Luxury Isan Dining
พบกับร้านอาหารอีสานฟีลลูกคุณที่แจกความแซ่บนัวกันแบบเต็มปากเต็มคำกันที่ร้าน Ja Dare Bor’ ร้านอาหารอีสานที่มาในคอนเซ็ปต์ “อีสานลักชู” พร้อมส่งรสชาติแซ่บคักมากับปลาร้าสูตรพิเศษที่ทางร้านทำเอง นัวแบบไม่เหมือนใคร แถมยังมีหลากหลายเมนูที่คัดสรรเอาแต่วัตถุดิบสุดพรีเมียมมาเสิร์ฟกันแบบจัดเต็มในบรรยากาศดี ๆ มีบาร์ค็อกเทลคอยเสิร์ฟความสดชื่น ที่ไม่ว่าจะแวะมาแซ่บเช้าสายบ่ายค่ำก็ม่วนจอยแน่นอน!
Comforting & Delicious
ตัวร้านตั้งอยู่ที่ชั้น G ในโรงแรม Somerset Rama 9 Bangkok ใกล้ MRT พระรามเก้า ซึ่งนอกจากจะเดินทางสะดวกสบายแล้ว ยังมาพร้อมที่จอดรถให้บริการสำหรับใครที่เดินทางมาด้วยรถยนต์ส่วนตัว
เมื่อเปิดประตูเข้ามาก็จะพบกับความม่วนใจในไวป์จอย ๆ ตั้งแต่เพลงที่เปิดรวมไปถึงการตกแต่งที่เน้นความเป็นกันเองเข้าถึงง่าย ด้านในมีมุมที่นั่งให้เลือกกันตามชอบ ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะใหญ่ของชาวแก๊ง มุมส่วนตัวหรือจะเป็นห้องใหญ่แบบไพรเวทก็มีให้เลือกเช่นกัน
Tasty and Premium
ในส่วนของเมนูอาหารที่ร้านให้ความสำคัญในเรื่องของรสชาติที่จัดจ้านถูกต้องตามแบบอาหารอีสานแท้ ๆ ผสมผสานเข้ากับวัตถุดิบเกรดพรีเมียมที่ผ่านการคัดสรรมาแล้วเป็นอย่างดี ปรุงด้วยฝีมือเชฟมากประสบการณ์ เสิร์ฟความสดใหม่ในทุกจานแน่นอน
อีกไฮไลต์ที่ต้องพูดถึงเลยคงต้องยกให้วัตถุดิบชูโรงของทางร้านอย่าง “ปลาร้า” ที่เรียกได้ว่าเป็นแบบโฮมเมด ด้วยสูตรลับเฉพาะของทางร้านที่จะได้รสชาติและกลิ่นที่หอมเป็นเอกลักษณ์ สะอาดปลอดภัย ใส่ในเมนูไหนก็นัว
แนะนำให้เปิดวันกันด้วยเมนูเครื่องดื่มเพิ่มความสดชื่นกันก่อนอย่าง แก้วนี้วาสนาผู้ใดหนอ (350 บาท) ค็อกเทลที่มีส่วนผสมของ Barcadi, Malibu, Pandan Cordial เพิ่มสีสันด้วยน้ำอัญชัน ท็อปด้วยโฟมมะพร้าวนุ่ม ๆ หอมหวานลงตัว
อีกแก้วคือ ถ่ายก่อนดื่ม (350 บาท) แก้วนี้มีส่วนผสมของ Remy Martin Cognac และ Tito’s Vodka-Infused Roasted Rice, Cointreau เพิ่มความเปรี้ยวสดชื่นด้วยเลมอนและผักชีลาว เสิร์ฟเคียงมากับ Rice Cracker
ก่อนจะมาเริ่มมื้อด้วยจานเรียกน้ำย่อยให้ได้ม่วนจอยกันกับเมนูที่ทางร้านภูมิใจนำเสนออย่าง ปลาดุกเว็ทเอจย่าง (220 บาท) เนื้อปลาดุกไซส์ใหญ่ที่ผ่านการเว็ทเอจมาอย่างน้อย 2 วัน หมักด้วยเครื่องเทศและซอสสูตรพิเศษของทางร้านเพื่อให้ได้รสชาติและเท็กเจอร์ที่กลมกล่อม นำไปย่างจนสุกดี เสิร์ฟมากรุ่น ๆ ทุกจาน และยังมีจานทานเพลินอย่างข้าวโพดทอดคั่วไข่เค็มกระจาย (135 บาท) โดยทางร้านนำข้าวโพดไปคลุกแป้งบาง ๆ ก่อนจะทอดจนกรอบ เคล้าด้วยด้วยไข่แดงเค็ม ท็อปด้วยพาร์เมซานชีสเพื่อเพิ่มความนัวแบบกระจาย
หรือจะเป็น ลิ้นวัวซูวีย่าง ( 320 บาท) จานนี้ใช้ลิ้นวัวอาร์เจนตินาที่ให้เท็กเจอร์นุ่มละมุนผ่านการซูวีนานถึง 24 ชั่วโมง ก่อนจะนำไปย่างอีกครั้งเพื่อเพิ่มกลิ่นหอม ๆ และสัมผัสที่กรอบเกรียม Glaze ด้วยซอสสูตรเฉพาะ ทานคู่กับน้ำจิ้มแจ่วของทางร้านที่เข้ากันอย่างตัว
อีกจานที่พลาดไม่ได้เลยต้องยกให้ เนื้อทอดจะแด*บ่ น้ำมันพริกซีอิ๊ว (390 บาท) เนื้อพิคานย่าที่ผ่านกระบวนการบัตเตอร์เอจจนนุ่มฉ่ำ ก่อนจะนำไปทอดในน้ำมันร้อน ๆ เป็นเวลา 20 วินาที ราดด้วยน้ำมันพริกคั่วจากพริกยอดสนและพริกหัวเรือผสมผสานไปกับซีอิ๊วที่ผ่านการอินฟิวส์กับใบชิโสะและกระเทียม
อีกเมนูแนะนำคือ น้ำตกเป็ดซูวีรีเจนซู่ (390 บาท) อกเป็ดที่ผ่านการซูวีกับไขมันเป็ด ตะไคร้และใบมะกรูดมาเป็นเวลา 45 นาที นำไปเซียร์ในกระทะร้อน ๆ จนได้ส่วนหนังที่กรอบ ราดด้วยซอสที่มีส่วนผสมของน้ำกระเทียมโทนดองผสมผสานเข้ากับความหอมของเหล้ารีเจนซี กลายมาเป็นความอร่อยที่ลงตัว
มาต่อกันที่ หมวดหมู่ของตำต่าง ๆ เริ่มจากเมนู Signature ของทางร้านที่ไม่อยากให้พลาดชิมกันอย่าง ตำจะแด*บ่ (790 บาท) ส้มตำที่รวมทุกความอร่อยมาเสิร์ฟพร้อมกัน แบบท็อปปิ้งจุก ๆ ทั้งเหนียงคอหมูทอดชีสเยิ้ม พิคานย่าบัตเตอร์เอจย่างปลาร้า ปีกไก่ปลาร้ายัดไส้ข้าวเหนียว แซลมอนและกุ้งสด ส่วนของส้มตำเป็นตำปลาร้าสูตรพิเศษของทางร้านที่กลมกล่อมด้วยน้ำกระเทียมดอง กะปิและข้าวคั่ว แถมยังเพิ่มความนัวอีกเท่าด้วยสาหร่ายคอมบุและมิโสะขาว ใครติดใจท๊อปปิงตัวไหนก็สามารถสั่งแยกมาทานเป็นจานเดี่ยวได้อีกด้วย
อีกจานเป็น ตำผลไม้น้ำปลาหวาน (230 บาท) ตำที่รวมเอาผลไม้รวมตามฤดูกาลมาเคล้ากับน้ำปลาหวานที่รสชาติเค็มหวานลงตัว ท็อปด้วยปลากรอบ กุ้งแห้งและปลาโอป่น เพิ่มความกรุบกรอบและเท็กเจอร์ที่แปลกใหม่ด้วยถั่วลิสงเคลือบน้ำตาล
ส่วนสายตำเส้นเล็กก็ต้องไม่พลาดสั่งเมนู ตำเส้นเล็กหมูยอ (190 บาท) ที่มาพร้อมเส้นเล็กเท็กเจอร์นุ่มหนึบ เคล้ามากับน้ำปลาร้าสูตรพิเศษของทางร้าน ท็อปด้วยหมูยอคุณภาพดีที่ส่งตรงมาจากจังหวัดอุบลราชธานี กลายมาเป็นความแซ่บนัวที่คุณต้องหลงรัก ส่วนใครสายท็อปปิ้งสามารถสั่ง Add On กุ้งสด (150 บาท) หรือ แซลมอนชิ้นโต (150 บาท) เพิ่มได้อีกแบบจุก ๆ
ใครชอบซดน้ำแกงร้อน ๆ ต้องสั่ง อ่อมเนื้อน่องลายบัตเตอร์เอจ (390 บาท) เนื้อวัวส่วนของน่องลายที่ทางร้านทำไปบัตเตอร์เอจเป็นเวลาถึง 14 วัน ก่อนนำมาตุ๋นเป็นเวลา 3-4 ชั่วโมงจนได้เนื้อเท็กเจอร์นุ่มละมุนลิ้น ส่วนของน้ำซุปก็หอมกรุ่นไปด้วยกลิ่นสมุนไพรรวมไปถึงเครื่องปรุงทั้งปลาร้า พริกแกง มีผักเป็นกะหล่ำปลี มะเขือเปราะ และใบแมงลัก เพิ่มกลิ่นหอม ๆ ด้วยข้าวคั่วและผักชีลาว
มาถึงส่วนของอาหารจานเดียวกันบ้าง แนะนำอีกหนึ่งจานชูโรงอย่าง ข้าวเหนียวผัดซอสโคชูจังหม้อร้อน (220 บาท) เมนูฟิวชันสุดครีเอตที่ทางร้านใช้ข้าวเหนียวไปผัดกับซอสโคชูจัง เสิร์ฟมาในกระทะร้อนทำให้ได้เท็กเจอร์ที่กรุบกรอบเคี้ยวเพลินของข้าวด้านล่าง ท็อปด้วยไข่ดาว หมูสับผัดน้ำมันพริก ไข่กุ้งและสาหร่าย แนะนำให้คลุกเคล้าทุกอย่างเข้าด้วยกันก่อนทาน
ปิดท้ายความอร่อยด้วยความฟิวชันที่แสนลงตัวในเมนู สปาเก็ตตี้คาโบปลาร้า (290 บาท) จานนี้ที่เปลี่ยนเอาคาร์โบนาราธรรมดา ๆ ให้พิเศษด้วยความเค็มนัวของน้ำปลาร้าผสานกับซอสเข้มข้นที่คลุกเคล้าเข้ากับเส้นสปาเก็ตตี้ ท็อปด้วยเบคอนกรอบและไข่ออนเซ็น