Published on June 20, 2019

Mutual Friends

มีไม่กี่เหตุผลที่ทำให้แก๊งเพื่อนมารวมตัวและทำบางสิ่งบางอย่างด้วยกัน อาจเป็นเพราะความชอบและความสนใจในเรื่องของบาร์ที่ทำให้คนเหล่านี้เดินทางมาเจอกันกลางทาง แล้วร่วมกันก่อตั้งบาร์ลับ ๆ ในย่านพร้อมพงษ์อย่างร้าน Mutual Bar ค็อกเทลบาร์ ที่ตั้งอยู่บนชั้น 5 ของตึกเก่า หรือเรียกอีกอย่างว่าเป็นสถานที่รวมตัวกันของกลุ่มหุ้นส่วนทั้ง 7 คน (Avengers) ที่อยู่ในวงการหนัง โฆษณา และภาพยนตร์ ใครที่เบื่อจากความวุ่นวายในตัวเมือง สามารถหลบขึ้นมาพักผ่อน ดื่มด่ำไปกับค็อกเทลและเสียงเพลงแจ๊สที่จะขับกล่อมเราตลอดค่ำคืน และดีไม่ดีอาจจะได้พบกับเพื่อนใหม่ที่บาร์แห่งนี้ด้วย

 

ประตูทางเข้าร้าน

Classic Bar

เมื่อเปิดประตูไม้บานเก่าเข้ามาในร้าน จะพบกับการตกแต่งที่มีความคลาสสิกและความเป็นผู้ชายค่อนข้างสูง ตัวพื้นเลือกใช้วัสดุจากไม้ ต้นไม้น้อยใหญ่ที่ถูกนำมาตกแต่งไว้ตามมุมต่าง ๆ ทำให้รู้สึกสดชื่น ส่วนโครงสร้างร้าน ล้อมรอบด้วยกระจกใส สามารถมองเห็นวิวของซอยสุขุมวิท 24 ได้อย่างชัดเจน

 

เลือกใช้โซฟาหนังสีน้ำตาลที่มีลักษณะโค้งโอบล้อมโต๊ะเอาไว้

ในส่วนของเฟอร์นิเจอร์ ทางร้านเลือกโซฟาหนังสีน้ำตาลที่มีลักษณะโค้งโอบล้อมโต๊ะเอาไว้ ทำให้เราได้พูดคุยกับเพื่อน ๆ แบบใกล้ชิดมากขึ้น อีกทั้งยังมีโต๊ะยาวกลางร้าน เหมาะสำหรับกลุ่มลูกค้าที่มาดื่มกันไม่เยอะ หรือถ้าชอบเงียบ ๆ ผู้คนไม่วุ่นวาย แนะนำให้เลือกนั่งโซนหลังบาร์ที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัว เหมาะกับกลุ่มเล็ก ๆ ที่ต้องการคุยงานพลางจิบค็อกเทลชิลล์ ๆ รู้ตัวอีกทีก็หมดเวลาของค่ำคืนนี้เสียแล้ว

 

โซนนั่งสุดส่วนตัว

7 Signature Cocktails

แน่นอนว่าเมนูที่ขายดีต้องเป็นค็อกเทล มีทั้งคลาสสิกค็อกเทลและซิกเนเจอร์ค็อกเทลที่เกิดจากความชอบของหุ้นส่วนทั้ง 7 คน เริ่มต้นด้วยเมนูเบา ๆ อย่าง Allen’s Apple (340 บาท) เกิดจากความชื่นชอบนักแสดงที่ชื่อ Woody Allen ของ คุณบาส-นัฐวุฒิ ผกก.หนังชื่อดัง ซึ่งแก้วนี้เบสด้วย Jim Bearn Bourbon เพิ่มกลิ่นหอมด้วยน้ำแอปเปิ้ล เสริมรสเปรี้ยวอมหวานด้วย Ogeat Syrup และน้ำมะนาว ก่อนจะราดไวน์แดงเพิ่มสีสัน เสิร์ฟกับแอปเปิ้ลสไลซ์และผงชินนาม่อนเบิร์นไฟ

 

Allen’s Apple (340 บาท)

ถัดมาเป็นเมนูเข้ม ๆ สไตล์ผู้ชายอย่าง Hendrix’s Garden (340 บาท) ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากคาแรกเตอร์ของ คุณเบน-เบนจามิน หุ้นส่วนและนักดนตรีของทางร้าน แก้วนี้ค่อนข้างหนักเหล้า ประกอบด้วย Monkey Shouder, Patom Silver, Amaro Montenegro เติม Pandan Syrup และเพิ่มกลิ่นอโรมาด้วยโรสแมรีรมควัน สร้างอารมณ์สุนทรีย์ระหว่างดื่ม

 

Hendrix’s Garden (340 บาท)

ส่วนเมนูที่เกิดจากความชอบดื่มกาแฟของ คุณอู๊ด-นพรัตน์ Creative Director มีชื่อเมนูว่า Vivid Midnight (340 บาท) บรั่นดีที่ถูกจับคู่กับเอสเพรสโซ่ช็อต พร้อมใส่ Ogeat Syrup และน้ำมะนาว ก่อนจะเพิ่มความดาร์กด้วยเบียร์ดำ ตัดรสชาติด้วยส้มและเลมอน ดื่มแล้วทำให้สดชื่นในยามค่ำคืน ใครที่กำลังเหนื่อยล้าทางร้านแนะนำแก้วนี้เลย

 

Vivid Midnight (340 บาท)

หากชอบดื่มค็อกเทลรสชาติใหม่ ๆ ต้องลองสั่ง Biomimicry (340 บาท) ไวน์ขาว และเหล้า Green Chartreuse เติมน้ำผึ้ง น้ำมะนาว และน้ำมะนาวดอง ตามด้วยวาซาบิ คื่นช่าย ท็อปด้วยโทนิค และตกแต่งด้วยใบโอบะ ดื่มแล้วรู้สึกถึงความเป็นธรรมชาติ คล้ายสาเกญี่ปุ่น แต่มีความเฮลท์ตี้ด้วยส่วนผสมของขึ้นฉ่ายและวาซาบิ

 

Biomimicry (340 บาท)

ปิดท้ายด้วยค็อกเทลสำหรับสาว ๆ ที่คิดค้นโดย คุณจูนจูน-พัชชา อย่าง The S10 Shake (340 บาท) แก้วนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากหนังเรื่อง Pulp Fiction ฉากนางเอกสั่งมิลค์เชคที่บาร์ คุณจูนจูนจึงมีไอเดียแบบนั้น จึงอยากให้มีมิลค์เชคที่บาร์บ้าง แต่จะผสมเหล้านิดหน่อย ไม่แรงมาก โดยมีส่วนผสมของ Gin กับ Peachschnapp และเพื่อรสชาติที่ละมุนจึงใส่ Heavy Cream และไข่ขาวลงไปด้วย แล้วเพิ่มกลิ่นหอมด้วย Osmanthus Syrup พร้อมตัดรสชาติด้วยน้ำมะนาว น้ำเลมอน และใส่โซดาเพิ่มความสดชื่น มีความเปรี้ยวอมหวาน แก้วนี้จึงขายดีเป็นพิเศษในกลุ่มสาว ๆ

 

The S10 Shake (340 บาท)

Info
Hours
Open : 5PM - 1AM
Thu : 5PM - 1AM
Fri : 5PM - 1AM
Sat : 5PM - 1AM
Sun : 5PM - 1AM
Mon : Closed
Tue : 5PM - 1AM
Wed : 5PM - 1AM
Price

฿฿฿ 301-500 บาทต่อคน

Address
3/7, 8, 9 ชั้น 5 ซอยสุขุมวิท 24 เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร
Map
Mass Transit

BTS พร้อมพงษ์

Suggest an Edit