Published on May 07, 2025

Theatrical Dining Experience

ชวนเปิดประสบการณ์ทานอาหารในบรรยากาศสุดแปลกใหม่ที่ ‘GALA Bangkok’ ร้านอาหาร Fine Dining น้องใหม่แห่งย่านเอกมัย ซึ่งอยู่ภายใต้เครือเดียวกันกับร้านโอมากาเสะพรีเมียมสไตล์ Traditional อย่าง ‘Hangetsu Omakase’ ที่จะพาคุณไปท่องโลกแห่งความฝันกับคอนเซ็ปต์ ‘Theatrical Dining Experience’ พร้อมเสิร์ฟความอร่อยที่ทั้งสนุก ปลุกจินตนาการ และสร้างความเซอร์ไพรส์ตลอดคอร์สดินเนอร์

 

บริเวณโถงต้อนรับผู้มาเยือนที่สร้างสรรค์บรรยากาศภายในได้แบบชวนฝัน

ปฐมบทของความอร่อยครั้งนี้ เป็นการพาเหล่านักชิมทั้งหลายไปสัมผัสกับบรรยากาศการท่องโลกแห่งความฝัน 3 รูปแบบทั้งอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ผ่าน Station Episodic l Muse l Prophetic โดยใช้อาหารเป็นตัวกลางในการสื่อสาร รวมกันเป็นคอนเซ็ปต์ ‘โรงละครรสชาติแห่งความฝันต่างห้วงเวลา

สำหรับช่วง Soft Opening นี้ ทางร้านจะเปิดให้บริการใน Station Muse (Curious Daydreaming) พาร์ทของความฝันในโลกปัจจุบันหรือความฝันกลางวันที่ไม่ว่าอะไรก็อาจเกิดขึ้นได้ เมื่อเปรียบเทียบกับการ Represent อาหารบางอย่าง เราก็อาจเดาทางไม่ได้ว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้ามีอยู่จริงหรือไม่ ซึ่งอาจทานได้จริง มีความเป็นไปได้อย่างที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน

 

ดินเนอร์ในบรรยากาศ Daydreaming

Welcome to a World of Daydreaming

ก่อนเดินเข้าสู่ห้อง Daydreaming เพื่อทานมื้อค่ำ ทางร้านจะพาเราไปยังโซนต้อนรับก่อน เพื่อให้ได้นั่งพัก จิบเครื่องดื่มสดชื่นก่อนตื่นมาพบกับมื้ออาหารแห่งความฝัน ซึ่งภายในห้องทานอาหารมีการดีไซน์ให้เป็นในลักษณะของเคาน์เตอร์บาร์โอมากาเสะ ท่ามกลางบรรยากาศสุดล้ำที่ผสมผสานกันอยู่ในโลกแห่งจินตนาการที่เต็มไปด้วยสีสันสดใส ความอาร์ต และสิ่งที่ไม่คาดฝัน นอกจากนี้ที่นี่ยังมาพร้อมกิมมิกเล็ก อย่างการเขียนจดหมายถึงตัวเองในอดีตและในอนาคต ระหว่างมื้ออาหาร เพื่อที่สักวันได้กลับมาอ่านใหม่จะได้ Remind หรือมีข้อความอะไรบางอย่างที่มีความหมาย ซึ่งเราได้เคยเขียนฝากไว้ให้กับตัวเองอีกด้วย

 

ตกแต่งร้านด้วยบรรยากาศที่ชวนฝัน เต็มไปด้วยสีสันในโลกแห่งจินตนาการ

Experience a Space and Flavors So Dreamlike

การรังสรรค์คอร์สอาหารของทางร้าน นำเสนอความอร่อยออกมาในสไตล์ Western Twist Cuisine เป็นการผสมผสานทั้งเรื่องของวัตถุดิบพรีเมียมและเทคนิคการทำอาหารแบบตะวันตกเข้ากับความเป็นญี่ปุ่นไว้ได้อย่างลงตัว นำทีมโดย 'เชฟตีตู' ผู้มากด้วยประสบการณ์ที่มีคาแร็กเตอร์มาดกวน ชวนให้หลบหนีความวุ่นวายหลุดไปยังโลกแห่งความเพ้อฝัน

 

'เชฟตีตู' ผู้อยู่เบื้องหลังการรังสรรค์ความอร่อย

เร่ิมต้นความอร่อยด้วยการเปิดต่อมรับรสผ่าน Welcome Drink สุดสดชื่นที่มีชื่อเมนูเก๋ไก๋และดีไซน์หน้าตาแปลกใหม่ไม่เหมือนใครอย่าง Take Your Brain Out เมนูเครื่องดื่มเมนูที่ดีไซน์มาในรูปทรงของสมอง เพื่อสื่อความหมายให้คนที่มาทานอาหารที่นี่ได้ Take Memory หรือความทรงจำดี ที่ประทับใจกลับไป ตอนเสิร์ฟเชฟได้มีการหยด Peach Oil ลงไปด้วย เพื่อเพิ่มความหอม (แนะนำให้ตักทานภายในคำเดียว พร้อมซดน้ำในถ้วยตามไปด้วย เพื่อให้ได้เนื้อสัมผัสที่มีความเป็นเจลลี่ดึ๋งดั๋งและความ Juicy รวมเป็นความกลมกล่อมอยู่ในปาก)

 

Welcome Drink - Take Your Brain Out

ตามด้วย Session ของ Amuse Bouche ภายใต้ชื่อ 'Journey on Kraken' ตำนานสัตว์ประหลาดยักษ์กลางมหาสมุทรที่ดีไซน์พรีเซนเทชันออกมาให้เป็นในลักษณะของปลาหมึกยักษ์ โดยมีส่วนประกอบของ 3 เมนูย่อย คำเล็ก ๆ 3 อย่างด้วยกัน ได้แก่ Amused Mushroom เห็ดลายจุดสีแดงสดใสที่ตัวดอกเห็ดทำมาจากขนมปังนุ่ม ๆ และก้านเห็ดมีส่วนผสมของเนยหอม ๆ หลอมรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับหอยนางรม ทรัฟเฟิล อัลมอนด์ และมัทฉะ, Foie Gras Ice-Cream ฟัวกราส์เทอร์รีน เมนูของคาวที่อยู่ในรูปทรงของหวาน เสิร์ฟมาพร้อมโคนไอศกรีมให้ได้หยิบทานง่าย ๆ และ The Kraken JR. แครกเกอร์ที่ทำมาจากน้ำหมึก ดีไซน์ออกมาเป็นรูปเงาสีดำของปลาหมึก สอดไส้มากับครีมปลาไหลรมควัน พร้อมตัดรสชาติด้วยซอสราสพ์เบอร์รีที่เข้ากันอย่างลงตัว
 

Amuse Bouche - Journey on Kraken

ถัดมาเป็นเมนู Oyster Lava Lamp ที่ดีไซน์มาในลักษณะของหลอดทดลอง ซึ่งภายในหลอดมีของเหลวที่เดือดปุด เหมือนลาวา เป็น Dressing หนึ่งในองค์ประกอบของน้ำราดสำหรับเมนูนี้ ตามด้วยเมอแรงก์ที่ทำมาจาก White Wine Vinegar ผสมน้ำปลาหอม พร้อมนำมาเสียบบนพร็อพปะการังให้ทานคู่กับหอยนางรมด้วย แนะนำให้ทานหอยนางรมเข้าไปก่อนแล้วตามด้วยเมอแรงก์ จะช่วยชูรสชาติให้เข้มข้นลงตัวมากขึ้น

 

Oyster Lava Lamp

 

Oyster Lava Lamp

จากนั้นเพิ่มความอุ่นท้องอย่างต่อเนื่องด้วยเมนู Mussel and Custard เมนูไข่ตุ๋นหรือซุปคัสตาร์ดที่มีความเป็นอาหารยุโรปและอาหารญี่ปุ่นอยู่ในถ้วยเดียวกัน โดยฟองโฟมที่ท็อปลงบนตัวคัสตาร์ดคือน้ำซุปที่สกัดมาจากหอยแมลงภู่ ได้ความครีมมี่ที่กลมกล่อมเคล้ากลิ่นอายของท้องทะเลแบบเต็มคำ

 

Mussel and Custard

ในส่วนของจานไฮไลท์ถัดมาคือเมนู Orcas in The Gala เป็นการดัดแปลงมาจากการทานซาชิมิของทางญี่ปุ่นใน 1 คำ ซึ่งจะมีส่วนผสมของโชยุและวาซาบิ ประกอบไปด้วยปลา 3 ชนิด ได้แก่ Shima Aji, Bluefin Tuna Akami และ Otoro ทั้งหมดใช้เวลาดรายเอจประมาณ 14 วัน พร้อมหมักในคอมบุ โดยเลือกใช้เฉพาะส่วนแกนในหรือส่วนกลางของปลา ซึ่งจะได้รสชาติที่เข้มข้น ส่วนของหนังหรือหน้ากากดำของวาฬเพชฌฆาตจะหมักด้วยโชยุ ประมาณ 2 เดือน ส่วนท้องปลาวาฬสีขาวจะเป็นส่วนของครีมที่นำไปอินฟิวส์กับปลาแห้ง และวาซาบินิดหน่อย สามารถเริ่มทานจากส่วนหัวหรือส่วนหางของปลาก่อนก็ได้ แล้วค่อยผสมผสานเครื่องเคียงภายในจานเข้าด้วยกัน ซึ่งประกอบไปด้วย Wasabi Ball, Lemon Gel และส่วนผสมของผัก-ผลไม้ดอง ตักทานแกล้มกับส่วนของเนื้อปลาเป็นส่วนผสมที่เข้ากันเป็นอย่างดี

 

Orcas in The Gala

เอาใจคนชอบทานปลากันไปแล้ว หันมาเอาใจคนรักปูกันบ้างกับเมนู The Claw of Crab เป็นการครีเอตความอร่อยผ่านจินตนาการว่ามีเนื้อปูซ่อนอยู่แล้วชูก้ามขึ้นมา เป็นเมนูที่ได้แรงบันดาลใจมาจากการระบายสีเทียน จึงนำเอา Sunchoke Power และ Apple Powder มาโรยบนแผ่นก้ามปู ส่วนด้านข้างจะราดด้วยซอส Beurre Noisette Hollandaise ที่ให้รสชาติหวานอมเปรี้ยว แนะนำให้ตักส่วนผสมอย่างละนิดละหน่อยทานพร้อมกับเนื้อปูจะช่วยชูรสชาติได้อย่างเข้ากัน

 

The Claw of Crab

ลิ้มลองความอร่อยของวัตถุดิบจากท้องทะเลกันต่อกับเมนู Foie Gras of The Sea ที่เป็นการนำตับปลาอังกิโมะไป Poach ในโชยุ เพื่อให้ได้เนื้อสัมผัสที่มีความครีมมี่ ละมุนลิ้นคล้ายกับฟัวกราส์ เสิร์ฟทานคู่กับ Morel Consume หรือซุปเห็ดมอเรลรสเข้มข้นที่เติมความสดชื่นด้วยพาสลีย์ออยล์หอม และเพิ่ม After Taste ด้วยกลิ่นหอมสดชื่นของยูซุ

 

Foie Gras of The Sea

ก่อนดำดิ่งสู่โลกใต้ท้องทะเลแห่งจินตนาการอีกครั้งบนขั้วโลกใต้ที่พร้อมเสิร์ฟความอร่อยด้วยเมนู Deep Antarctic หนึ่งในจานไฮไลท์ที่จำลองหน้าตาเมนูอาหารมาจากบรรยากาศ สภาพแวดล้อมของขั้วโลกใต้ โดยวัตถุดิบหลักที่ใช้จะเป็นปลาหิมะอย่างดีที่ส่งตรงจากญี่ปุ่น ก่อนทานทางร้านจะดับไฟลงให้เห็นความเรืองแสงของคลอโรฟิลล์จาก Dill ในอาหาร บริเวณธารน้ำแข็งหรือภูเขาน้ำแข็งจำลองที่ละลายแล้ว ซึ่งเชฟได้ไอเดียนี้มาจากภาพสิ่งมีชีวิตที่อาจซ่อนอยู่ในใต้ท้องทะเลลึก ราดด้วยเหล้าบ๊วยและ Beurre Blanc ที่ช่วยเพิ่มรสชาติให้กับอาหารจานนี้ได้เป็นอย่างดี

 

Deep Antarctic

 

Deep Antarctic

 

Deep Antarctic

จัดเต็มความอร่อยด้วย Main Course กับเมนู Duckling เป็ดย่างที่ผ่านหลากหลายกรรมวิธีเฉพาะของทางร้านจนได้เนื้อเป็ดย่างที่มีความนุ่มและสัมผัสหนังกรอบ เสิร์ฟมาพร้อมกับซอสทงคัทสึที่ราดมาเป็นรูปร่างเป็ดสุดน่ารัก อีกทั้งจานเคียงอย่างไส้กรอกคอเป็ดที่ราดด้วยเหล้าจิน (หอมกลิ่นจูนิเปอร์ เบอร์รี) แล้วเบิร์นไฟให้ได้กลิ่นสโมคหอม ๆ ปาดทานกับซอสมิกซ์เบอร์รี ก็อร่อยเด็ดไม่แพ้กัน

 

Duckling

 

Duckling

พักเบรคความอิ่มท้องด้วย Warm and Cleared เมนูซุปปลาที่ต้มจากกระดูกปลา พร้อมกับหยดน้ำมะนาวลงไปนิดนึง เพื่อเพิ่มรสสัมผัสที่สดชื่น เคลียร์รสชาติในปากได้ดีก่อนเริ่มต้นคอร์สเมนูขนมหวาน

 

Warm and Cleared

อิ่มอร่อยกับเมนูอาหารคาวกันไปแล้ว ก็ถึงคิวของเมนูขนมหวาน ทางร้านเลือกเสิร์ฟเป็น Pre-Dessert ก่อน ด้วยเมนูที่ชื่อว่า Hidden Nest ซึ่งโดยปกติ เมื่อเราเห็นรังนกก็จะสามารถคาดเดาได้ว่าเป็นสัตว์ปีกซ่อนอยู่ใต้เปลือกไข่ แต่สำหรับเมนูนี้จะเป็นขนมที่ดีไซน์หน้าตาให้เป็นใบหน้าหมูสุดเซอร์ไพรส์ที่ให้รสสัมผัสของเนื้อครีม Pina Colada สุดละมุน

 

Hidden Nest

มาถึง Main Dessert หรือเมนูขนมหวานประจำคอร์สนี้กันบ้างกับเมนู Happy Ending / Smiling ที่เสิร์ฟมาในลักษณะของ Smiley Face สีเหลืองที่ทำมาจากไวท์ช็อกโกแลต ก่อนทานทางร้านจะเสิร์ฟค้อนจิ๋วให้ได้ทุบลงไปตรงบริเวณใบหน้าให้แตกก่อนก็จะเห็นส่วนผสมด้านในที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น Hojicha Purin พุดดิ้งรสโฮจิฉะตามแบบขนมหวานสไตล์ญี่ปุ่น, Almond Crumble กรุบกรอบ, ชีสเค้ก และแพร์กรานิต้า ตักทานพร้อม กัน จะเป็นการผสมผสานรสชาติความหวานมันและเนื้อสัมผัสหลายมิติในคำเดียว ปิดท้ายมื้อดินเนอร์ครั้งนี้ได้แบบ Happy Ending เต็มไปด้วยรอยยิ้ม สมกับชื่อคอร์สขนมหวานอย่างแท้จริง

 

Happy Ending / Smiling

 

Happy Ending / Smiling

Must Read!
  • แนะนำให้สำรองที่นั่งล่วงหน้า ก่อนเดินทางมาที่ร้านทุกครั้ง
Info
Hours
Open : 5:30PM - 8PM
Tue : 5:30PM - 8PM
Wed : Closed
Thu : 5:30PM - 8PM
Fri : 5:30PM - 8PM
Sat : 5:30PM - 8PM
Sun : 5:30PM - 8PM
Mon : 5:30PM - 8PM
Price

฿฿฿฿฿฿ มากกว่า 2,000 บาทต่อคน

Address
28, สุขุมวิท 40 (ซอยสมานฉันท์) เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร
Map
Suggest an Edit