The Dining Experience of Japanized Western Yoshoku
เปิดประสบการณ์ Dining ไวป์ดีในย่านสีลมที่ ‘ROUX’S’ ร้าน Casual-dining บนถนนคอนแวนต์ กับนิยามความอร่อยแปลกใหม่ในสไตล์ Japanized Western Yoshoku ที่ผสมผสานวัฒนธรรมอาหารตะวันตกและญี่ปุ่นเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว
จากความหลงใหลในวัฒนธรรมอาหารญี่ปุ่นของ ‘เชฟไอซ์-ณัฐพล’ Owner-chef หนุ่มมากประสบการณ์ด้านอาหาร ผู้นำทีมรังสรรค์ความอร่อยและเป็นเจ้าของร้านอาหารแห่งนี้ รวมถึงมองเห็นความโดดเด่นในเรื่องของวัตถุดิบที่สดใหม่ บวกกับกรรมวิธีทำสุดพิถีพิถันของ ‘โยโชกุ (Yōshoku)’ หรืออาหารประเภทหนึ่งซึ่งมักเห็นกันบ่อยในประเทศญี่ปุ่น โดยเป็นการเสิร์ฟอาหารตะวันตกที่คนญี่ปุ่นนำมาปรับให้เข้ากับรสชาติของตนเอง จึงนำมาสู่การยกระดับอาหารสไตล์นี้มากขึ้นอีกขั้น พร้อมใส่ความเป็นตะวันตกเข้าไปอีกนิด ใส่ความเป็น Authentic ของฝั่งตะวันตกเข้าไปอีกหน่อย จนกลายมาเป็นร้าน ROUX’S กับการพรีเซนต์ความอร่อยของอาหารตะวันตกที่สอดแทรกด้วยกลิ่นอายของความเป็นญี่ปุ่นไว้ในทุก ๆ เมนู
ชื่อ ‘ROUX’ (อ่านว่า รูส์) ในภาษาฝรั่งเศส หมายถึง เบสซอสที่ทำจากแป้งกับไขมัน สื่อถึงกรรมวิธีทำอาหารในสไตล์ตะวันตก ซึ่งทางร้านนำมาใช้ในการสร้างสรรค์เมนูต่าง ๆ พร้อมนำเสนอออกมาในแบบฉบับ Japanized Western Yoshoku
A Various Ambience for Dinner
ไม่เพียงแต่คอนเซ็ปต์อาหารที่มีความแปลกใหม่ไม่เหมือนใคร ด้านบรรยากาศและการตกแต่งภายในร้านยังออกแบบมาได้อย่างสวยงามลงตัว ทั้งเฟอร์นิเจอร์ โทนสี และแสงไฟสลัว ๆ ในมู้ดที่อบอุ่น เหมาะแก่การมา Dining กับคนพิเศษ
ภายในร้านมีหลากหลายโซนนั่งให้เลือกใช้บริการ ตั้งแต่ชั้น 1-3 โดยบริเวณชั้น 1 และชั้น 2 จะเป็นโซน Dining เหมาะกับการมาเดทท่ามกลางบรรยากาศสบาย ๆ ส่วนชั้น 3 จะเป็นโซนที่รองรับการให้บริการทั้งแบบ Dining และ Private Party (สามารถจัดงานปาร์ตี้แบบเป็นส่วนตัวที่รองรับได้สูงสุดจำนวน 30 คน) สามารถปรับฟังก์ชันให้เป็นห้องประชุม ห้องจัดงานแต่งงาน หรือจัดดนตรีสดได้แบบอเนกประสงค์ตามความต้องการที่หลากหลาย
Where East Meets West on Your Plate
ตามที่เกริ่นไปแล้วข้างต้นว่าร้านอาหารแห่งนี้ มาพร้อมคอนเซ็ปต์การรังสรรค์ความอร่อยโดยนำเอาวัฒนธรรมอาหารญี่ปุ่นมาผสมผสานกับเทคนิคการทำอาหารแบบตะวันตก ครีเอตเป็น Original Recipe ที่สอดแทรกกลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่นไว้ในทุก ๆ เมนู พร้อมแบ่งลิสต์เมนูอาหารออกเป็นหลายหมวดหมู่ อาทิ Pasta, Sashimi, Salad, Bites, Sea, Land, Cheese และ Dessert เป็นต้น ทั้งนี้ยังสามารถแพริ่งความอร่อยควบคู่กับการเสิร์ฟอาหารด้วยเครื่องดื่ม Wine List คุณภาพ เพื่อให้ได้เอ็นจอยกับการดินเนอร์อย่างเต็มที่
สำหรับครั้งนี้ทางร้านเลือกเสิร์ฟความอร่อยเรียกน้ำย่อยกันด้วยหมวด Bites กับเมนู Escargot (360 บาท / 2 ชิ้น) โดยเมนูนี้เชฟได้แรงบันดาลใจมาจาก Escargot หรือเมนูหอยทากสุดคลาสสิกที่หลายคนอาจคุ้นเคย ก่อนที่จะปรับวัตถุดิบและส่วนผสมมาใช้ Cafe de Paris Butter อบคู่กับหอย Subukai หรือ Tsubugai ซึ่งเป็นหอยสังข์ญี่ปุ่น วัตถุดิบยอดนิยมของวงการอาหารญี่ปุ่น ให้เนื้อสัมผัสที่กรุบกรอบและรสชาติหวานเล็กน้อย เป็นการครีเอตเมนู Escargot ที่ทั้งอร่อยและสร้างความแปลกใหม่ไปพร้อม ๆ กัน
ตามมาด้วยอีกหนึ่งจานน่าลองของหมวด Bites อย่างเมนู Prosciutto Korokke (280 บาท / 2 ชิ้น) เมนูโครเกต์ (Croquette) ที่ทำจากพาร์มาแฮม พร้อมการสร้างสรรค์ความอร่อยในสไตล์ญี่ปุ่นที่ผสมเข้ากับความเป็นโครเกต์แท้ของทางฝรั่งเศส ออกมาเป็นโครเกต์ที่ให้ความครีมมี่และกลิ่นมันฝรั่งหอม ๆ
ถัดมากันที่หมวด Pasta ซึ่งโดดเด่นไม่แพ้หมวดอื่น ๆ เพราะทางร้านนั้นทำเส้นพาสต้าเอง (Homemade Pasta) แบบสดใหม่ทุกจาน แนะนำเมนู Kaizen Riso (750 บาท) พาสต้าเม็ดข้าวกับการรวมวัตถุดิบซีฟู้ดไว้ในจานเดียว มาพร้อมความโดดเด่นด้านวัตถุดิบที่นำคำว่า ‘Kaizen’ (ข้าวหน้าปลาดิบรวมสไตล์ญี่ปุ่น) มาผสมเข้ากับคำว่า ‘Riso’ พาสต้าชนิดหนึ่งที่มีลักษณะเหมือนเม็ดข้าวมาใช้เป็นเบสหลักของจานนี้ ตัดรสเปรี้ยวนิด ๆ ด้วยส่วนผสมของไวน์ขาวและซอสทาบาสโก้ ซึ่งเข้ากันกับหลากหลายวัตถุดิบซีฟู้ดที่เสิร์ฟท็อปหน้าพาสต้ามาแบบเน้น ๆ สอดคล้องกับชื่อเมนู Kaizen Riso ซึ่งมีกลิ่นอายของความเป็นอาหารญี่ปุ่น ในหนึ่งจานจะได้รับประทานซีฟู้ดหลาย ๆ อย่าง เหมือนเป็น Seafood On Rice จานไฮไลท์ที่มาแล้วต้องลอง !
จัดเต็มความอร่อยอย่างต่อเนื่องกันด้วยหมวด Sea ที่เลือกใช้วัตถุดิบซีฟู้ดเป็นหลัก ในหมวดนี้ขอแนะนำเมนู Catch of the Day (ราคาตามวัตถุดิบประจำวัน) เมนูพิเศษที่ทางร้านเลือกใช้วัตถุดิบตามที่มีในประจำวัน ซึ่งแต่ละวันจะเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ตามวัตถุดิบคุณภาพที่มี ครั้งนี้เสิร์ฟเป็นเมนู ‘พาสต้า (เส้นสด) กุ้งแม่น้ำ’ โดยวัตถุดิบไฮไลท์คือ ‘กุ้งแม่น้ำ’ ตามธรรมชาติ มีความเป็น Excotic ที่ให้ทั้งความคลีนและกลิ่นหอมชวนรับประทาน เพื่อเป็นการมอบความพิเศษให้กับลูกค้าที่มาดินเนอร์ในวันนั้น ๆ โดยเฉพาะ
หรือจะเป็น Grouper Wellington (620 บาท) เมนูเวลลิงตันสุดสร้างสรรค์ที่ตามปกติแล้วจะใช้วัตถุดิบเป็นสเต๊กเนื้อเทนเดอร์ลอยน์ แต่ทางร้านได้เลือกนำเนื้อปลาเก๋ามาเป็นวัตุดิบหลักสำหรับสอดไส้แป้ง พร้อมปรับส่วนผสมเล็กน้อยจากผักบดมาเป็นผักเคลและมูสเห็ด เพื่อเสริมความชุ่มฉ่ำให้กับเท็กซ์เจอร์ของเนื้อปลาเก๋ามากขึ้น พร้อมซอสที่ทำจาก ‘ดาชิ’ ให้ได้สัมผัสถึงกลิ่นอายความเป็นอาหารญี่ปุ่น
ปิดท้ายการดินเนอร์มื้อพิเศษนี้กันด้วย หมวด Dessert กับเมนู Tiramiso (220 บาท) สำหรับเมนูนี้ทางร้านตั้งใจใช้ชื่อว่า ‘ทีรามิโสะ’ เพราะใส่ส่วนผสมของมิโสะเข้าไปด้วย ซึ่งโดยปกติแล้วทีรามิสุจะใช้เกลือเพื่อดึงรสชาติของตัวขนมหวานให้ชัดขึ้น ซึ่งทางร้านได้ปรับมาใช้เป็นมิโสะแทนเกลือ รวมถึงการเลือกใช้ผงมัทฉะโรยหน้าขนม เพื่อเสริมกิมมิกให้ได้กลิ่นอายของความเป็นญี่ปุ่นอีกเช่นเคย
จะเห็นได้ว่าทุกจานอาหารของร้าน ROUX’S พยายามใส่กลิ่นอายของความเป็นญี่ปุ่นลงไปด้วย ตามคอนเซ็ปต์ของร้านอาหารแนว Western ที่ผสมผสานวัตถุดิบและรสชาติให้เข้ากับความเป็นญี่ปุ่นจนได้ความอร่อยที่ลงตัว ให้ทุกคนเอ็นจอยมื้ออาหารในสไตล์ Japanized Western Yoshoku สุดประทับใจ
Must Read!
- สามารถจอดรถได้ที่ Christ Church Bangkok (ทางเข้าฝั่งตรงข้ามร้าน)
- แนะนำให้สำรองที่นั่งล่วงหน้า เพื่อจะได้โซนนั่งที่ตอบโจทย์การมาดินเนอร์แต่ละครั้งมากที่สุด








