Published on April 10, 2022

The Thai Flavors at the new ‘Front Room’

'Front Room' ห้องอาหารไทยหนึ่งเดียวใน Waldorf Astoria Bangkok โรงแรมสุดหรูในย่านราชดำริ ที่เปิดให้บริการอาหารไทย นำเสนอหลากหลายเมนูอาหารที่ทางเชฟรุ่นใหม่ นำโดย เชฟบัว สโรชา รัชตะนาวิน นำประสบการณ์จากครัวไฟน์ไดนิ่งพร้อมแรงบันดาลใจจากอาหารรสมือแม่ มารังสรรค์เป็นอาหารไทยจานเด่น พร้อมเสิร์ฟในห้องอาหารที่มาพร้อมกับบรรยากาศโปร่งโล่งสบายตา แอบกระซิบว่าอาหารไทยที่ Front Room นั้นมีกิมมิกใหม่ ๆ ในทุกจาน ด้วยเชฟบัวได้นำเทคนิคการปรุงอาหารในสไตล์ตะวันตกมาผสมผสานกับแบบไทยอย่างปราณีต และพิถีพิถัน 


 

บริเวณภายในร้าน

Contemporary Design with a subtle reference to Yi Peng Festival in northern Thailand

ด้วยสถานที่ตั้งที่เปรียบเสมือนห้องรับแขกของบ้าน Front Room ถูกดีไซน์ออกมาในรูปแบบร่วมสมัย โดยฝีมือของนักออกแบบชื่อดังชาวฮ่องกง มร. อังเดร ฟู ที่แฝงกลิ่นอายของความเป็นไทย เน้นใช้งานไม้ในการตกแต่ง พร้อมเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์โทนสีสว่าง ให้ความรู้สึกโปร่ง โล่ง และสบาย เข้ากันได้ดีกับวิวต้นไม้บริเวณด้านนอก อีกหนึ่งไฮไลต์เรื่องดีไซน์ของห้องอาหารแห่งนี้คือโคมไฟขนาดใหญ่ ที่ผู้ออกแบบได้รับแรงบันดาลใจมาจากประเพณียี่เป็ง หรือประเพณีลอยโคมของทางภาคเหนือ เพิ่มเสน่ห์ของห้องอาหารแห่งนี้ด้วยโซนครัวที่เปิดโล่ง พร้อมมอบประสบการณ์ให้กับทุกคนที่แวะเวียนเข้ามาได้ร่วมสนุกไปกับการรังสรรค์เมนูของทีมเชฟได้อย่างสมบูรณ์

 

โซนครัวเปิด เปิดให้มองเห็นเหล่าเชฟกำลังปรุงอาหาร

 

โซนที่นั่งภายในร้าน ได้รับแสงธรรมชาติเต็มที่ในช่วงกลางวัน

ในส่วนของโซนที่นั่ง ทาง Front Room ก็ได้จัดสรรไว้อย่างเป็นสัดส่วน ทั้งโซนที่นั่งด้านนอกที่มีการออกแบบให้ดูโปร่งโล่งสบาย ล้อมรอบด้วยกระจกใส สามารถชมวิวสวนสีเขียวให้ได้เพลินตาระหว่างทานอาหาร และโซนห้อง Private สุดส่วนตัวสำหรับผู้ที่สำรองที่นั่งมาทานอาหารกันแบบเป็นกลุ่ม

 

มุมที่นั่งภายในร้าน

 

โซนห้องไพรเวท

Authentic Thai Dishes with a little Twist

ดร. นิพัทธ์ชนก นาจพินิจ ผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารและวัฒนธรรมไทย พร้อมเชฟแอน ศุภณัฐ คณารักษ์ นำความรู้และประสบการณ์ด้านอาหารไทยมาถ่ายทอด พร้อมแนะนำเสน่ห์ของอาหารไทย 8 รสชาติ ได้แก่ เผ็ด เปรี้ยว หวาน เค็ม ขม มัน ปร่า (ฝาด) และจืด ให้กับทีมเชฟของห้องอาหารฯ และมีการออกแบบเมนู พร้อมสูตรอาหารร่วมกัน ผ่านขั้นตอนการคัดเลือกวัตถุดิบอย่างใส่ใจ และการปรุงอาหารที่ปราณีตและพิถีพิถันเสมือนการรับประทานอาหารที่ปรุงด้วยความรักและความเอาใจใส่ของแม่

 นอกจากนี้ทางทีมเชฟได้นำความรู้ความเข้าใจเรื่องอาหาร วัตถุดิบ เทคนิค และประสบการณ์การปรุงอาหารแบบตะวันตกที่พวกเขาเชี่ยวชาญเข้ามาผสมผสานทำให้อาหารและของหวานทุกจานมีความพิเศษกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นความเข้มข้นและกลมกล่อมของรสชาติ คุณภาพของเนื้อและกรรมวิธีการปรุง รวมถึงการนำเสนออาหารแต่ละจานอย่างสวยงามและปราณีตในระดับไฟน์ ไดน์นิ่ง 

เริ่มมื้อด้วย Amuse bouche ที่ทางเชฟได้นำเมนูที่เราคุ้นเคยอย่างดีกับขนมกุ่ยช่าย มานำเสนอใหม่กับเมนู ข้าวเกรียบกุ่ยช่าย โดยเลือกใช้กรรมวิธี Dehydrated ขนมกุ่ยช่าย ให้กลายเป็นข้าวเกรียบบางกรอบแต่เต็มไปด้วยรสชาติ จิ้มกับซอสดำรสหวานเล็กน้อย เหมาะกับทานเรียกน้ำย่อยได้ดี 

ตามด้วยเมนูรสจัดจ้านอย่าง พล่าไหลบัวหอยเชลล์ (620 บาท++) ทางร้านใช้หอยเชลล์ตัวโตเนื้อนุ่มเด้งจากฮอกไกโดมาพล่ากับไหลบัวสด ๆ และส้มโอ เพิ่มรสชาติด้วยนำ้พริกเผา น้ำปลา มะนาว โรยหน้าด้วยหอมแดงทอด พริกทอด ทานแล้วได้รสจัดจ้านกำลังดี

 

Amuse bouche ข้าวเกรียบกุ่ยช่าย

 

พล่าไหลบัวหอยเชลล์ (620 บาท++)

ส่วนใครที่ชอบอาหารรสจัดสไตล์อาหารใต้ ทางร้านแนะนำ ทะเลกับสะตอคั่วซอสเค็ม (800 บาท++) จานนี้มีทั้งเนื้อปลาหมึกและกุ้งลายเสือ เพิ่มรสชาติด้วยซอสสูตรเฉพาะของทางร้านที่มีส่วนผสมของกังป๋วยและกุ้งแห้ง แทนที่จะผัดกับกะปิแบบเดิม เพิ่มความมันด้วยสะตอ เป็นอีกจานที่ให้รสจัดจ้านเหมาะกับทานคู่กับข้าวสวยร้อน ๆ

และ แกงไตปลาสะตอ (480 บาท++) แกงไตปลารสเผ็ดร้อน ที่มีส่วนผสมของเครื่องแกงสูตรของทางร้าน ปลาอินทรีย์ สะตอ ถั่วหรั่ง มะเขือพวง มะเขือเปาะ และมันขี้หนู ใครที่ชอบเมนูรสเผ็ดต้องลองสั่ง

 

ทะเลกับสะตอคั่วซอสเค็ม (800 บาท++)

 

แกงไตปลาสะตอ (480 บาท++)

นอกจากนี้ยังมีเมนูจานปลาที่หลายคนติดใจอย่าง ปลาทอดกระเทียม (980 บาท++) ใช้ Tooth Fish ปลาในตระกูลเดียวกับปลาหิมะ มีเนื้อสัมผัสนุ่มมัน ทางเชฟนำมาทอดให้กรอบด้วยเทคนิคการทอด 2 รอบ ทำให้ได้เนื้อสัมผัสด้านนอกกรอบเป็นพิเศษ แต่ด้านในยังนุ่มชุ่มฉ่ำ ได้รสชาติออกหวานเค็มนิด ๆ จากซอสน้ำปลา ก่อนจะโรยกระเทียมเจียวและพริกเพื่อเพิ่มสีสันและรสชาติ

ส่วนใครที่ชอบทานเนื้อ ลองสั่ง เสือร้องไห้ (880 บาท++) ทางร้านเลือกใช้เนื้อวากิวนำเข้าจากออสเตรเลียหมักซอส ก่อนจะนำไปซูวี และนำมาย่างให้สุกกำลังดี จิ้มทานกับน้ำจิ้มแจ่วสูตรของทางร้าน เสิร์ฟพร้อมผักแนม

และปิดท้ายอาหารคาวด้วย ปลาหมึกผัดกะปิดอกหอม (440 บาท++) ปลาหมึกมาผัดกับกะปิและดีปลาหมึก ทำให้ได้รสเข้มข้นแต่กลมกล่อม เพิ่มด้วยกระเทียมดอง ดอกหอม และพริก โรยหน้าหอมเจียว ทางร้านยังมีบริการเสิร์ฟข้าวสวยฟรีไม่อั้น โดยมีให้เลือกทั้งข้าวหอมมะลิและข้าวไรซ์เบอร์รี รับรองว่าอิ่มท้องแน่นอน

 

ปลาทอดกระเทียม (980 บาท++)

 

เสือร้องไห้ (880 บาท++)

 

ปลาหมึกผัดกะปิดอกหอม (440 บาท++)

หลังอิ่มท้องจากอาหารคาวแล้ว ก็ถึงเวลาของขนมหวานที่มีดีไม่แพ้กัน แนะนำเมนูซิกเนเจอร์ของทางร้านอย่าง มะพร้าวชีสเค้ก (280 บาท++) ชีสเค้กเนื้อเนียนและมูสไวท์ช็อกโกแลต เสิร์ฟมาในลูกมะพร้าวให้รสหอมหวาน

และ มิลเฟยตะโก้ลูกชิด (280 บาท++) ทางร้านนำขนมฝรั่งเศสสุดคลาสสิกอย่างขนม 'มิลเฟย' มาประยุกต์กับขนมไทยยอดนิยม 'ตะโก้'  แป้งพายอบกรอบสไตล์ฝรั่งเศสถูกนำมาเรียงสลับชั้นกับพุดดิ้งสาคูต้น  ลูกชิด และเจลลี่กะทิ ก่อนจะราดซอสไวท์ช็อกโกแลต ให้รสหวานละมุนเข้ากันได้อย่างลงตัว

 

มะพร้าวชีสเค้ก (280 บาท++)

 

มิลเฟยตะโก้ลูกชิด (280 บาท++)

อย่าลืมสั่งม็อกเทลสีสวย มาดื่มคู่กับอาหาร แนะนำ หรรษา (260 บาท++) แก้วนี้มีส่วนผสมของน้ำเสาวรส น้ำฝรั่ง น้ำมะนาว ไซรัปดอกบัว และ Ginger Ale และ เย็นใจ (260 บาท++) น้ำลิ้นจี่ ผสมกับน้ำผึ้ง น้ำแครนเบอร์รี น้ำมะนาว และโซดาใบเตย ดื่มแล้วเรียกความสดชื่นได้ดี

 

หรรษา (260 บาท++) และ เย็นใจ (260 บาท++)

Info
Hours
Open : 11:30AM - 2PM
5:30PM - 9PM
Thu : 11:30AM - 2PM
5:30PM - 9PM
Fri : 11:30AM - 2PM
5:30PM - 9PM
Sat : 11:30AM - 2PM
5:30PM - 9PM
Sun : 11:30AM - 2PM
5:30PM - 9PM
Mon : Closed
Tue : Closed
Wed : 11:30AM - 2PM
5:30PM - 9PM
Price

฿฿฿฿฿ 1,001-2,000 บาทต่อคน

Address
Waldorf Astoria Bangkok ชั้น Lower Lobby 151 ถนนราชดำริ เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร
Map
Mass Transit

BTS ราชดำริ

BTS ชิดลม

Facilities
Suggest an Edit