Thailand’s First Wine On Tap, Where Wine Meets High Energy
สัมผัสประสบการณ์แฮงเอาต์และการจิบไวน์รูปแบบใหม่ไม่เหมือนใครที่ PICHÉ WINE BAR High-Energy Wine Bar ไวป์ดีแห่งย่านสุขุมวิท กับการเสิร์ฟดริงก์จากแท็ป พร้อมแกล้มความอร่อยด้วยสารพัดเมนูฟิวชัน-ไฟน์ไดน์นิ่งของเชฟร้านดัง โดยที่นี่นับเป็นไวน์บาร์แห่งแรกในไทยใจกลางกรุงเทพฯ และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่กล้าฉีกกฎเดิม ๆ ด้วยคอนเซ็ปต์ที่โดดเด่นและแตกต่าง ด้วยการเสิร์ฟไวน์จากแท็ป ก่อตั้งโดยกลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านการบริการ ซอมเมอลิเยร์ (ผู้เชี่ยวชาญด้านไวน์ระดับมืออาชีพ) และนักสร้างสรรค์ไนท์ไลฟ์ ซึ่งต้องการทำให้การดื่มไวน์เป็นเรื่องที่เข้าถึงง่าย ท่ามกลางบรรยากาศสบาย ๆ แบบไม่มีพิธีรีตอง เพื่อให้ที่นี่เป็นหมุดหมายของการนัดพบปะสังสรรค์ของเหล่าคนรักไวน์และคนรักเสียงเพลงให้ได้ดื่มด่ำกับช่วงเวลาดี ๆ เอ็นจอยไนท์ไลฟ์ในยามค่ำคืน
Design-Driven Space
ภายในร้านตกแต่งอย่างพิถีพิถัน ให้ความรู้สึกเหมือนได้เข้ามาอยู่ในห้องนั่งเล่นส่วนตัวที่เต็มไปด้วยมู้ดของความอบอุ่น เป็นกันเอง ไม่ว่าจะมากับก๊วนเพื่อนหรือคนพิเศษ ที่ไวน์บาร์แห่งนี้ก็มีหลากหลายมุมให้เลือกสรร
ออกแบบสเปซอย่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ด้วยผนังที่ประดับด้วยแผ่นเสียง สะท้อนถึงวัฒนธรรมดนตรี และเมนูบอร์ดเรืองแสงที่ลอยตัว สร้างบรรยากาศที่เชื้อเชิญให้เข้ามาเอ็นจอยความสนุกภายในร้าน ซึ่งดีไซน์ออกมาได้อย่างมีสไตล์เรียบง่ายและทันสมัย (Urban Minimalism) ตอบโจทย์การเป็นคอมมูนี้ตี้ที่เสริมสร้างปฏิสัมพันธ์และประสบการณ์แฮงเอาต์ใหม่ ๆ ที่ไม่เหมือนใคร นอกจากนี้ยังมีดีเจที่คอยเปิดเพลงสร้างสรรค์บรรยากาศให้ครื้นเครง คัดสรรบทเพลงที่เปลี่ยนไปตามจังหวะของค่ำคืน ตั้งแต่เฮาส์บีทคลาสสิก โซล ดิสโก้ ฟังก์ ไปจนถึงเพลงที่ชวนให้ร้องตาม โยกตามเบา ๆ รวมเป็นไวป์ของความสนุกสนานที่ผสมผสานกับความสบายได้อย่างลงตัว
Wine Bar infused with Culinary Flair & Crafted Sips
แน่นอนว่าสิ่งที่ทำให้ PICHÉ WINE BAR นั้นโดดเด่นและเป็นที่พูดถึงมากที่สุดก็คือ นวัตกรรม ‘Wine On Tap’ โดยเป็นไวน์บาร์แห่งแรกในประเทศไทยและในภูมิภาคเอเชียที่เสิร์ฟไวน์จากถังแท็ป คล้ายกับการเสิร์ฟเบีนร์ ซึ่งข้อดีของการเสิร์ฟไวน์ในลักษณะนี้คือการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน เพราะมีส่วนช่วยลดการใช้ขวดแก้วและสร้างมลพิษจากการผลิตขวดแก้ว ยิ่งไปกว่านั้นคือ ลูกค้าสามารถชิมไวน์ได้ทุกแท็ป ก่อนตัดสินใจสั่งมาดื่ม ไม่ว่าจะเป็นไวน์ขาว ไวน์แดง ออเรนจ์ไวน์ โรเซ่ สปาร์คกลิงไวน์ หรือแม้กระทั่งไซเดอร์และเบียร์ ทำให้มั่นใจได้ว่าเราจะได้ชิมไวน์ที่ให้รสชาติถูกปากถูกใจมากที่สุด ซึ่งในระหว่างที่เทสต์รสชาติไวน์นั้น นักดื่มไวน์ทั้งหลายยังจะได้รับคำแนะนำจากซอมเมอลิเยร์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านไวน์อีกด้วย
ทั้งนี้ไวน์ของที่นี่ยังนำเข้าจากหลากหลายประเทศ ทั้งอิตาลี ออสเตรเลีย ฝรั่งเศส รวมถึงไวน์ House Blend ของทางร้านเอง โดยสามารถเลือกสั่งดื่มได้ทั้งแบบแก้ว (ราคาเริ่มต้น 300 บาท) แบบครึ่งลิตร (ราคาเริ่มต้น 890 บาท) และหนึ่งลิตร (ราคาเริ่มต้น 1,690 บาท) ซึ่งปริมาณหนึ่งลิตรนั้นให้ปริมาณมากกว่าขวดไวน์มาตรฐานทั่วไป เรียกว่าคุ้มค่าอย่างมากในการมาใช้บริการ นอกจากไวน์จากแท็ปแล้วยังมีลิสต์ไวน์ขวดที่คัดสรรมาอย่างพิถีพิถันจากหลายประเทศทั่วโลก ตั้งแต่ไวน์ธรรมชาติที่มีสไตล์ไปจนถึงไวน์คลาสสิกชื่อดัง พร้อมไวน์พิเศษหลายรายการมาให้ได้เลือกสรรตามความชอบ
สำหรับครั้งนี้ เครื่องดื่มไวน์ขาว (White) ที่ทางบาร์แนะนำคือ Grenachie Blanc (ขนาดครึ่งลิตร 890 บาท) ดริงก์ที่ดื่มง่าย ให้กลิ่นหอมของน้ำผึ้ง รสหวานเบา ๆ กำลังดี ในส่วนของไวน์แดง (Red) ซึ่งเหมาะสำหรับคนที่ชอบดริงก์รสเปรี้ยวอมหวาน แนวสดชื่นหน่อย ขอแนะนำ PICHÉ House Blend (ขนาดครึ่งลิตร 890 บาท) ซึ่งเป็นไวน์ House Blend ของทางร้าน
สิ่งที่โดดเด่นไม่แพ้ Wine On Tap คือสารพัดเมนูอาหารสไตล์ฟิวชัน-ไฟน์ไดนิ่ง ที่รังสรรค์โดยทีมเชฟจากร้าน Int ซึ่งขึ้นชื่อในเรื่องสไตล์และรสชาติอาหาร ซึ่งทุกจานถูกออกแบบมาให้จับคู่กับการดื่มไวน์ได้อย่างลงตัว ด้วยรสชาติที่สร้างความคุ้นเคยแบบกลิ่นอายสไตล์อาหารไทย เพื่อให้ถูกปากคนไทยและชาวต่างชาติที่หลงใหลในอาหารไทยได้ลิ้มลองความอร่อยไปพร้อม ๆ กัน
เมนูแนะนำจานแรกที่ไม่ควรพลาดคือ Pork Terrine (390 บาท) เซ็ตเมนูหมูกระทะในแบบฟิวชัน-ไฟน์ไดน์นิ่งที่เสิร์ฟมาพร้อมกับซอสพริกสูตรพิเศษ งาขาวคั่ว กะหล่ำปลีดอง หอมแดงดอง และมัสตาร์ดซีดที่ให้รสสัมผัสคล้ายกับคาเวียร์ ซึ่งพอลองรับประทานพร้อมกันแล้วจะต้องเซอร์ไพรส์ เพราะผสมผสานรสชาติออกมาได้กลมกล่อม คล้ายกับเมนูหมูกระทะอย่างไรอย่างนั้น
ตามมาด้วยเมนู Grilled Seabass (490 บาท) ปลากะพงย่างหนังกรอบ เสิร์ฟมาพร้อมกับซอสกระดูกปลาเคี่ยวไวน์ขาว ผัดเห็ดชิเมจิ เป็นหนึ่งจานเด็ดที่หอมเครื่องสมุนไพรให้กลิ่นอายคล้ายกับต้มข่า
ก่อนเอาใจสายเนื้อด้วยเมนู Wagyu Striploin (690 บาท) เกาเหลาเนื้อที่เสิร์ฟมาในรูปแบบของสเต๊ก โดยส่วนเนื้อที่ใช้จะเป็นสตริปลอยน์ ให้เนื้อสัมผัสนุ่มชุ่มซอสเกาเหลา เป็นอาหารสไตล์ฟิวชันที่แปลกใหม่ ได้รสชาติเข้มข้นและกลิ่นอายความเป็นไทยแบบชัดเจน
ปิดท้ายมื้อสังสรรค์ครั้งนี้กันด้วยเซ็ตความอร่อยแบบจัดเต็มอย่าง Cold Cuts & Cheese Platter (790 บาท) Cheese & Charcuterie เซ็ตเมนูที่รวบรวมชีสถึง 3 ชนิด ได้แก่ ชีสพาร์เมซาน, ชีสบรี-ทรัฟเฟิล และชีสกงเต พร้อมกับ Charcuterie (ผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์หลากหลายรูปแบบ) ที่ประกอบด้วย Salami, Mortadella และ Parma Ham รวมถึงเครื่องเคียง ทั้งขนมปังซาวร์โดว์ ผลมะกอก และผักดองหลากหลายชนิดให้ได้รับประทานแบบครบครัน
PICHÉ WINE BAR แห่งนี้จึงไม่ได้เป็นเพียงแค่ร้านอาหาร แต่ยังเป็นจุดหมายปลายทางสำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์การรับประทานอาหารฟิวชันที่แปลกใหม่ ควบคู่ไปกับการสำรวจโลกแห่งไวน์คุณภาพสูง ในรูปแบบที่ทันสมัย และเป็นมิตรต่อโลก พร้อมส่งต่อวัฒนธรรมไวน์ระดับโลกมาสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้คนรักไวน์ นักสังสรรค์ทั้งหลายได้ลองมาแฮงเอาต์ สัมผัสไวป์ของความสนุกสุดประทับใจนี้ด้วยตัวเอง








