Published on February 27, 2018

Ekamian ร้านอาหารรูปแบบ Chef's Table และอาร์ตแกลอรี่ที่เกิดจากความร่วมมือของ 3 เพื่อนสนิทที่มีบ้านอยู่ในย่านเอกมัยเช่นเดียวกัน โดยคุณปั๊น รัชต์ จุลชาต และ คุณอิ๊งค์ พขร ศกุนตะลักษณ์ สองในเจ้าของร้าน มีความสามารถทางด้านศิลปะ และยังเป็น Curator คัดสรรผลงานศิลปะดี ๆ มาจัดแสดงที่นี่ รวมถึง เชฟแทน ภากร โกสิยพงษ์ หนึ่งในเจ้าของร้านซึ่งเป็นเชฟผู้อยู่เบื้องหลังเมนูต่าง ๆ ของคาเฟ่ชื่อดัง One Ounce For Onion ก็ได้มาเปิดที่นี่เป็น Chef's Table คอยต้อนรับเหล่าฟู้ดดี้ที่อยากลองทานอาหารดี ๆ รูปแบบใหม่ในบรรยากาศอบอุ่นเป็นกันเองอีกด้วย

 

ด้านหน้าร้าน

สำหรับร้าน Ekamian แห่งนี้ซ่อนตัวอยู่ในซอยสุขุมวิท 49 แยก 19 และใครที่ขับรถมา สามารถขับเลยร้านไปจอดยังลานจอดรถใกล้ ๆ กันได้ ตัวร้านมีขนาดไม่ใหญ่ ตกแต่งอย่างเรียบง่ายด้วยปูนเปลือยและเฟอร์นิเจอร์ไม้ สำหรับชั้นล่างจะเป็นโซนครัวและโซนร้านอาหาร มีโต๊ะตัวยาวไว้คอยต้อนรับคนที่มาทาน Chef's Table
 

เมื่อเดินขึ้นมาบริเวณชั้น 2 จะพบกับโซนอาร์ตแกลอรี่ที่จัดงานแสดงศิลปะ โดยจะมีผลงานจากศิลปินต่าง ๆ หมุนเวียนมาจัดแสดงกันอยู่เรื่อย ๆ ใครที่อยากมาชมงานศิลปะ สามารถแวะมาได้ตั้งแต่เวลา 13.00 - 00.00 น. (ปิดทุกวันจันทร์)
 

โซนอาร์ตแกลอรี่ ชั้น 2

 

ผลงานของคุณปั๊น รัชต์ จุลชาต

ทุกคืนวันพฤหัส ทางร้านจะจัดเป็นช่วง Chef's Table ซึ่งต้อนรับเฉพาะคนที่จองล่วงหน้าเท่านั้น โดยจะมีทั้งหมด 7 คอร์ส (ราคา 1,500 บาท ไม่รวมเครื่องดื่ม ยกเว้นน้ำเปล่า) เมนูจะปรับเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ดูแลโดยเชฟแทน ซึ่งจุดเด่นของเมนูคอร์สนี้ คือการเลือกใช้วัตถุดิบตามฤดูกาลจากเกษตรกรโดยตรงและการผสมผสานอาหารที่มีอุณหภูมิร้อนเย็นต่างกัน เริ่มจากเมนูแรกที่มีอุณหภูมิเย็นอย่าง Cold Smoked เต้าหู้สีขาวเสิร์ฟแบบเย็น ทานคู่กับกรานิต้า ปลาแห้ง กระเจี๊ยบสด ก่อนจะท็อปด้านบนด้วยฟางข้าวโพดสีทองสวย เป็นเมนูที่ทานแล้วสดชื่น เตรียมท้องไว้สำหรับเมนูถัดไป

 

Cold Smoked

คอร์สที่ 2 Triple C เชฟแทนนำเมนูหลนแบบเดิม ๆ มา Deconstruct ให้เป็นรูปแบบใหม่ โดยประกอบด้วยพานาค็อตต้าหลนที่ทำจากกะทิ ทานคู่กับกุ้งแชบ๊วยแดงที่แช่กับมิริน และแตงดอง เป็นจานที่ให้รสหวานนุ่มแบบไทย ๆ ซึ่งจานนี้ก็เป็นจานที่มีอุณหภูมิเย็นเช่นกัน

 

Triple C

จานที่สามก็ยังเป็นเมนูเสิร์ฟแบบเย็นอยู่กับ Layers หรือ Ceviche ปลาเก๋าแดง ท็อปหน้าด้วยผักแพวและผักชีไทยราดด้วยซอสที่มีส่วนผสมของน้ำมะขาม เพิ่มรสเปรี้ยวส้มจี้ด

 

Layers

มาถึงคอร์สที่ 4 กับ Double D เนื้ออกเป็ดที่ผ่านการ Sous Vide จนเนื้อนุ่ม ทานคู่กับผักกะหล่ำปลีที่ปรุงกับไขมันเป็ดและซอสเป็ดที่ทำจากเท้าเป็ด เนื้อเป็ดนุ่ม ๆ ซอสรสกลมกล่อมเข้ากันได้ดี คอร์สต่อมา Sticky Back Alley Ribs เนื้อซี่โครงหมู Slow Cooked และนำไปทอดกรอบ ทำให้ได้รสสัมผัสกรอบนอกนุ่มใน ราดด้วยซอสซีอิ๊วผสมน้ำผึ้ง ทานคู่กับมันฝรั่งบดเนื้อเนียนผสมกับกระเทียม

 

Double D

 

Sticky Back Alley Ribs

Kao Tom Nam Woon คอร์สที่ 6 ขนมหวานที่ได้ทางเชฟนำขนมไทยอย่าง ข้าวต้มน้ำวุ้น มาดัดแปลงกลายเป็นขนมหวาานหน้าตาสวยงามมีหลากหลายเท็กซ์เจอร์ เริ่มจากด้านล่างเป็นข้าวเหนียวมูนนุ่ม ๆ ท็อปด้วยกรานิต้าใบเตยหอม ๆ ด้านบนเป็นมูสครีมกะทิเนื้อเปล่า โรยหน้าด้วยครัมเบิลขนมขิง คนรักขนมหวานต้องไม่พลาดจานนี้
 

Kao Tom Nam Woon

ปิดท้ายมื้อนี้ด้วย Taste The Garden คอร์สสุดท้ายสุดเซอร์ไพรส์เพราะเชฟเสิร์ฟ ใบหงส์ฟ้า มาในแก้วน้ำแข็ง สำหรับใบหงส์ฟ้านั้นเป็นใบที่มีสรรพคุณมากมาย สมัยโบราณนิยมนำไปต้มเป็นชาและนำไปอมให้ชุ่มคอ รสคล้ายชะเอมเทศ

 

Taste The Garden

Must Read!
  • สำหรับ Chef's Table จะมีเฉพาะวันพฤหัส เวลา 19.00 - 00.00 น.
  • ต้องจองล่วงหน้าเท่านั้น (สำหรับ Chef's Table)
  • นอกจากช่วง Chef's Table แล้ว วันอื่น ๆ ทางร้านยังมีเมนู A la carte ไว้คอยให้บริการ
Info
Hours
Open : 1PM - 12AM
Thu : 1PM - 12AM
Fri : 1PM - 12AM
Sat : 1PM - 12AM
Sun : 1PM - 12AM
Mon : Closed
Tue : 1PM - 12AM
Wed : 1PM - 12AM
Price

฿฿฿฿฿ 1,001-2,000 บาทต่อคน
(Cash Only)

Address
297/2 ซอย สุขุมวิท 49 เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร
Map
Suggest an Edit