Come and explore your Alter Ego
เปลี่ยนวันธรรมดาให้กลายเป็นวันพิเศษ ด้วยการชวนมา Celebrate สังสรรค์ความอร่อยกันที่ ‘Alter Ego’ ร้านอาหารและไวน์บาร์แห่งย่านราชพฤกษ์ที่รวมความอร่อยสไตล์ Western ไวน์คุณภาพ และ Sound Lounge เครื่องเสียงระดับโลก ให้ได้เอ็นจอยมื้อค่ำแบบจบครบในแห่งเดียว
สำหรับใครที่กำลังมองหาร้านอาหารดี ๆ สักแห่งไว้สำหรับแฮงเอาต์ เคล้าบรรยากาศของเสียงดนตรีที่ช่วยให้มู้ดของการสังสรรค์นั้นเต็มไปด้วยความรื่นรมย์ โดยเฉพาะเหล่าคนทำงานที่ต้องการพื้นที่ที่ให้ได้พักผ่อนหย่อนใจหลังเลิกงาน ไปพร้อม ๆ กับตอบโจทย์ในเรื่องของอาหารและไวน์คุณภาพดี ที่นี่เสิร์ฟครบทุกความต้องการได้อย่างแน่นอน
Crafting an experience where you can be your most relaxed
จากจุดเริ่มต้นในการรวมตัวกันของกลุ่มเพื่อนต่างสาขาอาชีพ ซึ่งแต่ละคนล้วนมีงานประจำเป็นของตัวเอง นำทีมโดย ‘เชฟโอ-ตนัย พจน์อารีย์’ เชฟหลักและหนึ่งในผู้ก่อตั้งร้าน ร่วมกันเปิดร้าน Alter Ego ขึ้นมา เพื่อให้พื้นที่นี้เป็น Comfort Zone ที่ทุกคนสามารถแวะมาเอ็นจอย พักผ่อนสบาย ๆ ให้ความรู้สึกเป็นเหมือนบ้านหลังที่ 2 ก่อนจะส่งต่อ Vibe บรรยากาศแบบนี้ให้กับคนทั่วไปได้แวะเข้ามาสัมผัสโมเมนต์ของการเฉลิมฉลองเล็ก ๆ ได้ทุกวัน
ชื่อร้าน Alter Ego นั้น มีความหมายว่า ‘บุคลิกที่สอง’ ซึ่งเจ้าของร้านและพาร์ทเนอร์จากหลายสาขาอาชีพ ร่วมกันทำร้านแห่งนี้ขึ้นมา ให้เป็นที่ที่เติมโมเมนต์ของการสังสรรค์ มอบความสุขความสบายใจในแบบที่ทุกคนต้องการ นอกเหนือจากงานประจำ
Alter Ego มาพร้อมความตั้งใจดีในการจำหน่ายไวน์คุณภาพควบคู่ไปกับการเสิร์ฟอาหาร เพื่อให้ทุกคนได้ลองจิบไวน์ที่ดีในราคาที่จับต้องได้ รวมถึงทางร้านยังแนะนำการ Pairing ไวน์กับเมนูอาหารซึ่งให้รสชาติที่เข้ากัน แบบไม่ทำลายรสชาติของไวน์ไว้ให้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการสั่งมื้ออาหารอีกด้วย
ในส่วนของบรรยากาศร้าน ถูกออกแบบและตกแต่งร้านในสไตล์ Contemporary เน้นความโปร่งโล่งสบาย ไม่อึดอัด ให้กลิ่นอายของความเป็นยุโรปด้วย Element ของการเลือกใช้วัสดุแก้ว อิฐ หิน และการคุมโทนสีเฟอร์นิเจอร์ที่เข้ากับร้านอาหาร-ไวน์บาร์ พร้อมโซนนั่งหลากหลายแบบ ทั้งเคาน์เตอร์บาร์, โซฟา High Chair และห้อง VIP ส่วนตัว (จำนวน 2 ห้อง สามารถรองรับจำนวนคนได้ถึงห้องละ 12 คน) ให้เลือกเอ็นจอยโมเมนต์ของการสังสรรค์กันได้ตามอัธยาศัย
โดยเฉพาะโซนไฮไลท์ชุดเครื่องเสียงคุณภาพระดับโลก (Sound System) ที่ถูกนำมาไว้วางโชว์ไว้ภายในโซน์เคาน์เตอร์บาร์ของทางร้าน เพื่อสร้าง Vibe บรรยากาศการรับประทานอาหารให้ครึกครื้นและรื่นรมย์มากขึ้น นอกจากนี้ในทุกวันศุกร์และวันเสาร์ของแต่ละสัปดาห์ ยังมีดีเจมาร่วมมอบความสนุกเปิดแผ่นเสียง หลากหลายแนวเพลง (Jazz, Funk, Pop) ให้ได้ฟังกันอย่างเพลิดเพลิน อีกทั้ง Live Cooking Station ให้ได้รับชมเบื้องหลังการทำอาหารของเหล่าทีมเชฟแบบใกล้ชิดอีกด้วย
ในอนาคตอันใกล้นี้ ทางร้านมี Plan ที่จะเปิดให้บริการในรูปแบบ All-Day Breakfast ซึ่งมีการสร้างสรรค์เมนูใหม่ ๆ เพิ่มเติมนอกเหนือจากที่เสิร์ฟความอร่อยในปัจจุบัน นอกจากนี้ ยังเตรียมพร้อมเสิร์ฟเครื่องดื่มจากเมล็ดกาแฟไทย หลากหลายแหล่งผลิตทั่วทุกภูมิภาคที่พ่วงมากับ Story เรื่องเล่าของคนผลิตเมล็ดกาแฟไทยที่น่าสนใจ เพื่อสนับสนุนเกษตรกรไทยไปในตัว
Enjoy signature dishes from Chef's Kitchen
Alter Ego เน้นเสิร์ฟความอร่อยด้วยอาหารสัญชาติตะวันตกสไตล์ Minimal Comfort Food ผสานความเป็น Fusion ที่อร่อยง่าย ไม่ซับซ้อน เพื่อให้ได้รสชาติที่ถูกปากคนไทย ผ่านการเลือกใช้วัตถุดิบคุณภาพของไทย 50% และนำเข้าจากต่างประเทศ 50%
ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้ววัตถุดิบซีฟู้ดหรือปลาที่ทางร้าน Dry-Aged (ผ่านกรรมวิธี Ikejime ก่อน แล้วจึงนำมาทำ Dry-Age 7 วัน เพื่อให้ได้รสชาติเข้มข้นกลมกล่อม) นั้น ล้วนมีแหล่งที่มาจากเรือประมงเล็กในน่านน้ำไทย ทั้งนี้ก็เพื่อสนับสนุนประมงไทยและส่งเสริมการประมงแบบยั่งยืนนั่นเอง เช่นเดียวกับวัตถุดิบเนื้อนำเข้าคุณภาพที่ต้องผ่านการคัดสรร ปลอดฮอร์โมนและยาปฏิชีวนะอย่างมีมาตรฐาน
การมาเยือนร้าน Alter Ego ครั้งนี้ ทางร้านภูมิใจนำเสนอความอร่อยโดยแบ่งออกเป็นหลายหมวดหมู่ ประกอบไปด้วย Bar Menu, Staters, Pasta & Risotto, Main Course และ Desserts ให้ได้เลือกสั่งมาอิ่มอร่อยแบบครบครัน ประเดิมเมนูแนะนำจานแรกด้วย ปานิปุริเนื้อปู (350 บาท) เมนู Small Bite แป้งกรอบสไตล์อินเดียที่สอดไส้สลัดปูจากสุราษฎรธานี ปรุงรสแบบสไตล์ตะวันตกด้วยมะนาวและเครื่องสมุนไพรหอม ๆ
แล้วต่อเนื่องความอร่อยกับหมวด Bar Menu ด้วย ทาร์ทาร์ปลากะมง (320 บาท) ปลากะมงสดใหม่ที่ Dry-Aged นาน 7 วัน จนได้รสชาติเข้มข้น พร้อมปรุงรสด้วยการใส่ผิวเลมอน หอมแดง และเสริมรสด้วยซอสเจลส้ม Calamansi เพื่อให้ได้ความหอมสดชื่น เป็นหนึ่งในจานแนะนำที่เหมาะ Pairing กับไวน์ขาวมาก ๆ
ถัดมาเป็นหมวด Starters เมนูแนะนำ คือ ปาเตตับไก่พิสตาชิโอ (320 บาท) ตับไก่บดสูตรเฉพาะของทางร้านที่นำไปหมักกับ Port Wine (ไวน์แดงเสริมรสชาติ ให้รสหวานเข้มข้นเป็นพิเศษ) 3 ชั่วโมง และใส่พิสตาชิโอลงไป เพื่อเพิ่มรสสัมผัสที่กรุบกรอบ
ต่อกันที่หมวด Pasta & Risotto ทางร้านเลือกเสิร์ฟเมนู เฟตตูชินีรากูร์ลิ้นวัว (450 บาท) แก้มวัววากิวที่นำไปแช่ในไวน์แดงนาน 24 ชั่วโมง ตุ๋นจนนุ่ม เสิร์ฟพร้อมพาสต้าเส้นเฟตตูชินีที่ให้ความอร่อยแบบเข้ากัน
จากนั้นจัดเต็มความอร่อยด้วยหมวดอาหารจาน Main Course อย่าง Seafood Platter (2,250 บาท) รวมซีฟู้ดนานาชนิดประจำวัน ประกอบด้วยกุ้งตัวโต, หอยเชลล์ ปลาหมึก และปลาชนิดต่าง ๆ ตามฤดูกาล เสิร์ฟพร้อมเลมอนฝาน และน้ำจิ้มรสเด็ด 3 สไตล์
ปิดท้ายมื้อพิเศษนี้ด้วยหมวด Desserts กับเมนู ดาร์กช็อกโกแลตมูสส้มเชื่อม (270 บาท) ดาร์กช็อกโกแลตมูสที่เสิร์ฟคู่ความอร่อยมากับส้ม Sunkist เชื่อม ผสานรสขมนิด ๆ หวานหน่อย ๆ ให้เป็นความอร่อยที่ลงตัว
Alter Ego จึงเป็นเหมือน Comfort Zone ที่ทุกคนสามารถแวะมาเอ็นจอยความอร่อย ผ่อนคลายหลังเลิกงาน สังสรรค์มื้ออาหาร Real Food คุณภาพดี ในบรรยากาศที่มอบความประทับใจให้คนทุกกลุ่มทุกวัยได้อย่างแน่นอน







