Published on February 26, 2025

Thailand's First Seafood & Sake Bar

ชวนเหล่าผองเพื่อนสายอีส สายดริงก์ มาแฮงเอาต์แบบจอย ๆ ฉลองมื้อดินเนอร์อร่อย ๆ กันที่ Lawoi' - ละโวยจ บาร์สาเกเปิดใหม่ที่ตั้งอยู่ภายในโครงการ Velaa Sindhorn Village ย่านหลังสวน โดยนับเป็นครั้งแรกในไทยที่เลือกจับคู่ความอร่อยระหว่างเครื่องดื่มสาเกกับสารพัดเมนูซีฟู้ดสุดครีเอต ซึ่งแต่ละเมนูล้วนคัดสรรวัตถุดิบส่งตรงจากชาวประมงท้องถิ่น พร้อมเสิร์ฟความอร่อยฟินในบรรยากาศของอิซากายะสไตล์ไทยสุดสนุก

 

บริเวณหน้าทางเข้าร้านละโวยจ

The Fisherman Cave

สำหรับไอเดียของการตั้งชื่อร้าน คำว่า 'ละโวยจ' ซึ่งรากศัพท์มาจากคำว่า 'อุรักลาโวยจ' มีความหมายคือ 'คนแห่งท้องทะเล' โดยคอนเซ็ปต์ของร้านไม่ได้สื่อความหมายถึงเพียงแค่บุคคลเท่านั้น แต่ยังหมายรวมถึงวิถีชีวิตของชาวประมงท้องถิ่นที่พึ่งพาทะเลในการดำเนินชีวิตด้วย บรรยากาศภายในร้านจึงถูกออกแบบและตกแต่งให้ดูเสมือนเป็น 'ถ้ำชาวประมง (Fisherman Cave)' ธีมสีฟ้าน้ำทะเล ผสมผสานเข้ากับงานไม้ งานหัตถกรรมต่าง ๆ ที่บ่งบอกถึงความเป็นท้องถิ่น พร้อมเพิ่มสีสันด้วยการใช้ไฟ LED ติดที่บริเวณผนังร้าน สลับกับมู้ดไฟสลัว ๆ เพื่อสร้างบรรยากาศที่ทั้งอบอุ่นและสนุกสนานในคราวเดียว

 

หลากหลายโซนนั่งรับประทานอาหารภายในร้าน

 

ตกแต่งร้านในธีมสีฟ้าน้ำทะเล เพื่อให้สอดคล้องกับคอนเซ็ปต์ The Fisherman Cave

ภายในร้านมีหลากหลายโซนนั่งกิน-ดื่ม ให้เลือกสังสรรค์ ไม่ว่าจะมากันเป็นคู่หรือหมู่คณะ ที่นี่ก็พร้อมต้อนรับ ทั้งโซนเคาน์เตอร์บาร์ โซนไพรเวทที่ให้ความเป็นส่วนตัว และโซน Long Table ให้ได้เอ็นจอยมื้ออาหารกันแบบยาว ๆ 

 

บรรยากาศทั่วไปภายในร้าน

Local Seafood from the Local Fisherman

ตามอย่างที่เกริ่นมาแล้วข้างต้นว่าคอนเซ็ปต์ร้านเป็นการจับคู่ความอร่อยระหว่าง 'ทะเลกับสาเก' เพราะฉะนั้นทางร้านจึงเลือกนำเสนอเมนูอาหารที่สะท้อนรสชาติที่แท้จริงของทะเลเป็นหลัก โดยเน้นเสิร์ฟอาหารทะเลท้องถิ่น ใช้วัตถุดิบที่สดใหม่จากแหล่งชุมชนประมง ซึ่งส่งตรงถึงร้านทุกวัน (เมนูต่าง ๆ ของทางร้านจะมีการปรับเปลี่ยนไปตามวัตถุดิบที่หาได้ในแต่ละวัน สามารถอัพเดทลิสต์เมนูประจำวันได้จากเพจของทางร้าน) ผ่านการรังสรรค์ความอร่อยโดยอดีต Sous Chef ร้าน Ledu และ Head Chef ร้าน Niras (Hong Kong) ด้วยความตั้งใจอันดีที่ต้องการยกระดับอาหารทะเลท้องถิ่น ปรุงอย่างพิถีพิถันด้วยเทคนิคใหม่ทั้งแบบดั้งเดิม (เช่น การใช้เตาถ่านบินโจตันผสมไม้ลำไย คุมไฟหลายระดับ ให้ได้กลิ่นหอมควันชวนรับประทาน) และสมัยใหม่ (เช่น การดรายเอจ เพื่อให้ตัววัตถุดิบซีฟู้ดได้รสชาติที่เข้มข้น) เพื่อชูรสชาติ ให้ทุกเมนูที่เสิร์ฟแฝงไว้ด้วยกลิ่นอายของท้องทะเลอย่างแท้จริง

 

เบื้องหลังการรังสรรค์ความอร่อย ผ่านกรรมวิธีการย่างโดยใช้เตาถ่านบินโจตันผสมไม้ลำไย

 

กรรมวิธีดรายเอจ

การแวะมาเปิดประสบการณ์ความอร่อยครั้งใหม่ ฟีลอิซากายะสไตล์ไทย จะเห็นได้ว่าคุณภาพและรสชาติที่ได้รับนั้นไม่แพ้วัตถุดิบนำเข้าจากต่างประเทศเลยทีเดียว เมนูอาหารในแต่ละจานให้รสชาติที่จัดจ้าน ถูกปากคนไทย และเหมาะแก่การแพริ่งกับสาเกญี่ปุ่นอย่างมาก ซึ่งที่ร้านมีสาเกญี่ปุ่นให้เลือกหลากหลายแบบตามความชอบส่วนบุคคล

สำหรับครั้งนี้ทางร้านได้ลองคัดเลือกหลากหลายจานเด็ดแนะนำมาให้ลิ้มลอง ประเดิมจานแรกกันด้วย Pate on Toast (550 บาท) หรือ Fish On Toast โทสต์ตับปลาและเนื้อปลาไทยดิบตามฤดูกาลที่นำมาปรุงรสด้วยสูตรเฉพาะ แล้วท็อปลงบนขนมปังโทสต์เนยกระเทียมหอม ๆ เป็นเมนูเรียกน้ำย่อยที่ช่วยเปิดต่อมรับรสได้เป็นอย่างดี



 

Pate on Toast (550 บาท)

ตามมาด้วย Grilled Tentacles (380 บาท) หนวดปลาหมึกย่างชิ้นโต เนื้อนุ่มหนึบหนับ ชุ่มฉ่ำไปด้วยซอสสูตรเฉพาะรสเข้มข้น เสิร์ฟมาให้รับประทานคู่กับน้ำจิ้มซีฟู้ดรสเด็ด วิธีการรับประทานสามารถทานได้ทั้งแบบไม่ราดน้ำจิ้ม แบบราดส้มจี๊ด และแบบราดน้ำจิ้มซีฟู้ด แต่ไม่ว่าจะเลือกลิ้มลองแบบไหนก็ถูกปากทั้งนั้น

 

Grilled Tentacles (380 บาท)

ส่วนใครที่เป็นพาสต้าเลิฟเวอรร์และชอบรับประทานหอย ต้องลอง Fettuccine Vongole (880 บาท) พาสต้าเส้นเฟตตูชินีวองโกเร่หอยลาย ที่ทางร้านเลือกใช้หอยลายไทยไซส์จัมโบ้ นำมาผัดเข้ากับซอสมะเขือเทศ กระเทียม และใบพาร์สลีย์ จนได้รสชาติที่กลมกล่อมลงตัว

 

Fettuccine Vongole (880 บาท)

หรือจะเป็นอีกหนึ่งเมนูหอยจานอร่อยอย่าง Stir Fried Clams with Yellow Chili Ceylon Spinach (880 บาท) หอยลายผัดพริกเหลืองดอกปลัง โดยจานนี้เชฟได้คัดเลือกเฉพาะหอยลายตัวใหญ่นำมาผัดกับไวน์ขาว พริกเหลือง และผักปลัง ตามสูตรเฉพาะของทางร้าน พร้อมเพิ่มรสเข้มข้นด้วยแหนม เป็นการผสานความอร่อยที่แปลกใหม่ แต่ได้รสชาติที่เข้ากันอย่างไม่น่าเชื่อ 

 

Stir Fried Clams with Yellow Chili Ceylon Spinach (880 บาท)

ถัดมาที่จานปลากันบ้างกับเมนู Pan Fried Sand Whiting Fish with Garlic & Herb Butter (650 บาท) ปลาทรายขาวทอดเนยสมุนไพรและกระเทียมไทย ทอดจนได้ระดับความสุกกรอบ สีเหลืองนวล มีรสเค็มกำลังดี สามารถรับประทานได้ทั้งตัว แล้วปิดท้ายกันด้วยเมนูไฮไลต์จานใหญ่อย่าง Grilled Sea Bass Fish (Half) with Butter Lemon Sauce (1,880 บาท) ปลากะพงเพลิงย่าง โดยทางร้านนำปลากะพงหินตัวใหญ่จากจังหวัดปัตตานีไปย่างซอสเนยเลมอน ซึ่งผ่านการดรายเอจเพื่อให้ได้เนื้อสัมผัสที่นุ่มหนึบและรสเข้มข้นมากขึ้น เสิร์ฟมาในลักษณะการจัดเรียงชิ้นปลาสวยงามตามสรีระของปลา เป็นการส่งท้ายมื้อดินเนอร์นี้ได้อย่างน่าประทับใจ

 

Pan Fried Sand Whiting Fish with Garlic & Herb Butter (650 บาท)

 

Grilled Sea Bass Fish (Half) with Butter Lemon Sauce (1,880 บาท)

Must Read!
  • เนื้องจากทางร้านมีการคัดสรรวัตถุดิบอาหารทะเลแบบสดใหม่วันต่อวัน จึงขอแนะนำให้จองวัตุดิบหรือสั่งเมนูล่วงหน้าก่อนเข้ามารับประทานที่ร้านทุกครั้ง โดยสามารถอัพเดทข้อมูลได้จากเพจของทางร้านโดยตรง
Info
Hours
Open : 5PM - 11PM
Mon : 5PM - 11PM
Tue : Closed
Wed : 5PM - 11PM
Thu : 5PM - 11PM
Fri : 5PM - 11PM
Sat : 5PM - 11PM
Sun : 5PM - 11PM
Address
ชั้น B1, Velaa Sindhorn Langsuan ถนนหลังสวน เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร
Map
Getting There

สามารถเดินทางต่อไปที่ร้านด้วยมอเตอร์ไซค์รับจ้าง

Mass Transit

BTS ชิดลม

Facilities
Suggest an Edit