The Riddler Japanese Gastronomic Dining & Wine Bar

Published on February 21, 2024

Lost in Ruamrudee - Stay All Night in The Riddler Japanese Gastronomic Dining & Wine Bar

ชวนคุณเดินทางผ่านรสชาติอาหารไปกับมื้อสุดพิเศษที่ The Riddler Japanese Gastronomic Dining & Wine Bar ร้านอาหารญี่ปุ่นเปิดใหม่ในสไตล์ Gastronomic & Wine Bar ในย่านร่วมฤดี โดยกิมมิกเก๋ ๆ คือการเล่าเรื่องผ่านวัตถุดิบหลักจากญี่ปุ่น และหลากหลายรสชาติไวน์จากทั่วทุกมุมโลก ที่นำมาแพร์ริ่งคู่กันกับอาหารจานพิเศษจากเชฟมากฝีมือที่กวาดรางวัลมาอย่างมากมาย จนกลายเป็นมื้อพิเศษที่น่าจดจำจนอยากชวนเหล่านักชิมตัวยง มาดื่มด่ำไปกับศิลปะของอาหารไปพร้อม ๆ กัน



 

The Riddler Japanese Gastronomic Dining & Wine Bar

 

บรรยากาศเก๋ ๆ ภายในร้าน

Chilling in Sunset Vibes

ตัวร้านตกแต่งในสไตล์ Rustic ที่จำลองบรรยากาศยามอาทิตย์อัสดง ที่ให้ความอบอุ่นและความสุขกับคุณก่อนที่ตะวันจะลับขอบฟ้า ผ่านมื้ออาหารและไวน์ชั้นดีจากทั่วโลก ให้ได้แพร์ริ่งกันกับมื้ออาหารดี ๆ โดยทางร้านสามารถรองรับที่นั่งได้กว่า 60 ที่นั่ง รวมถึงยังสามารถกั้นเป็นโซนไพรเวทเพื่อรองรับสำหรับลูกค้าที่มาเป็นหมู่คณะอีกด้วย 

 

ตัวร้านตกแต่งสไตล์ Rustic ประดับประดาด้วยลิสต์ไวน์นานาชนิดจากทั่วโลก

 

สำหรับใครที่อยากแวะเวียนมาดื่มเครื่องดื่มเจ๋ง ๆ สักแก้ว สามารถแวะมาชิลได้ที่หน้าบาร์

 

Live Band Music ทุกวันพุธ - อาทิตย์ เวลา 19.00 - 21.15 น. และ ทุกวันอาทิตย์ เวลา 12.00 - 14.00 น.

Japanese Gastronomic By Chef Isao From Nagoya

สำหรับเมนูอาหารต่าง ๆ ของที่นี่ได้ 'เชฟอิซาโอะ' เชฟชาวญี่ปุ่นจากจังหวัดนาโกย่า ที่มีประสบการณ์การด้านอาหารและคร่ำหวอดในวงการมายาวนานกว่า 30 ปี มาเป็นหัวเรือใหญ่ในการถ่ายทอดเมนูสุดครีเอตผ่านการเดินทางออกไปชิมและทดลองอาหารจากทั่วทุกมุมโลก จนได้แรงบันดาลใจมากมายมารังสรรค์เมนูจานพิเศษที่มีวัตถุดิบจากญี่ปุ่นเป็นพระเอกหลัก โดยผ่านเทคนิคการทำที่ผสมผสานหลากหลายรูปแบบ ออกมาเป็นจานพิเศษที่แนะนำให้แพร์ริ่งกับไวน์นานาชนิดที่คัดสรรโดย Sommelier มากฝีมือมาเสิร์ฟให้คุณได้เอนจอยตลอดค่ำคืนที่นี่


 

เชฟอิซาโอะ จากนาโกย่า ที่การันตีฝีมือด้วยหลากหลายรางวัลที่ได้รับทั้งในไทยและญี่ปุ่น

เริ่มต้นกันที่เมนูรองท้องอย่าง Tomato (150 บาท++) เมนูที่ใช้มะเขือเทศจากเชียงใหม่เสิร์ฟในช้อนแบบพอดีคำ 3 สไตล์ที่ไล่เรียงรสชาติและความเข้มข้นขึ้นไปตั้งแต่มะเขือเทศเชื่อม, มะเขือเทศกรานิต้าน้ำมะเขือเทศ และมะเขือเทศเจลลีจากน้ำมะเขือเทศเข้มข้น ท็อปด้วยเจลลีด้านบน เป็นเมนูเย็น ๆ ทานง่ายที่จะช่วยเปิดต่อมรับรสของคุณก่อนเข้าสู่จานถัดไป 


 

Tomato (150 บาท++)

ต่อกันที่ Beef (550 บาท++) เพราะเชฟอิซาโอะนั้นค่อนข้างมีชื่อเสียงในเรื่องของเนื้อ จานนี้จึงเป็นอีกหนึ่งจานทานง่ายที่ต้องห้ามพลาด! เพราะเชฟขอชาเลนจ์ตัวเองด้วยการเลือกใช้เนื้อส่วนฮารามิ (Flank Steak) มีรสชาติเนื้อเข้มข้นขณะเคี้ยว โดยสไลซ์ออกมาให้มีความนุ่มที่พอดี ได้รสชาติเนื้อเข้มข้นชัดเจน ก่อนนำไปเอจจิ้งง 1 วันและนำมาทำเมนูใหม่ในสไตล์โอเด้ง ทำให้ทานง่ายและช่วยชูรสชาติของเนื้อออกมาได้ดีที่สุด เสิร์ฟเคียงด้วยโฟม Shicimi และ Daikon Espuma ให้ทานคู่กัน

 

Beef (550 บาท++)

Gambas (630 บาท++) เมนูที่ได้แรงบันดาลใจจาก Shrimp Ajillo ของสเปน ซึ่งเชฟเลือกใช้ Aka Ebi กุ้งหวานญี่ปุ่นมาเป็นวัตถุดิบหลักเนื้อนุ่ม ๆ ของกุ้งหวาน คลุกเคล้าเข้ากันกับซอส Ajillo ที่มีน้ำมันมะกอกและสมุนไพรเป็นส่วนผสมหลัก จากนั้นเพิ่มรสชาติด้วยพริกแห้งและกระเทียมครัมเบิ้ลให้ทานพร้อมกัน 

 

Gambas (630 บาท++)

จานถัดมาเป็นเมนูน่าลองอย่าง Prawn (420 บาท++) เมนูซุปกุ้งที่แนะนำให้ดื่มด่ำกับรสชาติใน 3 สเต็ป เริ่มต้นที่ทาน Aka Ebi คู่กันกับ Shrimp Paste และ Edamame Espuma วิธีถัดมาคือการเทซุป Prawn Bisque ลงไปแล้วคนให้เข้ากัน วิธีสุดท้ายคือการหยด Herb Oil ลงไป เพื่อช่วยเติมเต็มรสชาติและความสดชื่นในช่วงท้าย


 

Prawn (420 บาท++)

นอกจากนี้ยังมี Asari (390 บาท++) ซุปอาซาริสไตล์ญี่ปุ่นแท้ ที่เชฟนำเสนอในรูปแบบที่สนุกยิ่งขึ้นด้วยการเสิร์ฟแต่ละองค์ประกอบแยกกัน จากนั้นไล่เรียงรสชาติผ่านการเดินทาง 3 ขั้นตอนด้วยกัน โดยเริ่มจากสเต็ปแรก คือ ทานหอยอาซาริกับสาหร่ายโทโรโระ, วากาเมะเจลลี่และ Dashi Yuzu Caviar ถัดมาเทซุป Dashi ลงไปจะกลายเป็นซุป Asari สไตล์ญี่ปุ่น ปิดท้ายด้วยการเติมครีมเบคอนลงไปให้กลายเป็น Asari Chowder ที่เข้มข้นขึ้น

 

Asari (390 บาท++)

มาเติมความสดชื่นกันด้วย Sashimi (490 บาท++) จานที่ได้แรงบันดาลใจจากเมนู Salad Roll โดยเชฟนำแซลมอนและบลูฟินมากุโระมาห่อด้วยแตงกวาฝานบางโรล ตัดพอดีคำท็อปด้วยวาซาบิเจลและดาชิสเฟียร์ ก่อนจะเพิ่มความหอมด้วย Smoke Daikon และซอสโคชูจังที่ปาดเอาไว้ช่วยเพิ่มความเผ็ดร้อน

 

Sashimi (490 บาท++)

มาถึงไฮไลต์ที่ห้ามพลาดอย่าง Tomahawk (430 บาท / 100 กรัม) เนื้อออสเตรเลียวากิวส่วน Tomahawk ที่ถูกใจเหล่า Beef Lover อย่างแน่นอน เพราะส่วนนี้เป็นส่วนซี่โครงที่มีมันแทรกและเอ็นเนื้อเล็กน้อย เชฟนำไปผ่านกรรมวิธี Dry Aged ประมาณ 3 วัน จากนั้นนำไปย่างบนเตาถ่านจนสุกกำลังดีแบบ Medium Rare ที่ให้ความนุ่มฉ่ำและชูความอร่อยของเนื้อได้อย่างเต็มที่ เสิร์ฟด้วย Side Dish น่าลองอย่างมันบดเนื้อเนียน ผักย่าง และซอสสูตรเฉพาะ โดยเมนูนี้เชฟจะออกมาเบิร์น หั่นและเสิร์ฟเนื้อให้ด้วยตัวเองทุกโต๊ะ


 

Tomahawk เมนูที่เชฟจะมาเสิร์ฟให้ถึงโต๊ะ

 

Tomahawk (1 Serve - ราคาตามน้ำหนัก)

ส่วนใครที่ไม่ถนัดทานเนื้อ ทางร้านยังมี Pork (750 บาท++) เนื้อหมูออร์แกนิกจาก ว.ทวีฟาร์ม ฟาร์มไบโอไดนามิกแห่งแรกของประเทศไทย ที่เชฟเลือกใช้เนื้อส่วนพอร์คช็อป ย่างบนเตาถ่านจนสุกกำลังดี ราดด้วย Garlic Butter และ Gravy Mustard ทานคู่กันกับ Potato Mill Feuile, รากบัวดอง เสริมรสชาติด้วย Yuzu Dashi Gel และความกรุบกรอบของ Black Crumble 

 

Pork (750 บาท++)

หรือจะลองเป็น Kamameshi (790 บาท++) เมนูข้าวอบหม้อดินที่ผสมผสานกลิ่นอายของความเป็น Japanese & Western เอาไว้รวมกัน โดยเชฟจะใช้ข้าวญี่ปุ่นจี่กับเนยบนกระทะ จนข้าวมีความกรุบกรอบ ก่อนจะผสมผสานกันกับท็อปปิ้งแบบจัดเต็มอย่างลิ้นวัวและเนื้อ Brisket ตุ๋น ก่อนจะเพิ่มความหอมด้วย Smoke Daikon และ Gobo ปิดท้ายด้วย Cheese Espuma และไข่แดง คล้ายรีซอตโต้สไตล์ตะวันตก เป็นอีกหนึ่งเมนูที่เชฟจะออกมาทำสด ๆ และเสิร์ฟทุกโต๊ะให้ได้ชิมด้วยตัวเอง

 

Kamameshi (790 บาท++)

ปิดท้ายด้วย Cold Pasta (700 บาท++) เมนูที่ได้แรงบันดาลใจจากโซบะเย็น แต่เชฟเลือกใช้เส้นสปาเก็ตตี้ Cappellini แทนโซบะ นำไปลวกแบบ Al Dente ให้มีรสสัมผัสหนึบหนับคลุกเคล้าเข้ากันกับวากาเมะเจลและทรัฟเฟิลเพลต เสิร์ฟมาคู่กันกับปลามาไดที่นำไปหมักกับสาหร่ายคอมบุเพื่อเพิ่มรสชาติ รวมถึงดาชิและทรัฟเฟิลออย ท็อปด้วย Aka Ebi เป็นจานสดชื่นที่ปิดท้ายมื้อนี้ได้เป็นอย่างดี

 

Cold Pasta (700 บาท++)

Info
Hours
Everyday : 11:30AM - 11PM
Price

฿฿฿฿ 501-1,000 บาทต่อคน

Address
15/2 Woodberry Common Building B ถ.ร่วมฤดี เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร
Map
Mass Transit

BTS เพลินจิต

Facilities
Suggest an Edit