Published on August 27, 2025

Thailand’s First Wine On Tap, Where Wine Meets High Energy

สัมผัสประสบการณ์แฮงเอาต์และการจิบไวน์รูปแบบใหม่ไม่เหมือนใครที่ PICHÉ WINE BAR High-Energy Wine Bar ไวป์ดีแห่งย่านสุขุมวิท กับการเสิร์ฟดริงก์จากแท็ป พร้อมแกล้มความอร่อยด้วยสารพัดเมนูฟิวชัน-ไฟน์ไดน์นิ่งของเชฟร้านดัง โดยที่นี่นับเป็นไวน์บาร์แห่งแรกในไทยใจกลางกรุงเทพฯ และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่กล้าฉีกกฎเดิม ด้วยคอนเซ็ปต์ที่โดดเด่นและแตกต่าง ด้วยการเสิร์ฟไวน์จากแท็ป ก่อตั้งโดยกลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านการบริการ ซอมเมอลิเยร์ (ผู้เชี่ยวชาญด้านไวน์ระดับมืออาชีพ) และนักสร้างสรรค์ไนท์ไลฟ์ ซึ่งต้องการทำให้การดื่มไวน์เป็นเรื่องที่เข้าถึงง่าย ท่ามกลางบรรยากาศสบาย แบบไม่มีพิธีรีตอง เพื่อให้ที่นี่เป็นหมุดหมายของการนัดพบปะสังสรรค์ของเหล่าคนรักไวน์และคนรักเสียงเพลงให้ได้ดื่มด่ำกับช่วงเวลาดี เอ็นจอยไนท์ไลฟ์ในยามค่ำคืน

 

ไวน์บาร์นวัตกรรมใหม่ รูปแบบ Wine On Tap

Design-Driven Space

ภายในร้านตกแต่งอย่างพิถีพิถัน ให้ความรู้สึกเหมือนได้เข้ามาอยู่ในห้องนั่งเล่นส่วนตัวที่เต็มไปด้วยมู้ดของความอบอุ่น เป็นกันเอง ไม่ว่าจะมากับก๊วนเพื่อนหรือคนพิเศษ ที่ไวน์บาร์แห่งนี้ก็มีหลากหลายมุมให้เลือกสรร

 

บรรยากาศชิลเอาต์ในแบบที่เป็นส่วนตัว

ออกแบบสเปซอย่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ด้วยผนังที่ประดับด้วยแผ่นเสียง สะท้อนถึงวัฒนธรรมดนตรี และเมนูบอร์ดเรืองแสงที่ลอยตัว สร้างบรรยากาศที่เชื้อเชิญให้เข้ามาเอ็นจอยความสนุกภายในร้าน ซึ่งดีไซน์ออกมาได้อย่างมีสไตล์เรียบง่ายและทันสมัย (Urban Minimalism) ตอบโจทย์การเป็นคอมมูนี้ตี้ที่เสริมสร้างปฏิสัมพันธ์และประสบการณ์แฮงเอาต์ใหม่ ที่ไม่เหมือนใคร นอกจากนี้ยังมีดีเจที่คอยเปิดเพลงสร้างสรรค์บรรยากาศให้ครื้นเครง คัดสรรบทเพลงที่เปลี่ยนไปตามจังหวะของค่ำคืน ตั้งแต่เฮาส์บีทคลาสสิก โซล ดิสโก้ ฟังก์ ไปจนถึงเพลงที่ชวนให้ร้องตาม โยกตามเบา รวมเป็นไวป์ของความสนุกสนานที่ผสมผสานกับความสบายได้อย่างลงตัว

 

มู้ดบรรยากาศภายในบาร์

Wine Bar infused with Culinary Flair & Crafted Sips

แน่นอนว่าสิ่งที่ทำให้ PICHÉ WINE BAR นั้นโดดเด่นและเป็นที่พูดถึงมากที่สุดก็คือ นวัตกรรม ‘Wine On Tap’ โดยเป็นไวน์บาร์แห่งแรกในประเทศไทยและในภูมิภาคเอเชียที่เสิร์ฟไวน์จากถังแท็ป คล้ายกับการเสิร์ฟเบีนร์ ซึ่งข้อดีของการเสิร์ฟไวน์ในลักษณะนี้คือการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน เพราะมีส่วนช่วยลดการใช้ขวดแก้วและสร้างมลพิษจากการผลิตขวดแก้ว ยิ่งไปกว่านั้นคือ ลูกค้าสามารถชิมไวน์ได้ทุกแท็ป ก่อนตัดสินใจสั่งมาดื่ม ไม่ว่าจะเป็นไวน์ขาว ไวน์แดง ออเรนจ์ไวน์ โรเซ่ สปาร์คกลิงไวน์ หรือแม้กระทั่งไซเดอร์และเบียร์ ทำให้มั่นใจได้ว่าเราจะได้ชิมไวน์ที่ให้รสชาติถูกปากถูกใจมากที่สุด ซึ่งในระหว่างที่เทสต์รสชาติไวน์นั้น นักดื่มไวน์ทั้งหลายยังจะได้รับคำแนะนำจากซอมเมอลิเยร์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านไวน์อีกด้วย


ทั้งนี้ไวน์ของที่นี่ยังนำเข้าจากหลากหลายประเทศ ทั้งอิตาลี ออสเตรเลีย ฝรั่งเศส รวมถึงไวน์ House Blend ของทางร้านเอง โดยสามารถเลือกสั่งดื่มได้ทั้งแบบแก้ว (ราคาเริ่มต้น 300 บาท) แบบครึ่งลิตร (ราคาเริ่มต้น 890 บาท) และหนึ่งลิตร (ราคาเริ่มต้น 1,690 บาท) ซึ่งปริมาณหนึ่งลิตรนั้นให้ปริมาณมากกว่าขวดไวน์มาตรฐานทั่วไป เรียกว่าคุ้มค่าอย่างมากในการมาใช้บริการ นอกจากไวน์จากแท็ปแล้วยังมีลิสต์ไวน์ขวดที่คัดสรรมาอย่างพิถีพิถันจากหลายประเทศทั่วโลก ตั้งแต่ไวน์ธรรมชาติที่มีสไตล์ไปจนถึงไวน์คลาสสิกชื่อดัง พร้อมไวน์พิเศษหลายรายการมาให้ได้เลือกสรรตามความชอบ

 

แท็ปลิสต์ไวน์หลากหลายชนิดที่มีให้เลือกชิมก่อนสั่งดื่ม

สำหรับครั้งนี้ เครื่องดื่มไวน์ขาว (White) ที่ทางบาร์แนะนำคือ Grenachie Blanc (ขนาดครึ่งลิตร 890 บาท) ดริงก์ที่ดื่มง่าย ให้กลิ่นหอมของน้ำผึ้ง รสหวานเบา กำลังดี ในส่วนของไวน์แดง (Red) ซึ่งเหมาะสำหรับคนที่ชอบดริงก์รสเปรี้ยวอมหวาน แนวสดชื่นหน่อย ขอแนะนำ PICHÉ House Blend (ขนาดครึ่งลิตร 890 บาท) ซึ่งเป็นไวน์ House Blend ของทางร้าน

 

Red Wine : PICHÉ House Blend (ขนาดครึ่งลิตร 890 บาท)

สิ่งที่โดดเด่นไม่แพ้ Wine On Tap คือสารพัดเมนูอาหารสไตล์ฟิวชัน-ไฟน์ไดนิ่ง ที่รังสรรค์โดยทีมเชฟจากร้าน Int ซึ่งขึ้นชื่อในเรื่องสไตล์และรสชาติอาหาร ซึ่งทุกจานถูกออกแบบมาให้จับคู่กับการดื่มไวน์ได้อย่างลงตัว ด้วยรสชาติที่สร้างความคุ้นเคยแบบกลิ่นอายสไตล์อาหารไทย เพื่อให้ถูกปากคนไทยและชาวต่างชาติที่หลงใหลในอาหารไทยได้ลิ้มลองความอร่อยไปพร้อม กัน

 

หลากหลายเมนูอาหารสไตล์ฟิวชัน-ไฟน์ไดน์นิ่ง ที่มีให้เลือกสั่งมาแกล้มความอร่อยคู่กับไวน์

เมนูแนะนำจานแรกที่ไม่ควรพลาดคือ Pork Terrine (390 บาท) เซ็ตเมนูหมูกระทะในแบบฟิวชัน-ไฟน์ไดน์นิ่งที่เสิร์ฟมาพร้อมกับซอสพริกสูตรพิเศษ งาขาวคั่ว กะหล่ำปลีดอง หอมแดงดอง และมัสตาร์ดซีดที่ให้รสสัมผัสคล้ายกับคาเวียร์ ซึ่งพอลองรับประทานพร้อมกันแล้วจะต้องเซอร์ไพรส์ เพราะผสมผสานรสชาติออกมาได้กลมกล่อม คล้ายกับเมนูหมูกระทะอย่างไรอย่างนั้น

 

Pork Terrine (390 บาท)

ตามมาด้วยเมนู Grilled Seabass (490 บาท) ปลากะพงย่างหนังกรอบ เสิร์ฟมาพร้อมกับซอสกระดูกปลาเคี่ยวไวน์ขาว ผัดเห็ดชิเมจิ เป็นหนึ่งจานเด็ดที่หอมเครื่องสมุนไพรให้กลิ่นอายคล้ายกับต้มข่า

 

Grilled Seabass (490 บาท) และ White Wine : Grenachie Blanc (ขนาดครึ่งลิตร 890 บาท)

ก่อนเอาใจสายเนื้อด้วยเมนู Wagyu Striploin (690 บาท) เกาเหลาเนื้อที่เสิร์ฟมาในรูปแบบของสเต๊ก โดยส่วนเนื้อที่ใช้จะเป็นสตริปลอยน์ ให้เนื้อสัมผัสนุ่มชุ่มซอสเกาเหลา เป็นอาหารสไตล์ฟิวชันที่แปลกใหม่ ได้รสชาติเข้มข้นและกลิ่นอายความเป็นไทยแบบชัดเจน

 

Wagyu Striploin (690 บาท)

ปิดท้ายมื้อสังสรรค์ครั้งนี้กันด้วยเซ็ตความอร่อยแบบจัดเต็มอย่าง Cold Cuts & Cheese Platter (790 บาท) Cheese & Charcuterie เซ็ตเมนูที่รวบรวมชีสถึง 3 ชนิด ได้แก่ ชีสพาร์เมซาน, ชีสบรี-ทรัฟเฟิล และชีสกงเต พร้อมกับ Charcuterie (ผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์หลากหลายรูปแบบ) ที่ประกอบด้วย Salami, Mortadella และ Parma Ham รวมถึงเครื่องเคียง ทั้งขนมปังซาวร์โดว์ ผลมะกอก และผักดองหลากหลายชนิดให้ได้รับประทานแบบครบครัน

 

Cold Cuts & Cheese Platter (790 บาท)

 

บรรยากาศด้านหน้าบาร์

PICHÉ WINE BAR แห่งนี้จึงไม่ได้เป็นเพียงแค่ร้านอาหาร แต่ยังเป็นจุดหมายปลายทางสำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์การรับประทานอาหารฟิวชันที่แปลกใหม่ ควบคู่ไปกับการสำรวจโลกแห่งไวน์คุณภาพสูง ในรูปแบบที่ทันสมัย และเป็นมิตรต่อโลก พร้อมส่งต่อวัฒนธรรมไวน์ระดับโลกมาสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้คนรักไวน์ นักสังสรรค์ทั้งหลายได้ลองมาแฮงเอาต์ สัมผัสไวป์ของความสนุกสุดประทับใจนี้ด้วยตัวเอง

Info
Hours
Everyday : 5PM - 3AM
Price

฿฿฿฿ 501-1,000 บาทต่อคน

Address
โครงการ 24 BLVD ชั้น 1 ซอยสุขุมวิท 24 ถนนราชพฤกษ์ เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร
Map
Mass Transit

MRT สุขุมวิท

BTS พร้อมพงษ์

Facilities
Suggest an Edit