Published on February 26, 2024

The Hidden Kitchen

ในซอยสุขุมวิท 39 นอกจากจะมีร้านอาหารสไตล์ต่าง ๆ มากมายหลายร้านแล้วก็ยังเป็นที่ตั้งของร้าน Adhoc ร้านอาหารแบบไพรเวทไดนิ่งที่พร้อมเปิดรับเฉพาะแขกที่จองล่วงหน้าเท่านั้น โดยตัวร้านซ่อนตัวอยู่ในซอยเล็ก ๆ เมื่อเดินเข้ามาหลังประตูบานใหญ่สีดำก็จะพบกับห้องทานอาหารที่ถูกตกแต่งอย่างสวยงามพร้อมต้อนรับแขกคนพิเศษให้มาเปิดประสบการณ์สัมผัสกับคอร์สเมนูที่ออกแบบมาโดยเฉพาะดังชื่อร้าน Adhoc ที่มีความหมายว่า 'เฉพาะเจาะจง'

 

ด้านหน้าร้าน

Private Dining Rooms for You

ด้วยคอนเซ็ปต์ร้านแบบไพรเวทไดน์นิ่ง โซนที่นั่งของร้านจึงแบ่งออกเป็น 2 โซนหลัก ๆ สำหรับใครที่มาเป็นกลุ่มและอยากมองเห็นบรรยากาศในครัวพร้อมพูดคุยกับเชฟ สามารถเลือกนั่งโซนชั้นล่างที่เป็นโต๊ะไม้ยาว ล้อมรอบด้วยพื้นและผนังหินแกรนิตสีขาวและโคมไฟคริสตัลเพิ่มความหรูหรา หรือถ้าใครมาแบบคู่ ต้องการความเป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้นก็สามารถนั่งได้ที่โซนด้านบน ซึ่งโซนด้านบนยังสามารถดัดแปลงเป็นพื้นที่สำหรับไพรเวทปาร์ตี้ได้อีกด้วย สำหรับการตกแต่งบริเวณชั้นบน ทางร้านเน้นใช้พื้นไม้สีเข้มและเฟอร์นิเจอร์สร้างลุคขรึม และตัดด้วยองค์ประกอบสีสันต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นพรมผ้าทอลายสีสันสดใสที่นำมาแขวนบนผนังและโซฟาสีครีม เพื่อเพิ่มบรรยากาศให้ดูสดใสขึ้น
 

บรรยากาศการดินเนอร์แบบเป็นส่วนตัว

 

โต๊ะดินเนอร์แบบยาว เหมาะสำหรับลูกค้าผู้มาใช้บริการแบบเป็นกลุ่ม

 

ห้องไพรเวทสำหรับจัดปาร์ตี้

Authentic x Modern Thai Experience

การเสิร์ฟคอร์สอาหารของทางร้านหรือ Tasting Menu '9 Course Menus' จะเลือกนำเสนอภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘A Genuinely Thai Farm-To-Fork Fare’ ซึ่งเป็นอาหารไทยที่มีรสชาติเข้มข้นจัดจ้านตามแบบตำรับอาหารไทยแท้ทั่วทุกภูมิภาค พร้อมยกระดับวัตถุดิบท้องถิ่นสู่สากลโดย ‘เชฟป๊อป-พิชชกร รมบุตร’ ผู้ครีเอตเมนูอาหารไทยจากประสบการณ์และการเดินทาง มาตีความเล่าเรื่องราวใหม่ ผสมผสานกับเทคนิคสมัยใหม่ ให้มีความโมเดิร์นมากขึ้น

- คอร์สเมนูของทางร้านจะมีการปรับเปลี่ยนไปตามฤดูกาล โดยขึ้นอยู่กับวัตถุดิบท้องถิ่นที่ทางร้านสามารถเสาะหาได้ประจำช่วงฤดูกาลนั้น ๆ

- เชฟป๊อป-พิชชากร รามบุตร เชฟหญิงผู้เติบโตมาในครอบครัวไทย โดยเธอได้แรงบันดาลใจในการรังสรรค์เมนูอาหารมาจากความทรงจำในวัยเด็กที่ซึมซับประสบการณ์ด้านการทำอาหารมาจากคุณย่าและคุณยายเป็นส่วนใหญ่ อีกทั้งการันตีความเป็นเชฟมากฝีมือจากการแข่งขันระดับประเทศมาแล้วมากมาย เพราะฉะนั้นรูปแบบการนำเสนออาหารของเธอจึงเป็นการหยิบยกวัตถุดิบท้องถิ่นของไทยมาผสมผสานกับเมนูพื้นถิ่นที่เราคุ้นเคยกันดี โดยปรับรูปแบบการนำเสนอใหม่ให้มีความร่วมสมัยมากยิ่งขึ้น รวมถึงอัตลักษณ์ของตัวเองลงไปในอาหารแต่ละจานได้อย่างน่าประทับใจ

 

บริเวณโซนครัวเปิด กับภาพบรรยากาศเบื้องหลังการรังสรรค์ความอร่อยโดย 'เชฟป๊อป-พิชชกร รมบุตร' และเหล่าทีมเชฟผู้ช่วยมากด้วยประสบการณ์

Let the Flavour Reminds You

คอนเซ็ปต์หลักในการครีเอตเมนูอาหารในแต่ละคอร์สของที่นี่ คือการนำเมนูอาหารไทยที่หลายคนคุ้นเคยมาทวิสต์รูปแบบเล่าเรื่องราวใหม่ผ่านแต่ละองค์ประกอบในแต่ละเมนู พร้อมชูวัตถุดิบท้องถิ่นจากทั่วทุกภูมิภาคและคงไว้ซึ่งรสชาติจัดจ้านแบบไทย ๆ 

เริ่มจาก Amuse Bouche หรือคอร์สเมนูเรียกน้ำย่อยคำเล็ก ๆ อย่าง W.Tawee Farm Pork สำหรับคำแรกนี้เชฟป๊อปได้แรงบันดาลใจมาจากการที่ได้ไปเยี่ยมชม Tawee Farm Pork ซึ่งเป็น Biodynamic Farm หรือการเกษตรชีวพลวัต เชิงนิเวศแบบองค์รวม ที่ยึดเอาธรรมชาติเป็นแบบจำลอง จังหวัดอุดรธานีและขอนแก่น โดยเป็นการผสมผสานวัฒนธรรมด้านอาหาร ทั้งจากเวียดนามและอีสานมาไว้ในเมนูเดียว โดยเมนูที่เสิร์ฟคือไข่กระทะประกอบด้วย ขนมปังบันนุ่ม ที่ทางร้านทำเอง วางเป็นฐานด้านล่างสุด ถัดขึ้นมาจะเป็นเนื้อหมูรมควันจากฟาร์มตาวีและท็อปด้วยไข่นกกระทา

ส่วนคำที่ 2 จะเป็นเมนู Banana Shrimp หรือก้อยกุ้งโดยเชฟป๊อปได้พยายามใช้ทุกส่วนของกุ้งมาครีเอตเป็นทั้งวัตถุดิบหลักและส่วนผสมของเมนูนี้อย่างคุ้มค่า ประกอบด้วยตัวทาร์ตที่ด้านในมีส่วนผสมของเนื้อกุ้ง นำไปคลุกเคล้ากับข้าวเหนียวคั่วใหม่ ส่วนด้านบนจะเป็นคางกุ้งที่นำไป Deep Fried พร้อมท็อปด้วยน้ำพริกหัวมันกุ้ง วิธีรับประทานแนะนำให้รับประทานตัวทาร์ตก่อน แล้วตามด้วยคางกุ้ง จะเป็นการไล่ระดับรสชาติและเนื้อสัมผัสที่ลงตัว

ภายในเซ็ตนี้ทางร้านจะเสิร์ฟมาพร้อมกับเวลคัมดริงก์ ‘Thai Craft Soda’ คราฟต์โซดาสดชื่น ที่ปลุกด้วยความกระปรี้กระเปร่าก่อนเริ่มมื้ออาหารด้วยความหอมของใบกระวาน สมุนไพรอันเป็นเอกลักษณ์ของทางจังหวัดจันทบุรี ทำให้ดริงก์แก้วนี้มีรสเปรี้ยวของส้มมะปี๊ดและส้มซ่า ก่อนจะเสริมความเฟรชด้วยคราฟต์โซดาที่เบลนด์รสชาติออกมาได้อย่างเข้ากัน

 

คอร์สเรียกน้ำย่อยที่ประกอบด้วย เมนู W.Tawee Farm Pork, เมนู Banana Shrimp และเวลคัมดริงก์สุดสดชื่น

ตามด้วยคอร์ส Tai-Pao Clams สำหรับเมนูนี้เชฟป๊อปได้แรงบันดาลใจมาจาก 'แสร้งว่า' อาหารไทยโบราณที่ปรากฏในตำรา ‘แม่ครัวหัวป่าก์’ ของท่านผู้หญิงเปลี่ยน ภาสกรวงศ์ ผ่านการเลือกใช้วัตถุดิบท้องถิ่นตามฤดูกาลอย่างหอยท้ายเภาจากทางภาคใต้ ซึ่งเป็นหนึ่งในวัตถุดิบคุณภาพสูงของไทยที่หาชิมได้เพียงช่วงสั้น ๆ ในแต่ละปีเท่านั้น โดยเชฟจะนำมา Slow-cooked จนได้เนื้อสัมผัสที่นุ่มหนึบ นอกจากนี้ภายในจานยังนำเสนอความหลากหลายของ Dressing หรือน้ำยำแสร้งว่าที่มีองค์ประกอบหลากหลาย นับตั้งแต่เครื่องสมุนไพรต่าง ๆ ปลาเนื้ออ่อนแห้งที่นำมารมควัน ความหวานของลำไย บีทรูท และชมพู่ ก่อนตัดด้วยรสเค็มของสาหร่ายพวงองุ่น และความเปรี้ยวของส้มซ่า ทั้งหมดนำเสนอออกมาในรูปแบบของกรานิต้าที่รับประทานแล้วช่วยเรียกความสดชื่นระหว่างมื้อได้เป็นอย่างดีทีเดียว

 

คอร์สเมนู Tai-Pao Clams

ถัดมาเป็นคอร์สเมนู Add-on สุดพิเศษอย่าง Lon Kem Bak Nut สำหรับเมนูนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากหลนของทางจังหวัดอุบลราชธานี โดยคำว่าบักนัทในภาษาอีสานนั้นหมายถึงสับปะรด’ ซึ่งเชฟป๊อปได้เลือกใช้วัตถุดิบเป็นกะทิที่คั้นสดใหม่มาหลนกับกุ้งแชบ๊วย ด้านบนจะท็อปด้วยไข่ปลาคาเวียร์จากหัวหิน เสิร์ฟคู่มากับใบชะพลูและแป้งถั่วเขียว แนะนำให้รับประทานพร้อมกันในคำเดียวจะได้รสเข้มข้นกลมกล่อมที่ลงตัวสุด ๆ

 

คอร์สเมนู Lon Kem Bak Nut

ต่อเนื่องความอร่อยในคอร์สถัดมากับเมนู Goby หรือสเต๊ะปลาบู่ที่เชฟป๊อปได้แรงบันดาลใจมาจากการเดินทางไปยังประเทศมาเซีย ซึ่งชาวมาเลย์นิยมขายเมนูสะเต๊ะกันริมทาง โดยเชฟได้เลือกใช้ปลาบู่มาเป็นวัตถุดิบหลัก นำไปหมักกับโยเกิร์ตและเครื่องเทศควบคู่กับเครื่องสมุนไพรหอม ๆ อย่างลูกผักชีและยี่หร่า จากนั้นนำไปย่างบนถ่านไม้ลำไยจนได้เนื้อสัมผัสที่นุ่มแน่น เสิร์ฟคู่มากับซอสสะเต๊ะรสเข้มข้น ท็อปด้วยน้ำอาจาดที่ได้จากการนำผักไปดองกับน้ำส้มสายชูมะพร้าวเคียงมากับขนมปังบันโฮมเมดเนื้อนุ่มและซอส Thai Tabasco ที่ให้รสชาติเข้ากันอย่างมาก

 

คอร์สเมนู Goby

ทวีความเข้มข้นของรสชาติที่จัดจ้านมากขึ้นกับคอร์สเมนูที่ชื่อว่า Blue Crab ข้าวยำปักษ์ใต้ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากสูตรข้าวยำคุณยาย เมนูแห่งความทรงจำในวัยเด็กของเชฟป๊อป สำหรับเมนูนี้ด้านล่างจะเป็นข้าวยำในรูปแบบของชาวนครศรีธรรมราช วิธีการคือจะนำข้าวหอมมะลิจากจังหวัดยโสธรไปคลุกเคล้ากับเครื่องแกงสดที่ทางร้านทำเองและซอสบูดูที่ทางร้านเคี่ยวเอง ภายในเซ็ตจะมีเครื่องสมุนไพร ผักและผลไม้รวมกันกว่า 12 ชนิด เสิร์ฟมากับเนื้อปูและปลาทูที่ได้มาจากประมงชุมชนของทางจังหวัดสมุทรปราการ ส่วนด้านบนจะทำเป็นไก่กรอบที่เลือกใช้เฉพาะส่วนของหนังไก่ ตามด้วยการ์นิชที่ได้จากผักและสมุนไพรบางส่วน วิธีรับประทานให้เจาะแผ่นไก่กรอบลงไปแล้วคลุกเคล้าส่วนผสมทุกอย่างให้เข้ากันเป็นอันเรียบร้อย

 

คอร์สเมนู Blue Crab

จากนั้นเบรกความเข้มข้นจัดจ้านระหว่างมื้ออาหารด้วยคอร์สเมนู Tapi River Prawn ที่เชฟป๊อปได้แรงบันดาลใจมาจากต้มจืด โดยตั้งใจเสิร์ฟความอร่อยต่อจากเมนูข้าวยำเพื่อเป็นการเคลียร์รสชาติในปาก ล้างความเผ็ดร้อนของครื่องแกงข้าวยำ สำหรับเมนูนี้ด้านล่างจะทำออกมาในลักษณะของไข่ตุ๋นที่ผสมเข้ากับเต้าหู้ไข่ ถัดขึ้นมาอีกชั้นจะเป็นลูกชิ้นกุ้งแม่น้ำที่ได้วัตถุดิบมาจากลุ่มแม่น้ำตาปี ตามด้วยแป้งถั่วเขียวที่ให้ความรู้สึกเหมือนได้รับประทานวุ้นเส้นแกงจืด ก่อนจะท็อปบนสุดด้วยโลคอลคาเวียร์จากจังหวัดหัวหิน ส่วนผสมทั้งหมดนี้ถูกเสิร์ฟมาพร้อมกับซุปที่เบสรสหวานด้วยน้ำมะพร้าวหอมสด ได้สีสันและความกลมกล่อมของน้ำซุปจากเห็ดชิตาเกะที่ผสานเข้ากับความหอมของเครื่องสมุนไพรสามเกลออย่างลงตัว

 

คอร์สเมนู Tapi River Prawn

หลังจากลิ้มลองความอร่อยของเมนูซุป ก็ได้เวลาเติมความแซ่บกับคอร์สอาหารอีสานอย่าง Thai Wagyu หรือซั่วเนื้อ ประเภทอาหารต้ม-แกงของทางภาคอีสานที่มีความคล้ายกับเมนูต้มแซ่บ เพียงแต่ต่างกันตรงที่มีส่วนผสมของใบผักแพวที่มาเพิ่มความหอมอย่างเป็นเอกลักษณ์ โดยจะเสิร์ฟมากับเนื้อสองส่วน ส่วนด้านล่างจะเป็นเนื้อวากิวไทยเทนเดอร์ลอยน์ที่นำมาเซียร์ ส่วนด้านบนจะเป็นเนื้อช็อตริบส์ที่ให้เนื้อสัมผัสคล้ายกับการรับประทานเบคอน เคียงคู่ความอร่อยมากับมันแกวที่นำมาดองกับน้ำยำใส เพื่อตัดรสชาติความจัดจ้าน ด้านในมันแกวจะเป็นซุปหน่อไม้และข้าวทอด เสิร์ฟมากับซอสซั่วเนื้อใบย่านางรสเข้มข้น ซึ่งความข้นนั้นได้มาจากส่วนผสมของข้าวคั่ว วัตถุดิบที่บ่งบอกถึงความเป็นอาหารอีสานของแท้

 

คอร์สเมนู Thai Wagyu

เพิ่มดีกรีความอร่อยอีกขั้นด้วย Main Course กับเมนูที่ชื่อว่า Coral Trout ที่เสิร์ฟมาในลักษณะของการรับประทานแบบสำรับสำหรับ 1 คน ประกอบด้วย เมนูแกงเหลืองที่ได้แรงบันดาลใจมาจากเมนูท้องถิ่นของครอบครัวเชฟซึ่งเป็นคนใต้ ข้าวที่นำมาเสิร์ฟในสำรับจะเป็น 'ข้าวอูดอย' ข้าวสายพันธุ์เฉพาะของทางภาคเหนือที่มีลักษณะคล้ายกับข้าวญี่ปุ่นแต่ให้เนื้อสัมผัสเหมือนข้าวเหนียวที่มีความนุ่มหนึบเป็นพิเศษ โดยเชฟได้เลือกนำข้าวชนิดนี้มาทำเป็นข้าวหมก เสิร์ฟมาพร้อมกับแกงเหลืองสับปะรดภูแล โปรตีนหลักที่เสิร์ฟภายในคอร์สนี้จะเป็น 'ปลาเก๋าแดงกุดสลาด' ที่ผ่านกระบวนการปรุงอาหารและเซียร์มาเป็นที่เรียบร้อย ด้านล่างจานที่เสิร์ฟคือชะอมที่นำมาผัดกับไข่พร้อมปรุงรส ตัดรสเผ็ดด้วยคอหมูหวานที่นำมาย่างและรมควัน พร้อมด้วยน้ำพริกหัวครกหรือน้ำพริกเม็ดมะม่วงหิมพานต์ และผักผลไม้สดที่เสิร์ฟมาให้รับประทานดับความเผ็ดร้อนควบคู่กัน

 

คอร์สเมนู Coral Trout

หลังจากรับประทานคอร์สอาหารคาวกันไปเรียบร้อย ก็ถึงคิวของคอร์สขนมหวานกันบ้าง ทางร้านเลือกเสิร์ฟเป็น Smoked Milk Ice Cream with Egg Cake ที่เชฟได้แรงบันดาลใจมาจากขนมปังปิ้งนมสดของจังหวัดชลบุรี เพราะที่นั่นมีร้านขนมปังปิ้งนมสดริมชายทะเลค่อนข้างมาก จึงเกิดไอเดียในทำไอศกรีมนมสดที่ให้ความรู้สึกเหมือนรับประทานขนมปังปิ้งแล้วดื่มนมสดตามลงไป โดยที่เนื้อไอศกรีมนั้นไม่มีส่วนผสมของขนมปังเลย วิธีการคือเชฟจะนำนมไปต้มแล้วสโมคเพื่อให้ได้กลิ่นรมควันหอม ให้ความรู้สึกเหมือนรับประทานขนมปังปิ้งพร้อมกับดื่มนมสดในคราวเดียว เสิร์ฟเคียงมากับข้าวโพดย่างและขนมไข่ที่ท็อปตามด้วยแคนตาลูปโรยหน้าด้วยผงนมสด ลองตักชิมไอศกรีมไปพร้อมกับข้าวโพดย่างและขนมไข่รับรองว่าอร่อยฟินอย่าบอกใคร!

 

คอร์สเมนู Smoked Milk Ice Cream with Egg Cake

ปิดท้ายด้วย Petit Four ขนมหวาน 4 ชิ้น ตามธรรมเนียมของไฟน์ไดน์นิ่ง ได้แก่ ขนมเบื้องแป้งชาร์โคลไส้หวาน, ขนมทาร์ต ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากทาร์ตเลมอนแต่เลือกปรับเปลี่ยนวัตถุดิบให้มีความโลคอลมากขึ้นด้วยการใช้ส้มจี๊ดแทนเลมอน ท็อปด้วยส้มเขียวหวานที่นำมาคอมเพรสต์, ช็อกโกแลต ที่ทำมาจากคราฟต์ช็อกโกแลตของจังหวัดชุมพร และโรตี ที่ท็อปด้วยน้ำตาลจาก ซึ่งให้รสเค็มเล็กน้อย แล้วเพิ่มความหอมมันด้วยแมคคาเดเมียจากจังหวัดเชียงใหม่ ขนมหวานทั้ง 4 ชิ้นนี้ จะเสิร์ฟมาพร้อมกับ ชาอู่หลงผสมโสม ที่ให้รสหวานนิด ของชะเอมเทศ เป็นการส่งท้ายมื้อค่ำนี้ได้อย่างน่าประทับใจ

 

เซ็ตขนมหวาน Petit Four ที่เสิร์ฟมาพร้อมกับชาอู่หลงผสมโสมให้ดื่มคู่กัน

Must Read!
  • หากใครที่อยากมารับประทานอาหารที่นี่ แนะนำให้จองล่วงหน้าเท่านั้น (ตั้งแต่  2 คนขึ้นไป)
  • สามารถจอดรถได้ที่ปั้มน้ำมันบางจากฝั่งตรงข้าม
Info
Hours
Everyday : 6PM - 12AM
Price

฿฿฿฿฿฿ มากกว่า 2,000 บาทต่อคน

Address
36/22 ซอยสุขุมวิท 39 (ซอยพร้อมศรี) ถนนสุขุมวิท เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร
Map
Mass Transit

BTS พร้อมพงษ์

Facilities
Suggest an Edit