่มแล้วจะรู้สึกเป็นคนสวยที่เฮลท์ตี้ เชื่อว่าหลายคนที่ไม่ชอบกินมะเขือเทศ แต่ถ้าเป็นเครื่องดื่มของที่นี่ เราแนะนำให้ลองชิมก่อนแล้วจะติดใจ
เครื่องดื่มแนะนำอีกแก้วนึงคือ ‘บุหงา’ มีชื่อฉายาว่าน้องคนสวย ด้วยความที่เป็นเครื่องดื่มสีชมพู มีส่วนผสมของลิ้นจี่ มินต์ และสตรอเบอร์รี เป็นส่วนผสมของสามวัตถุดิบที่คนส่วนใหญ่จะสั่งเยอะที่สุด ทุกแก้วจะมีการครีเอตชื่อเครื่องดื่มให้มีความเป็นไทยดูต่างออกไปจากร้าน TE ที่ทองหล่อ
หรือจะเป็น ‘Bangkok Fog’ ถ้าคนเคยดื่มชาเอิร์ลเกรย์จะรู้จักดี เวอร์ชันฝรั่งจะเรียกว่า London Fog เป็นชานมเอิร์ลเกรย์ แต่ของที่ร้านเราเป็นเวอร์ชันของไทย และเบลนด์พิเศษก็คือชื่อ Midnight Earl Grey ด้วยความที่ตัวร้านศาลาชาอยู่ One Bangkok ฉะนั้นเลยครีเอตชื่อเมนูว่า Bangkok Fog ความพิเศษคือแก้วนี้จะชงกับนมโดยใช้วิธีการต้มกับนม แล้วทิ้งข้ามคืนไว้ ต้อง aged ไว้ก่อน แล้วค่อยนำมาท็อปด้วยวิปครีม เสิร์ฟพร้อม Mini Croissant ซึ่งขนมครัวซองต์นี้ก็ได้เพื่อนเชฟที่ร้าน Wondering.bakeshop ทำให้ คนจะชอบมาก เพราะได้รสชาตินมที่กลมกล่อม มัน ๆ นัว ๆ หอมกลิ่นขมิ้นและลาเวนเดอร์แบบเบา ๆ ส่วนขนมที่มาแพริ่งด้วยเป็นครัวซองต์จิ๋ว นอกจากนี้ยังมีขนมเค้กรสชาติไทย ๆ อย่างเค้กมะพร้าว เค้กชาไทย ชูครีมรสแอปเปิ้ลคาราเมล และชูครีมรสมะม่วง เน้นเป็นฟีลผลไม้ ให้คนทานรู้สึกสดชื่น ไม่หนักท้องมาก เป็นขนมชิ้นเล็ก ๆ แบ่งกันทานได้หลายชิ้น”
“ในส่วนของชาเบลนด์อยากให้ลองชาเบลนด์ใหม่ที่ชื่อว่า ‘ทองกวาว’ ดื่มแล้วสดชื่น สดใสร่าเริง ด้วยส่วนผสมของเสาวรส มะม่วง ใบเตย มะตูม และชาเขียวมะลิ หรือจะเป็นชาเบลนด์ ‘ไอ้ขวัญ’ ชาเบลนด์ฟีลหนุ่มลูกทุ่ง ใจดี นิ่ง ๆ สงบ ๆ ด้วยส่วนผสมของข้าวคั่ว ตะไคร้ ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่กลางทุ่งนา ให้สีชาเบลนด์เป็นสีฟ้า สื่อถึงความเป็นคนใจเย็นตามคาแร็กเตอร์ของไอ้ขวัญ”
สิ่งที่ห้ามพลาด เมื่อมา SalaCha TE
“นอกจากห้ามพลาดมาลองชิมเครื่องดื่มที่เป็นเมนูซิกเนเจอร์ของที่นี่แล้ว อย่าลืมมาร่วมกิจกรรมที่ Tea Blending Station ซึ่งถ้าเป็นที่ทองหล่อ เราจะเรียกว่า Tea Therapy เป็นแบบฟีลฮีลใจ แต่ถ้าสำหรับที่ศาลาชาจะเป็น Tea Blending ให้ได้ลองเบลนด์ชาฝีมือตัวเองก็จะมีน้อง ๆ พนักงานช่วยไกด์ เป็นกิจกรรมเวิร์คช็อปให้คุณได้เบลนด์ชากลับไปดื่มต่อที่บ้านเหมือนกัน
แต่ถ้าใครไม่ถนัดเบลนด์ชาเอง ถนัดชิมอย่างเดียว แนะนำให้ทำ Tea Fight เหมือนกิจกรรม Tasting Menu เครื่องดื่ม มีแก้วเล็ก ๆ ให้เราเลือกชิมสี่แก้ว เป็นสารพัดชาไท้ยไทยให้ได้เทสต์กลิ่นและรสชาติกัน ทางร้านก็จะไปคอลแลปกับไร่ชาต่าง ๆ ที่สับเปลี่ยนหมุนเวียนกันไปในทุก ๆ สามเดือน โดยสามเดือนแรกจะเป็นชาจาก ไร่ชาดี 101 คัดสรรชาคุณภาพ ไม่ว่าจะเป็นชาขาวที่เก็บมาด้วยวิธีพิเศษต่าง ๆ ร่วมกับชาเขียว ชาหลวง ชาดำ แล้วนำมาชงด้วยวิธีที่แตกต่างกันให้ลูกค้าได้ชิมและรู้ว่าชาไทยก็มีดีเหมือนกัน แม้ว่าเราจะเบสจากชาจีน แต่ก็พยายามผสมผสานความเป็นไทยเข้าไปเป็นสารพัดชาไทยของแท้ เหมือนเป็นโชว์เคสชาไทยเลยจริง ๆ ทั้ง Tea Blending และ Tea Fight เลยเป็นสองสิ่งที่ไม่อยากให้พลาดค่ะ"
“คนส่วนมากไม่ค่อยรู้จักชา และมักรู้สึกว่าชาเป็นสิ่งที่น่าเบื่อ เหมาะกับคนมีอายุ แต่เราอยากทำให้ชามีความน่าสนใจ มีความสนุกมากขึ้น การที่มีกิจกรรมให้ทุกคนเบลนด์ชาเอง นอกจากได้รสชาที่พิเศษขึ้น ดื่มสนุกขึ้นแล้ว หลัก ๆ คือได้ใช้เวลากับตัวเอง เหมือนกับค่อย ๆ ดม ใช้สมาธิอยู่กับสิ่งตรงหน้า มันคือการทำสมาธิในแบบที่ไม่ต้องท่องพุทโธ แล้วจะได้อะไรกลับไปมากกว่าชาเบลนด์อร่อย ๆ ของตัวเอง และถ้าอยากมาลองชิมชาใหม่ ๆ ก็ให้นึกถึงร้านชาของเรา เพราะเราเป็นนักสรรหาชา เน้น Custom Made หรือ Made To Order แบบสุด ๆ ทั้งแบบร้อนแบบเย็นให้เลือกชิมแบบตามความชอบ
นอกจากนี้ ที่นี่ยังเปิดโอกาสให้เข้ามาทำชาเบลนด์เพื่อมอบเป็นของขวัญ ชาเป็นของขวัญที่ไม่มีเพศ ไม่จำกัดวัย และดีต่อสุขภาพ ซึ่งตอนนี้ที่ร้านขยายมาเป็นพาร์ทของเครื่้องหอมด้วย มีทั้งชาดม ที่เบสด้วยใบชาแล้วใส่ Essential Oil ออกมาเป็นชาที่มีกลิ่นหอม ดีต่อทางใจและทางสุขภาพเมื่อได้สูดดมเข้าไปด้วย ร้านเราดีไซน์ออกมาในรูปแบบของเทียนหอม แล้วก็น้ำหอม Diffuser อีกหนึ่งแพลนของเราคือการทำ Tea Bath ผ่อนคลายด้วยการแช่น้ำ เหมาะกับช่วงหน้าหนาวที่สร้างความผ่อนคลายด้วยการอาบใบชา นำใบชาไปแช่น้ำแล้วเอาตัวลงไปแช่ได้ ซึ่งในถุงชาก็จะมีวัตถุดิบอื่น ๆ ที่ใส่เสริมลงไปเพื่อสร้างความผ่อนคลาย เป็นแพลนปลายปีนี้ที่อยากฝากทุกคนคอยติดตามหรือใครที่สนใจสามารถแวะมาสั่งเซ็ตผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ สำหรับมอบเป็นของขวัญในช่วงเทศกาลแห่งความสุขกันได้ค่ะ”
และนี่คือหลากหลายเรื่องราวบนเส้นทางสายชาของ ‘คุณปลา-นันธิดา รัตนกุล’ นักเบลนด์ชามืออาชีพ ที่เธอได้มาร่วมแชร์ประสบการณ์ดี ๆ พร้อมส่งมอบแรงบันดาลใจผ่านเบื้องหลังการครีเอตชาเบลนด์มิติใหม่ ด้วยดีไซน์กลิ่นหอมและรสชาติที่ลงตัวไม่เหมือนใคร ในแบบของแบรนด์ TE อย่างแท้จริง
SalaCha TE
โซนสารพัดไทย, ชั้น 3 ฝั่งตึก Parade, ศูนย์การค้า One Bangkok (MRT สถานีลุมพินี ทางออก 1B)
เปิดทุกวัน เวลา 10.00-22.00 น.