ทับขวัญ

Published on July 15, 2019

The Authentic of Thai Living

ชวนคนรักอาหารไทยมาดื่มด่ำความเป็นไทยอย่างเต็มรูปแบบที่ ทับขวัญ ห้องอาหารไทยตำรับชาววัง ซึ่งตั้งอยู่ภายใน ทับขวัญ รีสอร์ท  รีสอร์ทเรือนไทยหมู่ ใจกลางอำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติได้เข้ามาสัมผัสประสบการณ์การทานอาหารไทยแท้ ท่ามกลางบรรยากาศแบบไทย ๆ ที่ให้ความรู้สึกราวกับได้ย้อนอดีตมาเยือนเรือนไทยหมู่ภาคกลางหลังงามสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีกันเลยทีเดียว 

 

เรือนไทยทุกหลังถูกยกมาจากจังหวัดพระนครศรีอยุธยา

ทับขวัญ มีที่มาจากการนิยามความหมายอันเป็นสิริมงคลของคนไทยสมัยก่อน โดยคำว่า ‘ทับ’ นั้น หมายถึง บ้าน ส่วนคำว่า ‘ขวัญ’ หมายถึง ความดีงาม ความมิ่งมงคล เมื่อรวมความหมายของทั้ง 2 คำนี้ไว้ด้วยกันจึงกลายเป็นชื่อของ ‘บ้านที่อยู่แล้วดี เป็นสิริมงคลแก่ผู้อยู่อาศัย’ นั่นเอง
 

ความงดงามของเรือนไทยภาคกลาง

Central-Thai Traditional Houses from Ayutthaya

เรือนไทยทุกหลังของรีสอร์ทแห่งนี้ เป็นเรือนไทยภาคกลาง อายุราว 80 ปี ที่ถูกยกมาจากจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยลักษณะของตัวบ้านมีเรือนชานให้นั่งเล่นพักผ่อนตามอัธยาศัย มีห้องหับต่าง ๆ ซึ่งถูกจัดให้ใช้สอยได้อย่างสะดวกสบาย ใต้ถุนบ้านโปร่งโล่งตามแบบภูมิปัญญาไทย เพื่อรับลมและความเย็นสบายจากสระบัว 

 

เรือนไทยแต่ละหลังตั้งอยู่ท่ามกลางความร่มรื่นของแมกไม้และทัศนียภาพอันงดงามของสระบัว

ส่วนเรือนแต่ละหลังนั้นมีชื่อเรียกขานกันตามชื่อของดอกไม้ไทยโบราณที่ปลูกไว้รอบ ๆ เรือนหลังดังกล่าว ได้แก่ เรือนสร้อยระย้า เรือนพุดจีบ เรือนแก้วมุกดา เรือนพิกุล เรือนบุนนาค เรือนพุดน้ำบุศย์ และเรือนพุดพิชญา จึงไม่แปลกที่สถานที่แห่งนี้จะถูกใช้เป็นพื้นที่จัดงานแต่งงานเรียบหรูสไตล์ไทย มอบความสุข ความทรงจำให้แก่คู่บ่าวสาวตามพิธีแต่งงานแบบไทยโบราณอันทรงคุณค่า ซึ่งทางรีสอร์ทให้ความใส่ใจในทุกรายละเอียด ทุกขั้นตอน ถูกต้องและครบถ้วนตามขนบธรรมเนียมของไทย เรียกว่ามาที่นี่แล้วจะได้ซึมซับบรรยากาศความสงบร่มรื่น ที่พร้อมเติมเต็มความสุขเล็ก ๆ ให้แก่ทุกคนที่เข้ามาพักหรือเข้ามาทานอาหารกันในระหว่างวัน ท่ามกลางมนต์เสน่ห์ของความเป็นไทยที่ถอดแบบวิถีชีวิตของคนไทยภาคกลางยุคสมัยก่อนออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ

 

เรือนประธานหลังใหญ่

The Original Flavorful Thai Cuisine

แน่นอนว่าห้องอาหารของทับขวัญเสิร์ฟความอร่อยแก่เหล่าผู้มาเยือนด้วยอาหารไทยสูตรชาววังที่ให้รสชาติของอาหารไทยโบราณแท้ ๆ ด้วยรสมือของสองแม่ครัววัยกว่า 80 ปี คือ คุณยายอุ่นเรือน พวงภักดี และ คุณยายพเยาว์ แสงอินทร์ ที่สืบทอดฝีมือมาจากรุ่นคุณแม่ของคุณยาย เมื่อครั้งได้มีโอกาสถวายงานเป็นข้าราชบริพารด้านการครัวอยู่ในวัง จนกระทั่งคุณยายทั้งสองท่าน ได้สืบทอดตำรับตำราอาหารมาประกอบวิชาชีพเลี้ยงตัวและท้ายที่สุดก็ได้มาเป็นแม่ครัวมือเอกของห้องอาหารทับขวัญแห่งนี้ 

 

หลากหลายเมนูสำรับไทย

ทุกจานล้วนพิถีพิถัน ผ่านการคัดสรรวัตถุดิบชั้นดี บางเมนูหาทานได้ยากในปัจจุบัน แต่ถูกนำกลับมาเสิร์ฟความอร่อยให้ได้ลิ้มรสชาติของความเป็นไทยอีกครั้งหนึ่ง พร้อมเสิร์ฟอาหารในบรรยากาศห้องอาหารที่ตกแต่งแบบไทยประยุกต์ ผ่านการเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ไม้ และตกแต่งห้องอาหารด้วยภาพจิตรกรรมฝาผนังที่บอกเล่าถึงเรื่องราวความเป็นมาของเรือนทับขวัญและความเป็นอยู่ของคนไทยสมัยก่อน โดยตั้งอยู่บริเวณชั้นล่างของเรือนประธาน ร่มรื่นด้วยแมกไม้และทัศนียภาพอันงดงามของสระบัว

 

ภาพจิตรกรรมฝาผนังที่บอกเล่าถึงเรื่องราวความเป็นมาของเรือนทับขวัญและความเป็นอยู่ของคนไทยสมัยก่อน

 

ห้องอาหารทับขวัญ โดดเด่นด้วยการเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ไม้และการตกแต่งในสไตล์ไทยประยุกต์

All Signature Dishes

ในส่วนของเมนูขึ้นชื่อต่าง ๆ ที่มาแล้วต้องห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง เริ่มต้นเปิดสำรับความอร่อยกันที่เมนูเรียกน้ำย่อยอย่าง ข้าวตังน้ำพริกลงเรือ (180 บาท) จากน้ำพริกกะปิก้นถ้วยสู่เมนูเครื่องเสวยในวังสวนสุนันทา สืบทอดความอร่อยมายาวนานกว่าร้อยปี นิยมแพร่หลายในกลุ่มเจ้านายและตกทอดสูตรเรื่อยมาจนถึงประชาชนทั่วไป โดยเอกลักษณ์เฉพาะของทับขวัญนั้นอยู่ที่กะปิชั้นดี ห่อด้วยใบตองย่างเตาถ่านหอมกรุ่น ปรุงรสเป็นน้ำพริกกะปิ จากนั้นตั้งไฟกระทะร้อน ผัดคลุกเคล้ากับหมูสับ ปรุงสามรสให้มีรสชาติเปรี้ยว เค็ม และหวานลงตัว โรยหน้าด้วยไข่แดงเค็ม เสิร์ฟบนข้าวตังทอดเหลืองกรอบพอดีคำ พร้อมเคียงด้วยผักสมุนไพร

 

ข้าวตังน้ำพริกลงเรือ (180 บาท)

ตามมาด้วย หมี่กรอบส้มซ่า (140 บาท) อาหารโบราณที่มีมานานกว่าร้อยปี เป็นการผสมผสานอาหารสองสัญชาติระหว่างไทยกับจีน โดยเลือกใช้เส้นหมี่และเทคนิคการทอดแบบจีน แต่ปรุงรสชาติให้ได้รสเปรี้ยวอมหวานแบบไทย ๆ ผ่านวัตถุดิบปรุงรสที่มีมาแต่อดีต อาทิ น้ำปลา น้ำตาลปี๊บ น้ำมะขามเปียก น้ำมะนาว และส้มซ่า ที่นำมาใช้ทั้งน้ำปรุงและเปลือกที่นำมาหั่นฝอยแล้วโรยหน้าหมี่กรอบ เพื่อให้ได้กลิ่นหอมสดชื่นยามที่ทานเข้าไป 

 

หมี่กรอบส้มซ่า (140 บาท)

เติมความสดชื่นและรสชาติจัดจ้านมากขึ้นอีกนิดด้วยเมนู แสร้งว่ากลีบบัว (250 บาท) เมนูประเภทยำหรือเครื่องจิ้ม ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากกาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน บทพระราชนิพนธ์ในสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยหรือล้นเกล้ารัชกาลที่ 2 นับเป็นหนึ่งในภูมิปัญญาอาหารไทยที่ผ่านการคัดสรรวัตถุดิบเฉพาะสู่สำรับไทยที่ให้กลิ่นหอมของกุ้งแม่น้ำย่างจนสุกทั้งเปลือกด้วยเตาถ่าน หั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ พอดีคำ ก่อนจะนำมาคลุกเคล้าเข้ากับเครื่องยำรสชาติกลมกล่อม พร้อมเพิ่มความหอมด้วยเครื่องสมุนไพรที่ดีต่อสุขภาพ หอมนำด้วยมะกรูด ขิง หอมแดง และตะไคร้ ตามตำรับของทับขวัญ เสิร์ฟพร้อมกลีบบัวหลวงสดและทานคู่กันกับผักสด ได้ทั้งความอร่อยและรับสรรพคุณทางยาที่ดีต่อร่างกาย

 

แสร้งว่ากลีบบัว (250 บาท)

ส่วนใครที่กำลังมองหาเมนูหลัก ทานแล้วอิ่มท้อง ต้องลอง แกงรัญจวน (250 บาท) หนึ่งในสำรับไทยโบราณที่มีมาตั้งแต่สมัยล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 ซึ่งหากแปลความหมายตรงตัวแล้วเป็นแกงที่มีกลิ่นหอมรัญจวนใจนั่นเอง ด้วยความที่คนโบราณส่วนใหญ่ไม่นิยมทานอาหารแบบ ‘กินทิ้งกินขว้าง’ หากเหลือก็จะนำมาดัดแปลงเป็นเมนูใหม่ เช่นเดียวกันกับแกงถ้วยนี้ ความโดดเด่นของเมนูนี้ จึงอยู่ที่การนำน้ำพริกกะปิก้นถ้วยมาเสริมความหอมหวนรัญจวนใจด้วยเนื้อหมูเคี่ยวไฟอ่อน ๆ ปรุงรสให้ได้ความเปรี้ยว เค็ม หวาน แล้วโรยด้วยใบโหระพา เสิร์ฟพร้อมข้าวสวย ยิ่งได้ทานตอนร้อน ๆ ก็ยิ่งได้กลิ่นหอมรัญจวนใจ

 

แกงรัญจวน (250 บาท)

มาถึงเมนูประจำฤดูกาลกันบ้าง ทางห้องอาหารเลือกนำเสนอ แกงคั่วกระท้อนหมูย่าง (280 บาท) เมนูแกงเผ็ด หนึ่งในสำรับไทยที่ช่วยให้เจริญอาหารได้เป็นอย่างดี โดยทางทับขวัญได้นำเอาผลไม้ตามฤดูกาลอย่าง 'กระท้อน’ มาใช้เป็นวัตถุดิบหลักที่ผสมเข้ากับพริกแกงเผ็ด จนได้มาเป็นแกงคั่วกระท้อนหมูย่างที่ให้รสชาติกลมกล่อม เสิร์ฟพร้อมกับข้าวสวยร้อน ๆ    

 

แกงคั่วกระท้อนหมูย่าง (280 บาท)

หรือจะเป็น ห่อหมกหน่อกะลา (320 บาท) เนื่องด้วยหน่อกะลาเป็นพืชท้องถิ่นที่หาทานได้เพียงที่เกาะเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ซึ่งส่วนใหญ่จะถูกนำมาทำเป็นเมนูทอดมันหน่อกะลา หรือแกงส้มหน่อกะลาเท่านั้น ทางร้านจึงเกิดไอเดียนำมาทำเป็นเมนูห่อหมกกะลา โดยห่อหมกจะมีส่วนผสมของเนื้อปลากรายที่โขลกมากับเครื่องแกงรสจัดจ้าน เนื้อปลาช่อนสไลด์ที่หั่นมาแบบเป็นชิ้น และหน่อกะลาที่ให้ความกรุบกรอบ ห่อหมกหน่อกะลาถูกเสิร์ฟมาในลักษณะของสำรับขนมครกแบบไทย ๆ พร้อมกับข้าวสวยร้อน ๆ ทานเป็นกับข้าวที่เข้ากันได้เป็นอย่างดี 

 

ห่อหมกหน่อกะลา (320 บาท)

ปิดท้ายกันที่เมนูของหวานดับคาวกันตามระเบียบกับ ส้มฉุน (120 บาท) เครื่องว่างหน้าร้อนที่ปรากฏอยู่ในกาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวานในบทพระราชนิพนธ์ในสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย หรือล้นเกล้ารัชกาลที่ 2 อีกเช่นเดียวกัน โดยคำว่า ‘ส้มฉุน’ นี้ เป็นคำที่ใช้เรียกลิ้นจี่แบบปอกเปลือกและคว้านเมล็ด ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักที่ขาดไม่ได้ พร้อมเสริมด้วยผลไม้ชนิดอื่น ๆ ตามฤดูกาลที่มีรสอมเปรี้ยวอมหวาน เช่น มะยงชิด ส้ม มะม่วงซอย ลำไย สละ โดยอาศัยความประณีตในการปอกเปลือก คว้านเมล็ด ก่อนจะนำไปปรุงรสกับน้ำลอยแก้วที่มีส่วนผสมของน้ำส้มซ่า ขิงซอย โรยหน้าด้วยหอมเจียว เวลาทานให้ใส่น้ำแข็งลงไปด้วย รับรองว่าอร่อยชื่นใจ

 

ส้มฉุน (120 บาท)

นอกจากนี้ ทางทับขวัญยังจัดโปรโมชั่นพิเศษตามช่วงฤดูกาลให้ผู้ที่มาทานได้รับความประทับใจใหม่ ๆ กลับไปด้วย ไม่ว่าจะเป็น กิจกรรมแต่งชุดไทยพร้อมทานอาหารไทยโบราณ เสิร์ฟเมนูประจำฤดูกาลอย่างในช่วงฤดูฝนทางห้องอาหารจะเลือกเสิร์ฟเมนูซึ่งใช้วัตถุดิบที่ทำจากบัวหลวงทั้งสิ้น เช่น เมี่ยงกลีบบัว ส้มตำไหลบัว น้ำดอกบัว น้ำรากบัว ฯลฯ รวมไปถึงกิจกรรมเวิร์คช็อปต้อนรับวันสำคัญต่าง ๆ อาทิ การเรียนน้ำปรุง การเรียนทำอาหารไทย การเรียนร้อยมาลัย เป็นต้น
Info
Hours
Everyday : 10AM - 10PM
Price

฿฿฿ 301-500 บาทต่อคน

Address
ทับขวัญ รีสอร์ท, 178, 180, 182, 184 ถนนนนทบุรี 1 เมืองนนทบุรี นนทบุรี
Map
Facilities
Suggest an Edit