Premium ingredients with Japanese Casual Washoku
ใครกำลังมองหาร้านอาหารญี่ปุ่นที่ถ่ายทอดรสชาติแห่งวัฒนธรรมดั้งเดิมผ่านอาหารเรียบง่าย แต่เปี่ยมด้วยรายละเอียด เราขอชวนให้มาลองสัมผัสมื้อพิเศษที่ BINCHO ร้านอาหารญี่ปุ่นในคอนเซ็ปต์ Japanese Casual Washoku ที่ให้คุณลิ้มรสอาหารญี่ปุ่นแบบต้นตำรับ ท่ามกลางบรรยากาศอบอุ่นที่ได้แรงบันดาลใจจากวิถีชีวิตชนบทของญี่ปุ่น
บรรยากาศของ BINCHO ถูกออกแบบมาเพื่อส่งต่อแนวคิด “Washoku for now” หรืออาหารญี่ปุ่นดั้งเดิมที่เรียบง่ายแต่ลึกซึ้ง และเข้าถึงได้ในทุกวัน ทำให้บรรยากาศที่นี่อบอุ่นเป็นกันเอง สบายตาด้วยสีเอิร์ธโทนที่เน้นสีของธรรมชาติอย่างสีน้ำตาล - ครีมเป็นหลัก มีมุมที่นั่งให้เลือกกันหลายส่วน ทั้งมุมส่วนตัว โซนเคาน์เตอร์บาร์ หรือโซน Outdoor
BINCHO มาพร้อมความเชื่อที่ว่า “ความอร่อย” ไม่ได้อยู่แค่ในรสชาติ แต่อยู่ในจังหวะที่พอดีระหว่างวัตถุดิบ ธรรมชาติ และฝีมือผู้ปรุง พร้อมถ่ายทอด “เจตนา” ผ่านทุกคำ ในแนวคิด Japanese Casual Washoku อาหารญี่ปุ่นต้นตำรับที่เรียบง่าย แต่เต็มไปด้วยความหมายนั่นเอง
Traditional Japanese Binchotan Charcoal
โดยความพิเศษที่ไม่เหมือนใครจนเหมือนเป็นหัวใจของ BINCHO คือเตาถ่านกลางร้านแบบ Irori (อิโรริ) ที่ให้ทั้งความร้อนกับอาหาร แถมยังมอบบรรยากาศอบอุ่นให้กับตัวร้านไปพร้อมกัน
ที่นี่เลือกใช้ถ่านไม้บินโชตัน จากจังหวัดวาคายามะที่ให้ความร้อนสม่ำเสมอ ไม่มีกลิ่นรบกวน และยังสามารถดึงรสชาติจากวัตถุดิบได้ดีที่สุด เสิร์ฟอาหารย่างในแบบ Robatayaki (ろばたやき) หรือการย่างแบบโบราณที่เชฟจะย่างปลา เนื้อ หมู หรือเสียบไม้สไตล์ Yakitori อย่างพิถีพิถันต่อหน้าคุณในจังหวะที่พอดี ไม่เร่งรีบ เพื่อคงรสสัมผัสและคุณค่าของวัตถุดิบไว้ในทุกคำ
Hitomebore Rice
ในส่วนของเมนูอาหาร ที่ BINCHO จะเสิร์ฟในรูปแบบ Teishoku หรืออาหารเซ็ตที่จัดครบตามหลัก ‘อิจิจูซันไซ’ (一汁三菜) — หนึ่งซุป สามกับ ข้าวและเครื่องเคียง ที่ให้ความสมดุลทั้งในด้านรสชาติและโภชนาการ เหมาะกับวิถีชีวิตในแต่ละวันอย่างใส่ใจ
นอกจากนี้ที่นี่ยังเสิร์ฟข้าว Hitomebore จากจังหวัดมิยากิ ข้าวเมล็ดอวบที่ได้ชื่อว่า “ข้าวรักแรกพบ” ที่ถูกหุงอย่างประณีตในหม้อ Hagama ที่ช่วยเก็บอุณหภูมิและกลิ่นหอมไว้ได้ยาวนาน ทุกคำของข้าวจึงไม่ใช่แค่เครื่องเคียง แต่คือหัวใจที่ทำให้มื้ออาหารสมบูรณ์
เริ่มต้นกันที่จานทานเล่นอย่าง Ebi Shioyaki (260 บาท) กุ้งลายเสือตัวใหญ่ย่างเกลือทั้งเปลือกด้วยถ่านบินโชตัน ทำให้ได้กลิ่นหอม เนื้อเด้งหวานธรรมชาติ เหมาะสำหรับสั่งเพิ่มเป็นของทานเล่นระดับพรีเมียม
หรือจะเป็น Yakitori Set (160 บาท) เมนูย่างที่เรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยศิลปะ นำมาย่างด้วยไฟที่พอดี เพื่อดึงรสชาติเข้มข้นที่ซ่อนอยู่ในวัตถุดิบให้ออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ส่วนเมนูไฮไลต์ของที่นี่ต้องยกให้ Kinki Shioyaki (520 บาท) จานนี้เป็นปลาคิงกิ ปลาธรรมชาติชั้นดีจากเกาะฮอกไกโดที่สามารถจับได้เฉพาะในฤดูหนาวจึงมีราคาสูง นำมาผ่านการย่างบนเตาอิโรริ ปรุงรสด้วยเกลือ เสิร์ฟมาแบบ Premium Set กับข้าว Hitomebore และเครื่องเคียงทั้งเต้าหู้เย็น ไข่ตุ๋น ผักดอง และซุปมิโซะ
อีกเมนูที่น่าลิ้มลองคือ Tachiuo Shioyaki (250 บาท) ปลาดาบเงินเนื้อแน่นและมัน นำมาผ่านการย่างอย่างพิถีพิถัน ปรุงด้วยเกลือเพื่อดึงรสหวานธรรมชาติของตัวปลาออกมาให้มากที่สุด ทานคู่กับซอสปอนสึ
ส่วนใครชอบทานเนื้อหมูนุ่ม ๆ ที่นี่ก็มี Porkchop Miso Shogayaki (350 บาท) เนื้อหมูส่วน Porkchop ผ่านการหมักอย่างพิถีพิถัน ย่างบนเตาอิโรริด้วยความร้อนที่คงที่จนได้เท็กเจอร์ที่นุ่มฉ่ำ เสิร์ฟมากับข้าว Hitomebore ผักดอง และซุปมิโซะ
นอกจากนี้ยังมี BINCHO Tori Mori Bento (250 บาท) เซ็ตเบนโตะสำหรับคนชอบทานไก่ มาพร้อมเนื้อไก่ย่างเตาถ่านอิโรริมาฉ่ำ ๆ เคียงมากับส่วนของหัวใจไก่และไข่ดิบให้ทานคู่กัน ถือเป็นเซ็ตอิ่มท้องสุดคุ้ม
ปิดท้ายกันที่เมนูของหวานล้างปากหลังจบมื้ออาหาร ไม่ว่าจะเป็น Ichigo Daifuku (80 บาท) ไดฟุกุสตรอเบอร์รีลูกโต หรือ Vanila Warabi Parfait (120 บาท) ไอศกรีมที่มาพร้อมความหอมหวานของวานิลลาและผงถั่วคินาโกะ








