Non-Alcoholic Bar & Tea in Onnut
ชวนนักดื่มสายสุขภาพตัวจริงไปดริงก์แบบไร้แอลกอฮล์ที่ ‘AQUAYA.BAR’ บาร์ (น้ำ) ลับ ๆ ฉบับ Non-Alcohol & Tea แห่งย่านอ่อนนุช ที่เน้นเสิร์ฟคอร์สปรับสมดุลธาตุในร่างกาย ในคอนเซ็ปต์ ‘ดื่มเรื่องเล่า เข้าใจชีวิต’
ในโลกที่เร่งรีบจนเราแทบไม่ได้ยินเสียงตัวเอง บาร์แห่งนี้เป็นอีกหนึ่งพื้นที่ที่ทำให้ผู้มาเยือนได้ลองใช้ชีวิตแบบช้าลงสักวันและตั้งใจรับฟังเสียงภายในตัวเราเองมากขึ้น สำหรับจุดเริ่มต้นของการเปิดให้บริการ AQUAYA.BAR นั้น ‘คุณม่อน-อลงกต แก้วบุตรา’ ผู้เป็นเจ้าของบาร์ ได้เล่าถึงที่มาไว้ว่านับตั้งแต่เกิดสถานการณ์โควิด-19 เขาก็เริ่มตระหนักถึงความเปราะบางของชีวิต เพราะก่อนหน้านั้นเคยใช้ชีวิตแบบละเลยการดูแลตัวเอง ทำให้สังเกตเห็นความเสื่อมโทรมของร่างกายและผิวพรรณ จึงฉุกคิดได้ว่าต้องเริ่มหันมาดูแลตัวเองมากขึ้นก่อนจะสายเกินไป 'ร่างกายเป็นภาชนะของจิตวิญญาณ หากเราไม่ดูแลให้ดี เมื่อร่างกายเจ็บป่วย จิตใจก็จะพลอยไม่สดใสตามไปด้วย' ซึ่งแนวคิดนี้เองนำไปสู่การศึกษาเรื่องความสมดุล (Balance) ด้านอาหารยา การแพทย์แผนไทยและจีน รวมถึงเรื่องของ Longevity และสุขภาพองค์รวม (Holistic health) บวกเข้ากับความชอบชงชาเป็นทุนเดิมและประสบการณ์ที่ได้เจอมาเชื่อมโยงเข้าด้วยกันเพื่อเกิดการสื่อสาร เล่าเรื่องโดยใช้เครื่องดื่มเป็นข้อความส่งผ่านมายังผู้ดื่ม เติมเต็มประสบการณ์ดื่มรูปแบบใหม่ที่ดีต่อสุขภาพและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่เหมือนที่ไหน ๆ อย่างแน่นอน
The Intimate Atmosphere
AQUAYA.BAR ให้บริการในลักษณะของสโลว์บาร์ 4 ที่นั่ง เพื่อผู้ที่เข้ามาจะได้เป็นตัวของตัวเองอย่างเต็มที่ สามารถพูดคุย แลกเปลี่ยนความรู้ ความคิดเห็นร่วมกับคุณม่อนได้แบบสบาย ๆ เป็นกันเอง โดยไม่ต้องกังวลถึงสายตาของผู้อื่น หรือจัดกลุ่มเฉพาะเพื่อนคนสนิท เพื่อความเป็นส่วนตัวท่ามกลางบรรยากาศเรือนชงชาสไตล์ญี่ปุ่นในธีมห้องมืด มาพร้อมไฟสลัว ๆ ผ่านทางเข้าที่ดีไซน์ออกมาเป็นทางเดินเข้าแคบ ๆ เพื่อเปลี่ยน Feeling ของการเดินเข้าสู่ห้องโถงตกแต่งด้วยหินและกระเบื้องสีดำสลับกับไม้ พร้อมเปิดเพลงบรรเลงฟังสบาย สร้างความผ่อนคลายทั้งร่างกายและจิตใจ ได้ฟีลคล้ายกับการอยู่สปา
บริเวณเคาน์เตอร์บาร์เครื่องดื่ม ถูกออกแบบมาอย่างเรียบง่าย จัดวางเฉพาะส่วนที่จำเป็นต้องใช้ในการครีเอตเมนูเครื่องดื่มและสำหรับจัดเตรียมอาหาร ขนมภายในคอร์ส ซึ่งมีเพียงอุปกรณ์ต้มน้ำร้อน ชงชา ชงเครื่องดื่ม รวมถึงอุปกรณ์กลั่นกรองน้ำของบางเมนู กล่องเก็บวัตถุดิบเพื่อใช้ประกอบอาหารจานเบา ๆ ที่จะเสิร์ฟร่วมกับเครื่องดื่มในแต่ละมื้อด้วยเท่านั้น
Balance The Body Using Concepts from Eastern Wellness Traditions
เครื่องดื่มและอาหารภายในคอร์สของ AQUAYA.BAR ได้รับแรงบันดาลใจมาจากหลายแหล่งความรู้ที่ทางคุณม่อนสนใจ ซึ่งแน่นอนว่าทุกเมนูเครื่องดื่ม (ร่วมกับอาหารและขนม) ล้วนไร้ซึ่งแอลกอฮอล์ทั้งสิ้น โดยจะเปลี่ยนธีมไปตาม Chapter ทุก ๆ 2 เดือน ให้สอดคล้องกับฤดูกาล ด้วยแนวคิดจากการแพทย์แผนตะวันออก (ทั้งแพทย์แผนไทยและแพทย์แผนจีน) อย่างการกินอาหารตามธาตุ เพื่อปรับสมดุลของร่างกาย โดยการเสิร์ฟเครื่องดื่มแต่ละแก้ว จะมาพร้อมเรื่องเล่า แนวคิด ปรัชญาชีวิต ให้ได้ตื่นรู้และลองนำไปปรับใช้ ปล่อยวางจากทุกความวุ่นวาย ใช้เวลากับตัวเองท่ามกลางความสงบอย่างเต็มที่
Seasonal Drink of Life Chapters
ด้วยคอนเซ็ปต์การเสิร์ฟคอร์สเมนู (ราคาคอร์สละ 1,690 บาท / คน) ของที่นี่จะเปลี่ยนไปตามวาระ อาจมีการปรับเปลี่ยนบางวัตถุดิบไปตามฤดูกาล แต่จะยังแนวคิดการสร้างสรรค์แต่ละเมนูที่มีความใกล้เคียงกัน โดยเฉพาะเรื่องการปรับสมดุลของร่างกายที่นับเป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญของการคิดค้นสูตรเครื่องดื่มแต่ละแก้ว
ครั้งนี้เป็นการเชื่อมโยงระหว่างคอร์สเมนู Chapter 3 ‘ตามมีตามเกิด' และ Chapter 4 'ปลายฝน ต้นหนาว' ซึ่งอยู่ในช่วงรอยต่อของการเปลี่ยนผ่านฤดูกาลจากหน้าร้อนสู่หน้าฝน ประเดิมการมาเยือน AQUAYA.BAR ด้วย Welcome Drink ที่ช่วยดับร้อนผ่อนกระหายกับเมนู Plum Plum ออกเสียงคล้ายกับคำว่า 'พรำ พรำ' สอดคล้องกับความชุ่มฉ่ำของฤดูฝน แก้วนี้มีส่วนประกอบของคอมบูฉะที่นำไปอินฟิวส์เข้ากับก้านชา พร้อมท็อปปิ้งด้วยโฟมบ๊วยจากจังหวัดเชียงราย
ตามมาด้วยหนึ่งในคอร์สเมนูแนะนำประจำ Chapter 3 ที่ชื่อว่า ด้านมืดของแสงสว่าง มาพร้อมการเล่าเรื่อง Light & Shadow (ด้านมืด-ด้านสว่าง) ซึ่งเป็นการพิจารณาให้ลึกซึ้ง ก่อนตัดสินผู้คนจากภายนอก ซึ่งมีทั้งด้านมืดและด้านสว่าง ก่อนจะสร้างสรรค์เป็นดริงก์ที่ใช้ส่วนผสมของวัตถุดิบฤทธิ์เย็นอย่าง 'น้ำแห้วจีน' สกัดเย็น เพื่อลดความร้อนของตับ (ธาตุไม้) มะกอกดำและเกลือดำช่วยชดเชยแร่ธาตุที่สูญเสียไปในฤดูร้อน
วัตถุดิบหลักที่ใช้เป็นธาตุน้ำตามหลักแพทย์แผนจีนที่ว่าน้ำก่อเกิดไม้ ช่วยส่งเสริมกัน และตามตำรับยาไทย รสเปรี้ยวนำต้องตามด้วยหวาน จะช่วยบำรุงตับ เสิร์ฟมาพร้อมกับเมนูอาหารจานเบา ๆ คือ ‘ยำเห็ดหูหนูดำ’ ใช้เห็ดหูหนูดำดองกับสาเก มิริน น้ำส้มสายชูดำของจีน แลคโตะ และหล่อฮังก๊วย ให้รสเปรี้ยว เสิร์ฟกับไชเท้าดองหวาน คอร์สนี้เป็นตัวอย่างของการประสานรสยาแบบไทยเข้ากับธาตุของจีน
ถัดมาเป็นคอร์สเมนูแนะนำประจำฤดูกาลใหม่กับ Chapter 4 โดยมีธีมหลักคือการตื่นรู้ (Awakening) ประกอบด้วยเมนูที่ชื่อว่า ครึ้มฟ้าครึ้มฝน เมนูนี้พูดถึงรอยต่อของฤดูฝนเมื่อน้ำฝนปะทะกับความเย็นของฤดูหนาว จะทำให้การเคลื่อนที่ช้าลงหรือกลายเป็นน้ำแข็ง ซึ่งเปรียบเหมือนคนเราที่ต้องช้าลงหรือหยุดคิดเมื่อเจอเรื่องราวบางอย่าง การเป็นน้ำแข็งไม่ใช่การหยุดอยู่กับที่ แต่เป็นการรอเวลาละลายเพื่อทำหน้าที่ของตนเองต่อไป แนวคิดนี้ถูกถ่ายทอดโดยการนำน้ำไปทำเป็นเยลลี่ เยลลี่จะไม่เซ็ตตัวแข็ง แต่มีความยืดหยุ่น
วัตถุดิบหลักคือ แอปเปิ้ล, ชาแดง, พีช, และลิ้นจี่ โดยทางร้านนำแอปเปิ้ลไปสกัดเย็น แล้วอินฟิวส์กับชาแดงเป็นเวลา 6 ชั่วโมง ก่อนนำมาทำเป็นเยลลี่ ด้านล่างเป็น Apple Compost จากสายพันธุ์ Envy นำมาผัดกับเมเปิ้ลไซรัป และเครื่องเทศ 3 ชนิด ได้แก่ อบเชย, กานพลู และโป๊ยกั๊ก รวมเป็นความอร่อยที่ลงตัว
และ กลั่นกรอง ด้วยแนวคิดของกระบวนการเกิดฝน เป็นเครื่องดื่มที่ทางร้านเลือกใช้ส้มโอพันธุ์ขาวน้ำผึ้งมาสกัดเย็น ผ่านกระบวนการกลั่นกรองให้เหมือนหยดน้ำฝน โดยมีส่วนประกอบหลัก 3 อย่าง คือ ส้มจี๊ด, น้ำกลั่นจากผิวส้มโอ, และส้มซ่า รสชาติโดยรวมจะเปรี้ยวนำและหวานตาม พร้อมโรยพริกไทยบนฟองโฟมน้ำส้มโอ สมุนไพรฤทธิ์ร้อนที่ช่วยบาลานซ์ฤทธิ์เย็นของส้มโอ ดื่มแล้วให้สรรพคุณในการลดความชื้นและช่วยขับลมได้ดี
การสร้างสรรค์เมนูเครื่องดื่มและขนม สอดแทรกไว้ด้วยแนวคิด ปรัชญาชีวิตที่น่าสนใจ
• ปรัชญาการวางลง: แนวคิดนี้เปรียบเทียบกับกระบวนการเกิดฝน คือการที่เราควร 'วางความไม่จำเป็นของชีวิต' หรือความคิดที่แบกรับไว้ลงบ้าง เหมือนเมื่อฝนตกไปแล้ว เมฆฝนก็จะค่อย ๆ หายไป ทำให้ชีวิตเบาขึ้น
• การหยุดเพื่อไปต่อ: เมนูขนมหวานใน Chapter 4 ใช้คอนเซ็ปต์การเชื่อมต่อของฤดูกาล โดยนำน้ำไปทำเป็นเยลลี่ เปรียบเสมือนเวลาที่เราเจอปัญหาและต้องหยุดรอเวลาที่เหมาะสม เหมือนน้ำที่เจอความเย็นแล้วกลายเป็นน้ำแข็ง การเป็นน้ำแข็งไม่ได้แปลว่าหยุดอยู่กับที่เสมอไป หากแต่เป็นการรอเวลาที่จะละลาย เพื่อทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป คล้ายกับการดำเนินชีวิตต่อไปข้างหน้าของคนเรานั่นเอง
ปิดท้ายกันที่ Complimentary - ชาและขนมเปี๊ยะ โดยชาที่เสิร์ฟในครั้งนี้คือ ชาตันฉงเสิร์ฟร้อน มาพร้อมกับขนมเปี๊ยะโฮมเมดสอดไส้ไข่เค็มที่อบสดใหม่ หอมกรุ่น ได้รสหวานละมุนกำลังดี ส่งท้ายคอร์ส Chapter 4 ได้อย่างน่าประทับใจ
Must Read!
- แนะนำให้สำรองที่นั่งล่วงหน้า อย่างน้อย 3-5 วัน เพื่อการจัดเตรียมวัตถุดิบในการรังสรรค์เมนูเครื่องดื่มต่าง ๆ ภายในคอร์ส โดยสามารถติดต่อหรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง LINE : https://tr.ee/Bt8jJgvak7 และ DM-Instagram : @aquaya.bar







