Published on December 27, 2021

Turn The Ordinary into The Extraordinary

Saawaan อีกหนึ่งร้านอาหารไทยฟิวชันสไตล์ไฟน์ไดน์นิ่งที่ตั้งอยู่ภายในซอยสวนพลู ดีกรีความอร่อยระดับรางวัล Michelin Star 1 ดาว ประจำปี 2022! ซึ่งล่าสุดทางร้านได้พร้อมเปิดบ้านต้อนรับเหล่าฟู้ดดี้ที่รักอาหารไทยอีกครั้งด้วยหลากหลายเมนูใหม่ นำทีมโดยหัวหน้าเชฟ ‘เชฟอ้อม-สุจิรา พงษ์มอญ’ และเชฟของหวาน ‘เชฟเปเปอร์-อริสรา จงพาณิชกุล’ ซึ่งทั้งสองเชฟได้ทำการค้นคว้าและพัฒนาเมนูใหม่ เพื่อกลับมาเสิร์ฟความอร่อยภายหลังจากปิดให้บริการในช่วงล็อกดาวน์กรุงเทพฯ ไปเมื่อกลางปี 2564 ที่ผ่านมา

 

บรรยากาศภายในร้าน

 

บรรยากาศภายในร้าน

การกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งนี้ ทางเชฟได้เดินตามรอยรูปแบบของอาหารไทยดั้งเดิม แล้วเพิ่มเติมแรงบันดาลใจใหม่ ๆ จากวัฒนธรรมอาหารท้องถิ่น (หรือสตรีทฟู้ด) ของไทย พร้อมด้วยอาหารประจำภูมิภาคที่หลากหลาย ซึ่งเมนูใหม่ทั้งหมดจะเน้นไปที่ผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นระดับพรีเมียม ผ่านการคัดเลือกจากเชฟ โดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม ทักษะ และคุณภาพของผลิตผล ภายใต้ความตั้งใจอันดีที่จะนำความรู้ด้านกรรมวิธีการทำอาหารยุโรป และความชอบส่วนตัวด้านการทำอาหารไทย มารังสรรค์ความอร่อยเป็นเมนูต่าง ๆ ด้วยจุดประสงค์ที่ว่า “อยากรักษาอาหารไทยเมนูหาทานยากไว้ให้คนไทยได้รู้จักกันไปนาน ๆ และเป็นการยกระดับอาหารไทยบ้าน ๆ สู่ความ High-End แบบสากล” เช่นเดิม

 

New Tasting Menu (1,980++ บาท)

New Tasting Special Course Menus

รูปแบบอาหารของทางร้านจะเสิร์ฟแบบเป็นคอร์ส ซึ่งแต่ละคอร์สทีมเชฟได้มีการคัดสรรวัตถุดิบและคิดค้นเมนูพิเศษต่าง ๆ มาอย่างตั้งใจ แต่ละเมนูภายในคอร์ส New Tasting Menu (1,980++ บาท) ถูกปรุงอย่างพิถีพิถัน โดยเลือกใช้เทคนิคที่พบได้ทั่วไปในการทำอาหารไทย ไม่ว่าจะเป็น การผัด การหมัก และการย่างด้วยถ่าน อีกทั้งยังถูกจับคู่มากับ Juice Pairing (850++ บาท) น้ำผลไม้จากหลากหลายส่วนผสมและรสชาติต่าง ๆ ที่มาช่วยเสริมความอร่อยเข้ากับอาหารแต่ละจานได้อย่างลงตัว ทำให้คอร์สสุดพิเศษนี้มีความสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น

เริ่มต้นเสิร์ฟความอร่อยด้วย Amuse Bouche หรือเซ็ตเมนูเรียกน้ำย่อย ปรับรสสัมผัสในปากก่อนทานคอร์สจานหลัก ประกอบไปด้วย เมี่ยงข้าวเหนียว ที่มีการนำใบหม่อนไปหมัก แล้วสอดไส้ด้านในด้วยลูกหม่อนเชื่อม, มะพร้าวเผา, ข้าวหอมมะลิ, ส้มซ่าและเปลือกส้มซ่า ก่อนจะห่อส่วนผสมทั้งหมดรวมกันอยู่ในคำเดียวเป็นเมี่ยงข้าวเหนียวรสเปรี้ยวอมหวาน

 

Amuse Bouche - เมี่ยงข้าวเหนียว

ตามมาด้วย ผลไม้ดอง ที่นำเสนอแบบพิเศษด้วยเครื่องจิ้มหลายแบบ ทั้งพริกเกลือ ผงกระเจี๊ยบ และผงปรุงรสที่ทำมาจากแมลง ส่วนผลไม้ดองที่เสิร์ฟนั้นมีทั้งหมด 3 ชนิดด้วยกัน ทั้งด้านนอกสุดที่ใช้พันรอบไม้เสียบและด้านในที่สอดไส้ไว้ด้วยเสาวรสดอง กระท้อนดอง

 

Amuse Bouche - ผลไม้ดอง

และ หอยลาย ที่ทางร้านลงมือทำพริกแกงและพริกเผาเอง พร้อมใส่ใบโหระพาเข้าไปด้วยเพื่อให้มีกลิ่นหอม รสชาติที่ได้จะเหมือนกับการทานผัดหอยลาย

 

Amuse Bouche - หอยลาย

ภายหลังจากทานเมนูเรียกน้ำย่อยกันไปเป็นที่เรียบร้อย คอร์สแรกที่ทางร้านเลือกเสิร์ฟก็คือ Raw ก้อยกุ้ง เมนูที่ได้แรงบันดาลใจมาจากก้อยกุ้งหรือกุ้งเต้น แต่เดิมจะใช้กุ้งฝอยในการทำแล้วนำมาผสมเข้ากับเครื่องปรุง แต่ครั้งนี้ทางร้านได้เลือกใช้กุ้งญี่ปุ่นอย่าง Ama Ebi ในการทำอาหาร ด้วยเหตุผลที่ว่ามีความสดหวานและได้เนื้อสัมผัสที่กรอบเด้งมากกว่า ลักษณะการเสิร์ฟจะมีการแยกเลเยอร์ชั้นอย่างชัดเจน เป็นกุ้ง Ama Ebi สด เรียงชั้นมากับแตงกวา 3 ชนิด ได้แก่ แตงกวาดอง, แตงกวาย่าง และแตงกวาสด เวลาทานเข้าไปจะได้รสสัมผัสที่แตกต่างกัน ส่วน Dressing ที่ใช้ราดบนตัวกุ้งนั้นทำมาจากกะทิผสมน้ำมันมะกรูดที่ทางร้านทำเอง เวลาทานให้คลุกเคล้าเนื้อกุ้งและส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน จะได้รสชาติที่กลมกล่อมลงตัว

คอร์สแรกจะถูกเสิร์ฟมาพร้อมกับ Homemade Ginger Ale จิงเจอร์เอลที่มีส่วนผสมของตะไคร้ออร์แกนิกและส้มซ่า ให้ Taste Note ของความสดชื่น 

 

Raw ก้อยกุ้ง

คอร์สที่ 2 คือเมนู Fermented ขนมจีนน้ำพริก โดยทางร้านจะใช้เส้นขนมจีนแป้งหมัก ซึ่งหาทานยาก ผ่านการหมักมาอย่างน้อย 1 เดือน ส่วนน้ำยาขนมจีนนั้นทำมาจากถั่วลิสงและถั่วเขียวบดละเอียดที่เพิ่มความหอมด้วยการใส่ลูกมะกรูดลงไปทั้งลูก เสิร์ฟมาพร้อมกับเทมปุระผัก ดอกไม้ทานได้ที่ถูกคัดสรรมาจากฟาร์มออร์แกนิกในจังหวัดนครปฐม และสมุนไพรตามฤดูกาล แล้วโรยหน้าด้วยกระยาสารทจากธัญพืช 5 ชนิดที่คลุกเคล้าเข้ากับน้ำดอกมะพร้าวเพื่อเพิ่มความหอมและเนื้อสัมผัสใหม่ ๆ ให้กับการทานขนมจีนน้ำพริก

คอร์สที่ 2 เสิร์ฟมาพร้อมกับ Cold Silver Niddle from Chiang Rai เครื่องดื่มที่สกัดมาจากยอดอ่อนชาขาวที่ปลูกในป่าของจังหวัดเชียงราย ให้กลิ่นหอมหวานของลิ้นจี่และดอกไม้นานาชนิด

 

Fermented ขนมจีนน้ำพริก

คอร์สที่ 3 เอาใจคนชอบทานซุปด้วยเมนู Boiled แกงจืดสวรรค์ น้ำซุปกระดูกหมูและไก่ที่เสริมทัพความอร่อยด้วยปลาหมึกแห้งและกุ้งแห้ง ใช้ระยะเวลาต้มนานถึง 5 ชั่วโมง ภายในถ้วยที่เสิร์ฟ ด้านบนสุดจะเป็นปลาหมึก ส่วนด้านล่างจะมีส่วนผสม 2 อย่าง คือปูม้านึ่งและมะพร้าวเผา มาพร้อมน้ำมะพร้าวที่ช่วยเสริมรสชาติของน้ำซุปให้มีรสหวานละมุนกลมกล่อมมากยิ่งขึ้น

 

Boiled แกงจืดสวรรค์

สำหรับคอร์สที่ 4 เป็นตัวแทนของอาหารประเภทเครื่องจิ้มหรือการจุ่มที่ชื่อว่า Dip กะปิคั่ว โดยกะปิของทางร้านมีความพิเศษคือทำมาจากกุ้งแม่น้ำ ผ่านกรรมวิธีการหลายขั้นตอนด้วยกัน ใช้ระยะเวลาในการหมักจาก 1 สัปดาห์ไปจนถึง 3 เดือน (เป็นอย่างน้อย) เลยทีเดียว ซึ่งกลิ่นและรสชาติของกะปิก็จะค่อย ๆ เข้มข้นมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อได้กะปิเรียบร้อยแล้ว ทางร้านก็จะนำไปคั่วหรือคลุกเคล้าเข้ากับวัตถุดิบและส่วนผสมอื่น ๆ โดยเริ่มจากนำกะปิไปคั่วกับน้ำกะทิ ปรุงรส แล้วจึงนำไปปั่น

ส่วนมันกุ้งแม่น้ำทางร้านก็จะนำไปคั่วด้วยเช่นกัน เพื่อให้กะปิมีความเข้มข้น ตามด้วยเครื่องสมุนไพรที่ประกอบด้วย ตะไคร้ซอย, หอมแดงซอย และใบมะกรูด พร้อมเติมกลิ่นหอมสดชื่นด้วยส้มซ่าและเพิ่มความกรุบกรอบลงไปด้วยกุ้งทอด เสิร์ฟมาพร้อมข้าวเกรียบ 3 แบบ ซึ่งทำมาจากข้าวหอมมะลิ, ข้าวไรซ์เบอร์รี และข้าวมันปู อีกทั้งยังมีมะม่วงกวน ชมพู่ ผักสมุนไพร และแตงกวาสดออร์แกนิกให้ได้ทานแกล้มกันอีกด้วย

เครื่องดื่มที่จับคู่มากับคอร์สนี้คือ Mango น้ำมะม่วงน้ำดอกไม้ที่มีส่วนผสมของพริกและใบแมงลักออร์แกนิกจากนครปฐม เป็นการบาลานซ์รสสัมผัสที่หอมหวานผสานเข้ากับความเผ็ดร้อนนิด ๆ ได้อย่างลงตัว

 

Dip กะปิคั่ว

ต่อเนื่องความอร่อยด้วยคอร์สที่ 5 กับเมนู Stir-Fried กะหล่ำน้ำมันหอย ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากเมนูคะน้าน้ำมันหอย เป็นการนำเสนอวัตถุดิบหลักคือ ‘หอยนางรม’ ที่มาจากแหล่งวัตถุดิบ 2 แห่ง ทั้งจากประเทศฝรั่งเศสและจังหวัดระยอง สำหรับหอยนางรมที่มาจากจังหวัดระยอง ทางร้านได้นำมาทำเป็นซอสหอยนางรมแท้ 100% ที่ผสมเข้ากับใบคะน้า เพราะฉะนั้นซอสหอยนางรมสูตรโฮมเมดที่ได้จึงมีสีเขียว

ส่วนหอยนางรม Jean-Paul Oyster ที่มาจากเมืองนอร์มังดีประเทศฝรั่งเศส ทางร้านจะนำไปย่างก่อนแล้วทาทับด้วยน้ำปลาหวาน เสิร์ฟพร้อมกะหล่ำปลีที่ทางร้านนำไปผัดน้ำปลาและห่อด้วยใบคะน้า เมนูนี้เป็นการผสมผสานรสชาติหวานปมเค็มได้อย่างเข้ากัน

เครื่องดื่มที่จับคู่มากับคอร์สนี้คือ Coconut Water น้ำมะพร้าวน้ำหอมที่อินฟิวส์รสชาติเข้ากับน้ำแตงกวาพันธุ์พื้นเมืองและสมุนไพรจากป่า ให้รสสัมผัสที่หอมหวาน ดื่มแล้วให้ความรู้สึกสดชื่น

 

Stir-Fried กะหล่ำน้ำมันหอย

อิ่มอร่อยกันต่อกับคอร์สที่ 6 กับเมนู Charcoal ผักกาดเลือดลาบเมือง โดยเมนูนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากลาบเมืองหรือลาบเลือด (เนื้อดิบที่ผสมเข้ากับเครื่องปรุงรสของทางภาคเหนือ) แต่นำมาดัดแปลงเปลี่ยนจากเนื้อดิบมาเป็นบีทรูทแทน แล้วนำไปรมควัน ก่อนจะผสมเข้ากับเครื่องสมุนไพรและเครื่องปรุงรสของทางภาคเหนือถึง 15 ชนิดด้วยกัน เช่น มะแขว่น พริกไทย อบเชย เป็นต้น เสิร์ฟมาพร้อมกับ Sweetbread (ต่อมที่อยู่ในคอของแกะ ได้รสชาติคล้ายเนื้อแกะนุ่ม ๆ) ที่นำไปรมควัน ทานคู่กันได้รสชาติที่เข้ากันเป็นอย่างดี

เครื่องดื่มที่จับคู่มากับคอร์สนี้คือ Tamarind น้ำมะขามที่มีส่วนผสมของน้ำงาหมัก ให้รสเปรี้ยวอมหวานและความเผ็ดร้อนนิด ๆ ของขิง

 

Charcoal ผักกาดเลือดลาบเมือง

เพิ่มความเข้มข้นของรสชาติอาหารด้วยคอร์สอาหารจานหลักกับเมนู Curry สิงห์เหนือเสือใต้ ที่ทางร้านเลือกนำเสนอเครื่องแกงของทั้งภาคเหนือและภาคใต้ โดยส่วนหนึ่งจะเป็นเครื่องแกงภาคเหนือที่นำมาผัดกับหัวปลีแล้วตักใส่จานเป็นฐานรองด้านล่างของเนื้อหมูไอเบอริโก (เนื้อหมูดำจากสเปนที่หมักกับข้าวหมาก 1 คืน แล้วนำไปรมควันกับข้าวและมะพร้าว) และอีกส่วนคือเครื่องแกงทางใต้ หรือที่เรียกว่าแกงเหลืองรสเข้มข้น เสิร์ฟมาพร้อมกับผงยี่หรา สับปะรด Caramelized ที่ท็อปด้วยชะอมทอด และข้าวบือโป๊ะโละ (ข้าวพื้นเมืองของทางภาคเหนือ) เวลาทานให้ตักส่วนผสมทั้งหมดทานพร้อม ๆ กันจะได้ความอร่อยที่ลงตัว

เครื่องดื่มที่จับคู่มากับคอร์สนี้คือ Kombucha คอมบูฉะโฮมเมดที่ทางร้านทำเอง มีส่วนผสมของชาดำที่ปลูกในป่าของจังหวัดเชียงใหม่

 

Curry สิงห์เหนือเสือใต้

หลังจากทานเมนู Curry สิงห์เหนือเสือใต้ ทางร้านจะพักเบรกคอร์สอาหารหนัก ๆ ด้วยเมนู Pre-dessert ให้ทานล้างปากด้วยไอศกรีมสับปะรดเชอร์เบท ที่ท็อปด้วยฟองโฟมและเจลสุราแม่โขงที่มาช่วยคลีนรสชาติในปากจากการทานอาหารคาวได้เป็นอย่างดี
 

Pre-dessert - ไอศกรีมสับปะรดเชอร์เบท

Sweet Ending

ปิดท้ายมื้อดินเนอร์สุดพิเศษนี้ด้วยคอร์สขนมหวานอย่าง Dessert ทับทิมกรอบ ซึ่งทางเชฟเปเปอร์ได้นำลูกกระจับมาครีเอตเป็นเมนูขนมไทยโฮมเมดอย่าง ‘ทับทิมกรอบ’ พรีเซนต์หน้าตาขนมออกมาในลักษณะของลูกทับทิม ตัวเม็ดทับทิมทำจากแห้ว ท็อปด้วยครีมมะพร้าว ส่วนด้านล่างนั้นเป็นมะพร้าว Caramalized โดยจะเสิร์ฟมาคู่กับไอศกรีมมะพร้าวรมควันและวุ้นมะพร้าวเคลือบคาราเมลหอมหวาน

เครื่องดื่มที่จับคู่มากับคอร์สขนมหวานคือ Rice Milk น้ำนมข้าวที่สกัดจากข้าวเหนียวดำออร์แกนิกของทางจังหวัดนครปฐม โดยผ่านกระบวนการตากแห้งแล้วนำไปบดจนได้เนื้อสัมผัสที่เนียนละเอียดและรสชาติครีมมี่นุ่มละมุน 

 

Dessert ทับทิมกรอบ

นอกจากเมนูขนมหวานจานหลักแล้ว ทางร้านยังเพิ่มความพิเศษก่อนจบคอร์สอาหารด้วยขนมหวานคำเล็ก ๆ 3 คำ ได้แก่ ทาร์ตช็อกโกแลตกล้วยหอม, ทาร์ตมะขาม และทาร์ตมะพร้าว ที่มาพร้อมดีไซน์สุดน่ารักให้ได้ลิ้มลองกันอีกด้วย
 

Petite Dessert - ขนมหวานชิ้นเล็ก 3 คำ ได้แก่ ทาร์ตช็อกโกแลตกล้วยหอม, ทาร์ตมะขาม และทาร์ตมะพร้าว ที่มาพร้อมดีไซน์สุดน่ารัก

Info
Hours
Everyday : 6PM - 11:30PM
Price

฿฿฿฿฿ 1,001-2,000 บาทต่อคน

Address
39/19, ซอยสวนพลู ถนนสาทร เขตสาทร กรุงเทพมหานคร
Map
Mass Transit

MRT ลุมพินี

Suggest an Edit