Published on June 28, 2022

The Progressive Thai Restaurant with International-Inspired Elements

หลบหนีจากความวุ่นวาย แล้วแวะมาผ่อนคลายใช้เวลาอิ่มอร่อยกับมื้อพิเศษที่ INKA ร้านอาหารไทยในเครือนารา ไทย คูซีน ร้านอาหารไทยรสชาติจัดจ้านสไตล์ก้าวหน้า ที่เพิ่มเติมความเหนือชั้นผ่านการรังสรรค์ความอร่อยด้วยวัตถุดิบสุดพรีเมียมที่เชฟคัดสรรมาแล้วเป็นอย่างดี ท่ามกลางบรรยากาศสบาย ๆ กับการดีไซน์ตกแต่งร้านจากวัสดุธรรมชาติที่ช่วยเสริมบรรยากาศการทานอาหารมื้อนี้ให้พิเศษกว่าที่เคย

 

มุมที่นั่งแบบเป็นส่วนตัว

 

บรรยากาศภายในร้าน เสริมความโปร่งโล่งด้วยการเลือกใช้กระจกใสบานใหญ่เพื่อเปิดรับแสงธรรมชาติ

จาก อั้งม้อ สู่ INKA (อิงคฺ) ร้านอาหารในเครือของนาราไทย คูซีน ซึ่งมาพร้อมกับคอนเซ็ปต์ 'Progressive - Ethnic - Bangkokian' หรือ 'อาหารตำรับท้องถิ่น กลิ่น (อาย) คนกรุงฯ' นำเสนออาหารไทยในมุมมองของคนกรุงเทพฯ โดยเป็นร้านอาหารไทยของคนรุ่นใหม่ที่พิถีพิถันในเรื่องของรสชาติ โดดเด่นด้วยการหยิบยกเอาวัตถุดิบระดับพรีเมียมเข้ามาผสมผสานกับการปรุงรสตามแบบภูมิปัญญาท้องถิ่นของไทย จนกลายมาเป็นความพิเศษของหลากหลายเมนูอาหารไทยมิติใหม่ ที่หากใครได้ลิ้มลองเป็นต้องประทับใจ

โดยทางร้านจะมีการการแนะนำ Inka Culture ที่ลูกค้าจะได้เสิร์ฟ Amuse Bouche ท่านละ 1 คำ เป็นการต้อนรับ ส่วนอาหารจานเด่นมีการบริการ Pairing คู่กับ Wine List ที่ถูกคัดเลือกมาเป็นพิเศษอย่างดี รวมไปถึง Champaign รสเลิศให้จิบกันได้ชิลล์ ๆ จะนั่งคุยงาน หรือทานข้าวกับคนพิเศษก็สร้างช่วงเวลาที่ดี

 

มุมที่นั่งสบาย ๆ ภายในร้าน

Tropical and Ethnic Style

ส่วนด้านการตกแต่งร้าน INKA ก็ชัดเจนด้วยบรรยากาศสบาย ๆ ที่แฝงไว้ด้วยกลิ่นอายของสไตล์ Beach Club ผสมผสานเข้ากับแนว Ethnic นิด ๆ ด้วยความตั้งใจอันดีที่อยากให้บรรยากาศภายในร้านนั้นออกมาในรูปแบบของรีสอร์ท โดยเล่นกับ Lighting 3 ช่วงเวลา เพื่อสร้างบรรยากาศการถ่ายรูปที่แตกต่าง และ Playlist music 2 ช่วง คือ กลางวันและกลางคืนเพื่อให้ทุกคนที่แวะเวียนเข้ามาภายในร้านได้ซึมซับความผ่อนคลายกันอย่างเต็มที่เสมือนอยู่ Mykonos ประเทศกรีซ

 

หลากหลายมุมนั่งทานอาหารที่มีให้เลือกสรรตามความชอบ

Thai Taste with Premium Ingredients

สำหรับเมนูอาหารก็โดดเด่นไม่แพ้กัน ด้วยประสบการณ์การรังสรรค์ความอร่อยของอาหารไทยมากว่า 18 ปี ของนารา ไทย คูซีน กรุ๊ป แบรนด์ร้านอาหารไทยอันดับหนึ่ง ผู้เปรียบเสมือนตัวแทนของอาหารไทยที่ถูกระเบียบแบบแผนในทุกแง่มุม จึงเลือกนำเสนอความอร่อยมิติใหม่ เพื่อยกระดับอาหารไทยไปสู่สากล ผ่านการมอบประสบการณ์ในการทานอาหารไทยที่ให้รสจัดจ้านและแฝงไว้ด้วยลูกเล่นกลิ่นอายสไตล์คนกรุงฯ

มาที่ร้านแล้วแนะนำให้สั่งจานทานเล่นมาชิมกันก่อน แนะนำ ยำเนื้อเทนเดอร์ลอยน์ (590 บาท) เนื้อสันในระดับความสุก Medium Rare แล่บาง ๆ ในสไตล์ Carpaccio เสิร์ฟคู่กับน้ำยำแบบไทย ๆ และสมุนไพรหลากหลายชนิด ให้รสชาติกลมกล่อม ถือเป็นจานเรียกน้ำย่อยก่อนเริ่มต้นทานเมนูอื่น ๆ ได้เป็นอย่างดี

 

ยำเนื้อเทนเดอร์ลอยน์ (590 บาท)

ต่อด้วย ทูน่าทอสทาด้า (420 บาท) อีกหนึ่งจานทานเล่นสไตล์ Mexican ที่ถูกนำมาปรับแต่งใหม่กับทูน่าเกรดพรีเมี่ยม 3A โดยเลือกจับคู่ความอร่อยกับทูน่าคุณภาพดีที่นำไปยำแบบไทย ๆ ได้ความอร่อยใหม่ในแบบรสชาติที่คุ้นเคย

 

ทูน่าทอสทาด้า (420 บาท)

หรือจะเป็นเมนู ยำใบบัวบกกับกุ้งลายเสือย่าง (750 บาท) ที่โดดเด่นด้วยน้ำยำรสกลมกล่อม หอมกลิ่นกะทิ คลุกเคล้ามากับใบบัวบกที่ให้รสฝาดนิด ๆ พร้อมด้วยหมูสับที่รวนมากับวัตถุดิบ 3 เกลอ และเครื่องเคียงต่าง ๆ อย่างมะพร้าวคั่ว หอมเจียว และเม็ดมะม่วงหิมพานต์ ที่ช่วยเพิ่มรสสัมผัสให้กับยำจานนี้ได้เป็นอย่างดี เสิร์ฟเคียงคู่ความอร่อยมากับกุ้งลายเสือย่างตัวใหญ่ที่ให้รสชาติเข้ากันอย่างลงตัว

 

ยำใบบัวบกกับกุ้งลายเสือย่าง (750 บาท)

ทางด้านเมนูกับข้าว แนะนำ มัสมั่นแก้มหมูส้มซ่า (650 บาท) มัสมั่นรสชาติจัดจ้านกลมกล่อม ที่ปรุงรสและตุ๋นด้วยกรรมวิธีแบบโบราณ โดดเด่นด้วยรสเปรี้ยวที่ได้จากน้ำส้มมะขามและกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ของส้มซ่าที่หาทานได้ยากในกรุงเทพฯ เสิร์ฟมาพร้อมกับส่วนของแก้มหมูที่ตุ๋นจนนุ่มและมันบดเนื้อเนียนให้ทานด้วยกัน

 

มัสมั่นแก้มหมูส้มซ่า (650 บาท)

ตามมาด้วย พอร์คช็อปย่างพะโล้ (590 บาท) พอร์คช็อปชิ้นโตที่ผ่านการหมักเป็นอย่างดี ให้รสชาติที่คุ้นเคยในแบบของพะโล้ โดยเป็นการย่างที่ให้สัมผัสของเนื้อที่เปื่อยนุ่มชุ่มฉ่ำ พร้อมเสิร์ฟเคียงมากับกะหล่ำดาวย่างและน้ำส้มพริกตำ

 

พอร์คช็อปย่างพะโล้ (590 บาท)

อีกหนึ่งเมนูที่ทางร้านแนะนำ ขอยกให้กับ ต้มข่าหอยตลับอาซาริ (550 บาท) โดยต้มข่าของที่นี่ เชฟจะเคี่ยวกะทิให้มีความเข้มข้นกว่าปกติ ปรุงแบบครบ 3 รส ทั้งเปรี้ยว เค็ม และหวาน เสิร์ฟมากับหอยตลับญี่ปุ่นสายพันธุ์อาซาริและขนมปัง Baguette เป็นความอร่อยลงตัวครั้งใหม่ที่ต้องลอง!

 

ต้มข่าหอยตลับอาซาริ (550 บาท)

ส่วนอาหารจานเดียวของที่นี่ก็มีให้เลือกอิ่มอร่อยเช่นกัน แนะนำเมนู พาสต้ากุ้งแม่น้ำย่างผัดซอสมะเขือเทศและแจ่วอีสาน (750 บาท) พาสต้าซอสมะเขือเทศที่ทางร้านปรุงให้มีรสชาติจัดจ้านแบบไทย โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากน้ำพริกแจ่วปลาร้าอีสาน เสิร์ฟมากับกุ้งแม่น้ำย่างหอมกรุ่น บอกเลยว่าสาวกพาสต้าซอสมะเขือเทศต้องห้ามพลาด!

 

พาสต้ากุ้งแม่น้ำย่างผัดซอสมะเขือเทศและแจ่วอีสาน (750 บาท)

หรือจะเป็นเมนูอิ่มท้องแบบเบา ๆ อย่าง สลัดเป็ดลิ้นจี่ (390 บาท) สลัดเป็ดย่างที่โดดเด่นด้วยน้ำสลัดปรุงจากซอสฮอยซินแบบจีน นอกจากนี้ยังผลไม้อย่างลิ้นจี่ที่ทานเข้ากันเป็นอย่างดีกับเป็ดย่างและผักแขยง ผักพื้นบ้านที่มีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ ทำให้สลัดจานนี้มีความโดดเด่นทั้งในเรื่องของรสชาติ รสสัมผัส และกลิ่นหอมอย่างลงตัว

 

สลัดเป็ดลิ้นจี่ (390 บาท)

ปิดท้ายกันที่เมนูเย็น ๆ ดับอากาศร้อน ๆ ของเมืองไทยอย่าง ยำโซบะมหานคร (450 บาท) เมนูโซบะเย็นที่มาเสิร์ฟพร้อมพระเอกของจานอย่างกุ้งลายเสือตัวโตเนื้อแน่น เคียงมากับผักหลากหลายชนิด น้ำซอสสูตรพิเศษที่ประยุกต์จากน้ำยำแบบไทย ให้กลิ่นหอมของน้ำปลาและโชยุแบบญี่ปุ่น ได้ความกลมกล่อมแบบครบรส ทั้งเปรี้ยว เค็ม และหวาน ให้การทานอาหารมื้อนี้เต็มไปด้วยความอิ่มอร่อยสุดประทับใจ

 

ยำโซบะมหานคร (450 บาท)

อีกไฮไลต์ของ INKA ต้องขอยกให้ Mocktail แก้วพิเศษ Signature ของทางร้านที่มีส่วนผสมของ Citrus มาช่วยรีเฟรชความสดชื่นด้วนกลิ่นหอม ๆ และรสชาติหวานอมเปรี้ยวพอดี เป็นแก้วล้างปากหลังมื้ออาหารได้อย่างสมบูรณ์แบบ แถมยังมีกิมมิกน่ารัก ๆ มาเป็น Bubble ที่เก็บเอาอโรมาหอม ๆ ไว้ด้านใน ให้คุณได้ดื่มด่ำทั้งกลิ่นและรสชาติไปพร้อมกันในแก้วเดียว!
 

Mocktail

Info
Hours
Everyday : 11AM - 10PM
Price

฿฿฿฿ 501-1,000 บาทต่อคน

Address
ชั้น 5, ศูนย์การค้า Central Embassy เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร
Map
Mass Transit

BTS เพลินจิต

Facilities
Suggest an Edit