Homey Fine Dining
ยินดีต้อนรับเข้าสู่บ้านสองชั้นสุดคลาสสิกซึ่งเป็นที่ตั้งของ 984Wolf ร้านอาหารบรรยากาศสุดโรแมนติกภายในซอยเล็ก ๆ ของย่านสาทร ซึ่งแม้ภายนอกจะดูเหมือนเป็นบ้านแสนธรรมดา แต่ในขณะเดียวกัน ที่นี่กลับเต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ที่ไม่เหมือนใคร คอยเชื้อเชิญผู้คนให้เข้าไปสัมผัสบรรยากาศแสนพิเศษ พร้อมลิ้มลองความอร่อยกับหลากหลายเมนูที่ครีเอตขึ้นเป็นพิเศษเช่นกัน
หากเดินผ่านรั้วบ้านและร่มไม้เข้าไปก็จะได้พบกับบ้านสองชั้นที่เต็มไปด้วยแสงนวล ๆ ของพระจันทร์ที่ส่องสว่างอยู่กลางบ้าน สอดรับกับสไตล์การตกแต่งภายในที่เรียบหรูด้วยเฟอร์นิเจอร์โทนสีน้ำตาล ประกอบกับแสงไฟสีนวลตาที่ช่วยเสริมสร้างบรรยากาศสุดโรแมนติกได้เป็นอย่างดี
Under The Moon Light
ด้วยความสนใจในเรื่องของ Creative ทำให้ที่นี่เต็มไปด้วยงานคราฟต์หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นจานชาม ของตกแต่งชิ้นเล็กชิ้นน้อย เรื่อยไปจนถึงโคมไฟรูปทรงพระจันทร์ดวงโตที่สั่งทำขึ้นเป็นพิเศษ เพื่อนำมาประดับตกแต่งภายในร้าน ก่อนจะนำไปผนวกเข้ากับแนวคิดที่ว่า "เราให้ความสำคัญกับเวลามาก เพราะเราคิดว่าสิ่งที่ดีมันต้องใช้เวลา" ตามการบอกเล่าของ คุณแก้ว - เจ้าของร้านและเชฟใหญ่ประจำ 984Wolf แห่งนี้
และในส่วนของเมนูอาหาร ที่นี่ได้รับการรังสรรค์ความอร่อยผ่านฝีมือของคุณแก้ว ซึ่งเน้นการเลือกใช้วัตถุดิบระดับพรีเมียมมาประกอบอาหาร ภายใต้คอนเซ็ปต์ 'Wood Fire Charcoal' ซึ่งเป็นการทำอาหารจากฟืน และให้ความสำคัญในเรื่องของเวลา พิถีพิถันในทุกขั้นตอนการทำอาหาร เพื่อดึงรสธรรมชาติของตัววัตถุดิบออกมาให้ได้มากที่สุด
Made From All Fresh Ingredients
ลิ้มลองความอร่อยอย่างแรกด้วย Appitizer สไตล์ฝรั่งเศสอย่าง Majestic Oyster (160 บาท / ตัว) หอยนางรมสดจากประเทศฝรั่งเศส ที่เสิร์ฟมาพร้อมกันกับ Yuzu Vinegar เป็นการเริ่มต้นมื้อนี้ด้วยความสดชื่นอย่างแท้จริง
สำหรับใครที่ชอบทานขนมปัง Sour Bread ทางร้านยังมีอีกหนึ่งเมนูที่ภูมิใจนำเสนอคือ Uni Toast (890 บาท) โดยเชฟตั้งใจใช้ขนมปัง Sour Dough แทนข้าวญี่ปุ่นที่ส่วนใหญ่นำมาทำเป็นซูชิ เมนูนี้เป็นการปิ้งขนมปังด้วยไฟอ่อน ๆ จนแป้งด้านนอกกรอบ ก่อนจะทาทับด้วย Marinated Egg Yolk หรือซอสไข่ดองโชยุกับมิรินเป็นเวลา 1 วัน และท็อปด้านบนด้วยวัตถุดิบหลักของเมนูนี้อย่าง Aka Uni ไข่หอยเม่นที่ส่งตรงความอร่อยจากฮอกไกโด หรือจะเป็น Semi Sour White Bread (140 บาท) ขนมปังโฮมเมดที่ทาด้วย Brown Butter ก่อนจะนำไปปิ้งด้วยไฟอ่อน ๆ จนกรอบนอกนุ่มใน พร้อมเสิร์ฟมากับ Balsamic 25 Years จากอิตาลี และ Organic Olive Oil ที่ทางคุณแก้วเลือกสรรมาเป็นอย่างดี
มาถึงคิวของเมนูสลัดกันบ้าง แนะนำ Cos Salad (250 บาท) สลัดผักคอสที่ดูเหมือนเรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยส่วนผสมและวัตถุดิบมากมายที่เชฟค่อนข้างให้ความสำคัญ พิถีพิถันในการเลือกสรรอย่างมาก โดยจานนี้เชฟตั้งใจให้ Baby Cos เป็นพระเอก นำไปย่างบนเตาถ่านเพื่อให้ได้ความหอม ก่อนจะสเปรย์ตามด้วย Hazelnut Oil แล้วนำไปย่างด้วยระยะเวลาที่ไม่นานจนเกินไป ทำให้ผักยังคงความสด รสหวานกรอบไว้ได้เป็นอย่างดี ส่วนด้านล่างเป็น Parsley Mayo ที่ราดด้วยน้ำสลัดแบบ Malt Vinegar Dressing ให้รสเปรี้ยวที่เข้ากันดีกับรสหวานของผัก ทานแล้วสดชื่นแน่นอน
ในส่วนของจานหลัก ต้องลอง Australian Wagyu 4-5 200g. (1,600 บาท) เนื้อวากิวย่างแบบ Wood Fire อบอวลไปด้วยกลิ่นหอม ๆ ของเนื้อ จานนี้เสิร์ฟมาพร้อมเกลือให้ทานด้วยกันถึง 4 แบบ ได้แก่ Lava Salt, Himalaya Salt, Smoke Salt และ Truffle Salt ตามมาด้วยไฮไลต์อีกอย่างคือพริกหวานที่เชฟนำไปย่างจนไหม้ ก่อนจะลอกเอาส่วนที่ไหม้ออกไปเหลือแต่เนื้อพริกหวาน ๆ ให้ได้ทานคู่กับเนื้อ รสชาติเข้ากันเป็นอย่างดี นอกจากนี้ แนะนำให้สั่ง Truffle Mashed Potato (390 บาท) มาทานด้วย เพราะเชฟอบมันฝรั่งในเตาถ่าน ซึ่งจะทำให้ได้รสสัมผัสที่ดีกว่าการนำไปต้ม แล้วจึงท็อปด้านบนด้วย Truffle Slice
Lobster is the Best!
ปิดท้ายด้วยเมนู Arroz Canadian Lobster (2,500 บาท) ที่ทางร้านเลือกใช้ล็อบสเตอร์ไซส์จัมโบ้คุณภาพดีมาทำเป็นข้าวต้มร้อน ๆ โดยเชฟจะใช้ Lobster Stock ต้มเข้ากับข้าวและ Manila Clams ออกมาเป็นเมนูซุปร้อน ๆ ให้ได้ซดคล่องคอ
Sweet Menu
หากใครชอบทานของหวาน ต้องลองสั่งเมนู Pao De Lo (350 บาท) มาทานล้างปาก โดยเมนูนี้เป็นขนมเค้กไข่แบบ Portugal ที่เสิร์ฟมาให้ทานคู่กันกับเกลือและ Olive Oil ให้รสสัมผัสนุ่มละมุนลิ้น จบมื้อพิเศษของคุณได้อย่างน่าประทับใจ