Published on May 22, 2025

A Dining Experience of Contemporary Cuisine

ชวนสัมผัสโมเมนต์ทานอาหารมื้อพิเศษในบรรยากาศแสนอบอุ่นและเป็นส่วนตัว ให้คุณได้รู้สึกถึงความผ่อนคลายระหว่างการ Dining ที่ร้าน WOODs ร้านอาหารสไตล์ Casual Fine Dining สุดไพรเวทใจกลางซอยทองหล่อ 25 ที่พร้อมมอบประสบการณ์ความอร่อยครั้งใหม่ให้เหล่านักชิมผู้มาเยือนได้ลิ้มลองหลากหลายเมนูอาหารในแบบฉบับ Contemporary Cuisine ที่ไม่จำกัดนิยาม จำกัดสัญชาติใดเป็นพิเศษ แต่พร้อมเสิร์ฟแพสชั่นและความครีเอทีฟผ่านเมนูอาหารที่มีการผสมผสานกรรมวิธีทำจากหลากหลายสัญชาติเข้าไว้ด้วยกัน ซึ่งเป็นการมิกซ์ส่วนผสม ครีเอตรสชาติใหม่ที่ได้ความอร่อยลงตัวและมีความร่วมสมัยมากยิ่งขึ้น

 

บรรยากาศโซนเคาน์เตอร์ที่เผยให้เห็นเบื้องหลังการครีเอตเมนูต่าง ๆ ของทีมเชฟอย่างใกล้ชิด

ภายใต้การดูแลของคุณปั้น-ณภัทร มธุรันยานนท์และคุณเติ้ง-ชรัช นุกรณ์นวรัตน์’ 2 เชฟเจ้าของร้าน ผู้มากด้วยประสบการณ์การทำอาหาร คร่ำหวอดในวงการร้านอาหาร Fine Dining มาเป็นเวลานาน จนกระทั่งเกิดไอเดียเปิดร้านอาหารสไตล์ใหม่ที่มีความคาบเกี่ยวกันระหว่างความเป็น A La Carte และ Fine Dining โดยการให้บริการของที่นี่ได้ถอดแบบความเป็น Fine Dining ที่มีความพรีเมียมและพิถีพิถันเป็นพิเศษ พร้อมสร้างความต่างด้วย Option หมวดเมนูอาหารให้คนที่เข้ามาทานได้เลือกเมนูที่ต้องการในแบบฉบับ A La Carte ไปพร้อม กัน 

 

'เชฟเติ้ง-ชรัช นุกรณ์นวรัตน์' (ซ้าย) และ 'เชฟปั้น-ณภัทร มธุรันยานนท์' (ขวา)

WOODs Make Mood

ธีมหลักของทางร้านจะเหมือนเป็นการนั่งรับประทานอาหารในบ้านเพื่อน เคล้ามู้ดของความโรแมนติกด้วยนิดหน่อย  โดยจะแบ่งสเปซออกเป็น 2 แบบ คือ โซนนั่งรับประทานอาหารที่มอบความไพรเวท ท่ามกลางแสงไฟสลัว ๆ สุด Cozy และโซนเคาน์เตอร์เชฟที่คุณจะได้ใกล้ชิดกับทีมพาร์ทเนอร์เชฟที่มาร่วมรังสรรค์ความอร่อย ได้ฟีลของการมาเฝ้าดูเพื่อนทำอาหารให้เรารับประทาน

 

บรรยากาศการตกแต่งร้านในมู้ดโทนอบอุ่น ผ่อนคลาย สบายตา

 

หนึ่งในโซนนั่งรับประทานอาหารในบรรยากาศสุดส่วนตัว

และนี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ทางร้านเลือกตั้งชื่อว่า ‘WOODs’ เพราะต้องการให้ธีมบรรยากาศร้านเป็นสีของไม้ เพื่อมู้ดโดยรวมของร้านจะได้มีทั้งความโรแมนติกนิด Cozy หน่อย พ่วงด้วยความเป็นส่วนตัว เพื่อให้พื้นที่นี้เป็น Dinning Space และ Safe Space ความรู้สึกที่อบอุ่นผ่อนคลาย สบาย และเป็นกันเอง

อีกหนึ่งเหตุผลลับของการตั้งชื่อร้าน WOODs ด้วยความที่เชฟปั้นนั้นมีความชื่นชอบนักกอล์ฟชื่อดังอย่างคุณไทเกอร์ วู้ด เป็นพิเศษ จึงเลือกนำชื่อของนักกอล์ฟคนโปรดมาใช้เป็นชื่อร้านที่อ่านออกเสียงพ้องกันว่า WOODs ไปด้วยเสียเลย !
 

โทนแสงไฟสลัว ๆ ที่เพิ่มมู้ดของความโรแมนติกให้กับบรรยากาศการ Dining

 

หลากหลายโซนนั่งรับประทานอาหารในบรรยากาศแสนอบอุ่น

An Unforgettable Meals

ด้านอาหาร ทางร้านมีการผสมผสานอาหารหลากหลายสัญชาติเข้าไว้ด้วยกัน ซึ่งเป็นวิธีการมิกซ์รสชาติใหม่ที่ได้ความอร่อยลงตัว โดยทางร้านจะเปลี่ยนเมนูใหม่ในทุก ๆ 3 เดือน แต่ในการปรับเปลี่ยนเมนูใหม่ในแต่ละครั้งจะยังคงเมนูเก่าที่เป็น Best Seller ของทางร้านเอาไว้เช่นเดิม เพิ่มเติมเมนูใหม่ให้ได้ลองสั่งมารับประทานกัน 


วัตถุดิบส่วนใหญ่ที่เลือกมารังสรรค์ความอร่อยจะยึดตามฤดูกาล (Seasonal) ที่มีความสดใหม่เป็นหลัก โดยมีทั้งวัตถุดิบที่นำเข้าจากต่างประเทศและวัตถุดิบภายในประเทศควบคู่กัน ตามคุณภาพและความเหมาะสมกับเมนูนั้น ๆ ซึ่งในปัจจุบัน เมนูจานหลักหมวด Mains ทางร้านจะเลือกใช้เป็นวัตถุดิบภายในประเทศไทยทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น Braised Short Ribs เนื้อไทยวากิวจากเขาใหญ่ที่ทางร้านติดต่อสั่งซื้อผ่าน Supplier เจ้าใหญ่ คัดสรรคุณภาพ, เนื้อเป็ดที่ส่งตรงจากเขาใหญ่อีกเช่นกัน ตามด้วยเนื้อปลาจากฝั่งทะเลอันดามัน โดยการเลือกใช้วัตถุดิบจะขึ้นอยู่กับว่าช่วงนั้นจะมีปลาชนิดใดที่เหมาะแก่การนำมารังสรรค์เป็นเมนูที่ทางร้านคิดไว้ 

ด้านเครื่องดื่มที่สามารถเลือกสั่งมาดื่มระหว่างรับประทานมื้อค่ำ มีทั้งหมวด Soft Drinks, Sparkling Wine / Red Wine / White Wine (โดยเลือกสั่งได้ทั้งแบบขวดและแบบแก้ว) เรื่อยไปจนถึงชาและกาแฟที่ออเดอร์ได้ตามต้องการ
 

เบื้องหลังการรังสรรค์ความอร่อยของ 'เชฟปั้น-ณภัทร มธุรันยานนท์'

ส่วนการเสิร์ฟคอร์สอาหารของทางร้านจะมีการเรียงลำดับไว้ตามหมวดหมู่ โดยไม่ได้ฟิกซ์คอร์ส ซึ่งลูกค้าที่มาทานสามารถเลือกเองได้เลยว่าแต่ละหมวดอยากรับประทานเป็นเมนูอะไรบ้าง แบ่งออกเป็น Snacks, Starters, Mains และ Desserts ซึ่งทางร้านจะค่อย ๆ ทยอยเสิร์ฟตามลำดับในแต่ละหมวดหมู่ การมาเยือนร้าน WOODs ในครั้งนี้ ทางร้านก็ได้เริ่มต้นเสิร์ฟความอร่อยกันที่หมวด Snacks ด้วยเมนู Truffle Toast (2 ชิ้น ราคา 480 บาท) ขนมปังบริยอชที่นำไปเซียร์กับเนย วางสลับชั้นด้วยชีสมาสคาโปเน่ทรัฟเฟิลและทรัฟเฟิลสไลซ์ 


Tartare Toast (2 ชิ้น ราคา 480 บาท) ขนมปังบริยอชที่นำไปเซียร์กับเนย ตามมาด้วยส่วนผสมของมายองเนส เป็นเมนูทาร์ทาร์แบบคลาสสิกที่ประกอบด้วยมาสตาร์ด เปลือกเลมอน ลูกเคเปอร์ดอง และใบไทม์ ตักทานพร้อมกันได้รสชาติสดชื่น เรียกน้ำย่อยก่อนเริ่มอาหารจานหลักได้เป็นอย่างดี

 

Truffle Toast (2 ชิ้น ราคา 480 บาท) และ Tartare Toast (2 ชิ้น ราคา 480 บาท)

Duck Croquette (320 บาท) คร็อกเกต (มันฝรั่งทอดสอดไส้เนื้อเป็ด) ที่ตัวซอสทั้งด้านบนและด้านล่างทางร้านเลือกใช้เป็นซอสปาปริก้ารมควัน (Paprika Aioli) ในส่วนของเนื้อเป็ด ทางร้านจะนำไปตุ๋นหรือผ่านกรรมวิธีกงฟีต์ แล้วนำมาผสมกับ Bechamel แป้งเบสของฝรั่งเศสที่นำไปคลุกกับเนย ซึ่งด้านในสุดของตัวสแน็คจะเป็นชีสมอสซาเรลล่า ท็อปด้วยเนื้อองุ่นที่ผ่านการนำไปดองจนได้รสเปรี้ยวอมหวานเข้มข้น ตัดความเลี่ยน เสิร์ฟทานตอนร้อน จะให้เท็กซ์เจอร์ที่นุ่มหนึบ พร้อมชีสยืด ที่ให้รสชาติที่กลมกล่อม เข้ากันกับทุกส่วนผสมแบบลงตัว

 

Duck Croquette (320 บาท)

ถัดจากหมวด Snacks ทางร้านก็เสิร์ฟความอิ่มท้องต่อเนื่องด้วยหมวด Starters แนะนำให้ลองสั่ง Foie Gras and Bell Pepper (790 บาท) ฟัวกราส์นุ่มละมุนลิ้น โดยภายในจานจะประกอบด้วย แยมพริกหวาน (Bell Pepper Jam) ที่ผ่านการนำไปเคี่ยวจนได้รสชาติที่หอมหวาน, อัลมอนด์บด (Almond Puree), พริกแห้งที่นำไปคอมโพชกับบรั่นดีเลมอน และซอสคาราเมลสไตล์ฝรั่งเศส (Gastrique) แนะนำให้นำแต่ละส่วนผสมมาทานพร้อมกันจะได้รสชาติที่เข้ากันเป็นอย่างดี 

 

Foie Gras and Bell Pepper (790 บาท)

หรือจะเป็น Brioche and Butter (350 บาท) ขนมปังบริยอชอบสดใหม่ที่ทางร้านทำเอง เสิร์ฟมาให้รับประทานคู่กับเนยประจำวันที่จะเปลี่ยนไปในทุก สัปดาห์ สำหรับครั้งนี้จะเป็นการเสิร์ฟด้วยเนย Burnt Leaf ที่ให้กลิ่นหอมไหม้และรสคล้ายถั่วคั่วแนว Earthy หน่อย ส่วนอีกหนึ่งรสชาติจะเป็นเนยมะม่วง (Mango Butter) ที่ทางร้านเลือกใช้วัตถุดิบจากฟาร์มของเชฟปั้น เรียกว่าเป็นการครีเอตความอร่อยที่แปลกใหม่และได้รสชาติที่เข้ากันดีกับเนื้อสัมผัสนุ่ม ของขนมปังบริยอชโฮมเมดได้ดีทีเดียว

 

Brioche and Butter (350 บาท)

หากใครที่ชอบทานผัก ขอแนะนำ Baby Carrot and Blue Cheese (310 บาท) เบบี้แครอทที่นำไปเซียร์และราดด้วยน้ำผึ้งผสมพริก ตัวซอสที่ใช้ปรุงสำหรับเมนูนี้จะประกอบด้วยซอสซัลซ่าเวอร์เด้ (ซอสเขียวที่มีส่วนผสมของใบแครอท ต้นหอม และผักชี ผัดเข้ากับน้ำมันและน้ำส้มสายชู ตามสไตล์อาหารตะวันตกของชาวเม็กซิกัน) และบลูชีสที่ให้กลิ่นอ่อน พร้อมท็อปด้วยใบพาสลีย์ ได้รสชาติเปรี้ยวอมหวานที่เข้ากับรสสัมผัสของเบบี้แครอทที่หวานกรอบอย่างลงตัว

 

Baby Carrot and Blue Cheese (310 บาท)

มาถึงอาหารจานหลักหรือหมวด Mains กันบ้าง ทางร้านก็มีหลากหลายเมนูเด็ดให้เลือกสรร ไม่ว่าจะเป็น Duck, Cherry and Pate (950 บาท) เมนูเป็ดดรายเอจย่างที่มีส่วนประกอบต่าง ภายในจานที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นไวน์แดง เครื่องเทศ การหยดเจลไวน์แดงลงไปบนจาน ผลเชอร์รีสด ฟัวกราส์หรือตับบดที่ปาดลงบนขนมปังบริยอชพร้อมด้วยซอสเชอร์รี  ในส่วนของวัตถุดิบหลักจะใช้เนื้อเป็ดจากฟาร์มเขาใหญ่ ผ่านการดรายเอจประมาณ 7-10 วัน พร้อมด้วยน้ำสต๊อกเป็ดเข้มข้น ให้เนื้อสัมผัสของเป็ดที่นุ่มชุ่มฉ่ำไปด้วยซอส ผสานความอร่อยในแบบรสชาติเข้มข้นกลมกล่อม

 

Duck, Cherry and Pate (950 บาท)

ท้าชิงความอร่อยแบบเอาใจสายเนื้อด้วยเมนู Ponzu Short Ribs (1,150 บาท) เมนูเนื้อส่วนซี่โครงที่เสิร์ฟมากับรีซอตโต้เนยที่เบสรสชาติด้วยเนยและชีสพาร์เมซาน ซึ่งส่วนเนื้อจะนำไปตุ๋นกับไวน์แดง ก่อนนำเข้าไปอบอีกครั้งเพื่อให้ได้เนื้อสัมผัสนุ่ม ก่อนจัดจานมากับสารพัดผักที่นำไปเผามาให้รับประทานด้วยกัน พร้อมราดด้วยซอสพอนและยูซุรสสัมผัสหอมสดชื่นที่มาช่วยตัดเลี่ยนได้ดี

 

Ponzu Short Ribs (1,150 บาท)

ส่วนจานปลาต้องลองสั่ง Fish and Truffle (850 บาท) ปลาตาเดียวที่นำไปเซียร์และเบสรสชาติด้วยเนยคนละด้าน ในจานจะเสิร์ฟมาพร้อมกับซอส 3 ชนิด ได้แก่ ซอสไก่เข้มข้น, น้ำสต๊อกปลาเข้มข้น, ดอกกะหล่ำบด (Cauliflower Puree), ทรัฟเฟิลบด (Truffle Puree) ที่ผสมเข้ากับน้ำส้มสายชูซึ่งช่วยตัดรสเลี่ยน และเจลต้นหอม ตามด้วยเครื่องเคียงอย่างลูกชิ้นปลาโฮมเมดสไตล์ฝรั่งเศสที่นำเนื้อปลาไปปั่นกับครีม พร้อมโรยหน้าด้วยแบล็กทรัฟเฟิล เป็นการเบลนด์ส่วนผสมที่ได้รสสัมผัสหลากมิติ

 

Fish and Truffle (850 บาท)

หลังจากอิ่มอร่อยแบบจัดเต็มกันไปแล้ว ห้ามพลาดหมวด Desserts กับเมนูของหวานน่าลองอย่าง Chocolate, Yuzu and Coconut (420 บาท) เค้กช็อกโกแลตที่ท็อปด้วยไอศกรีมกะทิ ตามด้วยหลากหลายเครื่องเคียงให้ตักทานด้วยกัน ทั้งโกโก้นิบส์ เมล็ดโกโก้กรุบกรอบ กานาชรสยูซุ-ช็อกโกแลต ยูซุเจล และเปลือกเลมอน เป็น Combination ส่วนผสมที่แปลกใหม่ แต่ได้รสชาติที่เข้ากันดี ปิดท้ายมื้อค่ำนี้ได้อย่างสมบูรณ์

 

Chocolate, Yuzu and Coconut (420 บาท)

Must Read!
  • ทางร้านพร้อมต้อนรับผู้มาใช้บริการแบบ Walk-in หากแต่แนะนำให้สำรองที่นั่งล่วงหน้า เพื่ออำนวยความสะดวกด้านโซนนั่งที่ให้ความไพรเวทได้มากกว่า (สามารถจอดรถได้ที่ The Sky Residence Thonglor 25)
Info
Hours
Open : 5:30PM - 11PM
Fri : 5:30PM - 11PM
Sat : 5:30PM - 11PM
Sun : 5:30PM - 11PM
Mon : Closed
Tue : Closed
Wed : 5:30PM - 11PM
Thu : 5:30PM - 11PM
Price

฿฿฿฿฿฿ มากกว่า 2,000 บาทต่อคน

Address
39, 39/102-103 ซอยทองหล่อ 25 เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร
Map
Getting There

จาก BTS สถานีทองหล่อ แนะนำให้นั่งมอเตอร์ไซค์ไปต่อยังที่ร้าน

Mass Transit

BTS ทองหล่อ

Facilities
Suggest an Edit