Published on October 14, 2016

New Sake Bar in Ekamai

ใครที่กำลังมองหาร้านเหล้าบรรยากาศดี ๆ ลองแวะไปที่ Orihara Shoten อยู่บริเวณด้านหน้า Park Lane Ekamai เป็นร้านขายเหล้าและสาเกบาร์สไตล์ญี่ปุ่นแท้ ๆ ที่มีประวัติยาวนานกว่า 90 ปี มีสาขาที่โตเกียว สิงคโปร์ และเพิ่งเปิดสาขาที่ 3 ที่กรุงเทพ ฯ เมื่อไม่นานมานี้

 

Japanese Spirits

สำหรับ Orihara Shoten ในประเทศไทยได้มีการร่วมหุ้นกับ BB&B โดยมีคุณ Yoshito Suzuki เป็นผู้จัดการร้านซึ่งมีความรู้ความเข้าใจในสาเกและเหล้าญี่ปุ่นเป็นอย่างดี ภายในร้านตกแต่งสไตล์ญี่ปุ่น เน้นไม้เป็นวัสดุหลัก มีตู้แช่สาเกพร้อมป้ายแขวนบรรยายข้อมูลเบื้องต้นของสาเกแต่ละขวด นอกจากนี้ยังมีเหล้าญี่ปุ่นชนิดอื่น ๆ วางขายด้วย หากใครที่สนใจเครื่องไม้เครื่องมือสำหรับการดื่มสาเก ทางร้านก็มีจัดจำหน่ายเช่นกัน

 

Grab A Bottle

วิธีการสั่งสาเกที่ร้าน จะเริ่มจากการเลือกสาเกจากตู้แช่ โดยคิดค่าเปิดขวดตามปริมาณสาเก หรือหากต้องการนำกลับบ้านก็ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมนอกเหนือจากราคาที่ระบุไว้ข้างขวด

 

Japanese Munch & Oden

นอกจากสาเกแล้ว ทางร้านยังเสิร์ฟอาหารทานเล่นเบา ๆ และกับแกล้มเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นโอเด้ง ถั่ว หรืออาหารทะเลอบแห้ง แนะนำ Kaki-Pii (110 บาท) ถั่วอบและแครกเกอร์ญี่ปุ่นกรุบ ๆ หากชอบอาหารทะเลลองสั่ง Sake Toba (240 บาท) ปลาแซลมอนตากแห้งหนึบ ๆ รสเค็ม

 

Kaki-Pii (110 บาท) และ Sake Toba (240 บาท)

หรือใครที่อยากทานโอเด้ง ลองสั่ง ODEN Tamago (50 บาท) ไข่ต้ม, Daikon (70 บาท) หัวไชเท้าสไลซ์, Konnyaku (70 บาท) บุกคอนยัคกุ และ Atsu Age (70 บาท) เต้าหู้ทอด โดยเสิร์ฟมาในซุปพร้อมกับมัสตาร์ดญี่ปุ่นรสจัดจ้าน

 

ODEN Tamago (50 บาท) ไข่ต้ม, Daikon (70 บาท) หัวไชเท้าสไลซ์, Konnyaku (70 บาท) บุกคอนยัคกุ และ Atsu Age (70 บาท) เต้าหู้ทอด

How to Make Sake 

Yoshito เล่าถึงที่มาของสาเกว่าเกิดจากวัตถุดิบเพียง 4 ชนิด คือ ข้าว น้ำ โคจิ และยีสต์ โดยเริ่มจากการนำข้าวไปขัดสี จากนั้นนำไปหมักกับเชื้อราโคจิ ซึ่งจะทำให้แป้งในข้าวกลายเป็นน้ำตาล และยีสต์จะเปลี่ยนน้ำตาลให้เป็นแอลกอฮอล์ จนกระทั่งได้เป็นสาเกในที่สุด

 

Types Of Sake

Yoshito ยังได้อธิบายเพิ่มเติมถึงประเภทของสาเกญี่ปุ่นที่จำแนกรสชาติได้ 4 แบบ แบบแรก Kun-Shu หรือ Aromatic Type จะให้กลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์แต่มีรสชาติเบา แบบที่สอง Juku-Shu หรือ Aged Type ให้รสชาติและกลิ่นที่เข้มข้นตามระยะเวลาที่หมัก แบบที่สาม Sou-Shu หรือ Light & Smooth Type รสชาติมีความเบาและนุ่ม ดื่มง่าย และแบบสุดท้าย Jun-Shu หรือ Flavorful Type มีรสชาติเข้มแต่กลิ่นจะไม่แรง

 

สาเกสามารถดื่มได้ทั้งแบบเย็นและร้อน ที่อุณภูมิตั้งแต่ 5 - 55 องศาเซลเซียส อุณหภูมิยิ่งต่ำก็จะยิ่งทำให้กลิ่นและรสชาติน้อยลงตามลำดับ ทำให้สาเกมีรสค่อนข้างเบาและดื่มง่าย ในขณะที่หากดื่มแบบอุณหภูมิสูงจะได้กลิ่นและรสชาติที่แรงและหนักขึ้น อย่างไรก็ตามสาเกบางยี่ห้ออาจจะให้ดื่มตามอุณหภูมิที่แนะนำเพื่อให้ได้รสชาติที่ดีที่สุด

 

Highball

นอกจากสาเกแล้ว ทางร้านยังมีเหล้าบ๊วย Umeshu และวิสกี้ Suntory ซึ่งจะเสิร์ฟแบบ Kaku High-ball (180 บาท) โดยผสมวิสกี้กับโซดาเข้าด้วยกัน แต่ความพิเศษของ Kakubin ที่นี่ก็คือเสิร์ฟจากตู้กดโดยตรง ทำให้ได้วิสกี้และโซดาในปริมาณที่พอเหมาะและโซดามีความซ่ามากกว่าปกติ

 

Kaku High-ball (180 บาท)

Info
Hours
Open : 4PM - 12AM
Fri : 4PM - 12AM
Sat : 4PM - 12AM
Sun : 4PM - 12AM
Mon : Closed
Tue : 4PM - 12AM
Wed : 4PM - 12AM
Thu : 4PM - 12AM
Price

฿฿฿฿ 501-1,000 บาทต่อคน

Address
Park Lane Ekamai เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร
Map
Mass Transit

BTS เอกมัย

Suggest an Edit