Published on December 10, 2020

A New Location of ‘Fillets’

ชวนสัมผัสความอร่อยของคอร์สโอมากาเสะสุดพิเศษจากร้าน ‘Mini Me by Fillets’ ที่รังสรรค์โดย ‘เชฟแรนดี้-ชัยชัช นพประภา’ แห่ง Fillets ร้านอาหารญี่ปุ่นสไตล์โมเดิร์นย่านหลังสวน ในฐานะผู้บุกเบิกการทานโอมากาเสะในไทย โดยการกลับมาของ Fillets ครั้งนี้ มาพร้อมโลเคชันใหม่ซึ่งตั้งอยู่ในย่านสี่พระยา นำเสนอความเป็นร้านโอมากาเสะซูชิในสไตล์เอโดะมาเอะหรือรูปแบบดั้งเดิมอย่างจริงจัง โดยปรับพื้นที่บนชั้น 2 ของร้าน สำรับสำหรับไทย และ 100 Mahaseth ให้มีขนาดกะทัดรัดและบรรยากาศที่เป็นกันเองมากขึ้น โดยยังคงความพิถีพิถัน คัดสรรวัตถุดิบเนื้อปลาและอาหารทะเลนำเข้าที่สดใหม่จากธรรมชาติ 100% ซึ่งแต่ละเมนูไฮไลต์จะถูกปรับเปลี่ยนไปตามฤดูกาล นำเสนอรสชาติแต่ละคำอย่างโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ เติมเต็มประสบการณ์ทานอาหารญี่ปุ่นได้อย่างน่าประทับใจ 

 

เชฟแรนดี้-ชัยชัช นพประภา - Executive Chef ร้าน Mini Me by Fillets

Casual Dining Concept Feat. Modern Comfort Japanese Cuisine

ย้อนกลับไปเมื่อ 8 ปีก่อน ทางแบรนด์ Fillets เองนั้นเคยได้เปิดให้บริการในลักษณะของร้านซูชิ Pop-Up พร้อมเผยแพร่วัฒนธรรมการทานโอมากาเสะให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นในหมู่คนไทย โดยทีมเชฟได้ทำการเสาะหาแหล่งวัตถุดิบคุณภาพที่ล้วนนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นทั้งสิ้น ก่อนที่ปัจจุบันทางร้านจะทำออกมาในรูปแบบของร้านโอมากาเสะแบบจริงจัง บนพื้นที่ขนาดกะทัดรัด เสิร์ฟความอร่อยบนเคาน์เตอร์บาร์เล็ก ๆ สมกับชื่อร้าน ‘Mini Me by Fillets’ ท่ามกลางบรรยากาศสบาย ๆ เป็นกันเอง ซึ่งผู้ทานจะได้เห็นเบื้องหลังการรังสรรค์ความอร่อยของทีมเชฟอย่างใกล้ชิด และสามารถพูดคุยสอบถามข้อมูล แลกเปลี่ยนประสบการณ์การทานโอมากาเสะร่วมกับเชฟได้ในระหว่างที่ทานอีกด้วย

 

ทีมเชฟประจำร้าน Mini Me by Fillets ที่พร้อมรังสรรค์ความอร่อยเมนูพิเศษต่าง ๆ ภายในคอร์ส

ในส่วนของเมนูอาหารทางร้านก็ได้มีการปรับเปลี่ยน โดยจะเน้นเสิร์ฟเฉพาะโอมากาเสะเท่านั้น (ไม่เสิร์ฟเมนู A La Carte และรับสำรองที่นั่งเพียง 9 ที่ต่อวัน) อาจด้วยเพราะข้อจำกัดของสถานที่ซึ่งมีเพียงเคาน์เตอร์ซูชิ เก้าอี้บาร์ และมุมโซฟาเล็ก ๆ แต่ภายใต้ความกะทัดรัดนี้ก็แฝงไว้ด้วยความพิถีพิถัน ความใส่ใจ และความตั้งใจอันดีของเชฟแรนดี้ที่พร้อมถ่ายทอดความอร่อยของคอร์สโอมากาเสะสุดพิเศษให้ทุกคนได้ลิ้มลอง


Premium Omakase Experience

สำหรับใครที่ไม่เคยทานโอมากาเสะมาก่อน แต่อยากลองสัมผัสประสบการณ์พิเศษนี้ดูสักครั้ง การเดินทางมาเยือน Mini Me by Fillets นับเป็นโอกาสดี เพราะเชฟแรนดี้และทีมเชฟของทางร้านต้อนรับทุกคนด้วยความเป็นกันเอง ทำให้ไม่รู้สึกเคอะเขิน ซึ่งในระหว่างที่ทานทางเชฟจะคอยแนะนำอยู่ตลอดว่าแต่ละคำควรทานอย่างไร และด้วยความที่เชฟเป็นคนไทยจึงทำให้เราสามารถสอบถามข้อสงสัย หรือเข้าใจสิ่งที่เชฟต้องการสื่อสารได้เป็นอย่างดี

 

พิถีพิถันทุกขั้นตอน

อีกหนึ่งความพิเศษในการทานโอมากาเสะของที่นี่ อยู่ที่การคัดสรรวัตถุดิบ โดยเชฟแรนดี้เผยว่าเนื้อปลาทั้งหมดที่ทางร้านเลือกใช้ล้วนเป็นปลาที่ได้จากธรรมชาติ (Wild Caught) ผ่านการใช้เบ็ดตกปลาเท่านั้น ซึ่งเป็นวิถีการจับปลาแบบยั่งยืน เป็นการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติไปในตัว โดยเมนูต่าง ๆ จะถูกปรับเปลี่ยนไปตามฤดูกาลและความเหมาะสม พร้อมคัดสรรจากแหล่งวัตถุดิบของประเทศญี่ปุ่นโดยตรง

 

Autumn Omakase Course ที่ผ่านการคัดสรรวัตถุดิบพรีเมียมจากธรรมชาติ 100%

โอมากาเสะซูชิของทางร้านจะเลือกนำเสนอในแบบของเอโดะมาเอะที่ไม่เน้นปรุงแต่งรสชาติมากนัก มีเพียงการดองและแช่ซีอิ๊วที่เรียกว่า ‘สึเกะ’ นอกจากนี้ เชฟแรนดี้ยังเลือกใช้ข้าวญี่ปุ่นสายพันธุ์โคชิฮิคาริจากฮอกไกโดมาหุงกับน้ำอัลคาไลน์จากฮอกไกโดซึ่งปราศจากกลิ่นและรสชาติอื่น ๆ มาปะปน

คอร์สโอมากาเสะของทางร้านจะเริ่มต้นคอร์สที่ประมาณ 13 คำ ไปจนถึง 18-20 คำ (ภายในคอร์สจะเสิร์ฟมาพร้อมกับ Sparkling สาเก ที่ผ่านการหมักบ่มในระยะเวลาที่เหมาะสม) โดยแบ่งรอบเสิร์ฟทั้งหมด 3 รอบ ดังนี้
1. รอบเวลา 11.30-13.00 น. ราคา 2,500++ บาท
2. รอบเวลา 17.30-19.00 น. ราคา 3,500++ บาท
3. รอบเวลา 19.30-21.00 น. ราคา 5,500++ บาท
แนะนำว่าผู้ที่เข้ามาทานจะต้องสำรองที่นั่งล่วงหน้าเท่านั้น


เริ่มต้นความอร่อยภายในคอร์สโอมากาเสะสุดพิเศษนี้ด้วย Ishigakidai ปลาเนื้อขาวที่มักพบบริเวณหน้าดินหรือแนวปะการังในกระแสน้ำอุ่นตามธรรมชาติของเมืองโอกินาวา ประเทศญี่ปุ่น สำหรับคำแรกนี้ให้รสสัมผัสที่สดใหม่ เพื่อเป็นการปรับรสชาติปากก่อนจะค่อย ๆ ไล่ระดับความเข้มข้นของรสชาติที่มากขึ้นตามลำดับในคำถัดไป

 

Ishigakidai

ตามมาด้วย Bafun Uni ไข่หอยเม่นสายพันธุ์ Bafun จากฮอกไกโดที่แพ็กมาในน้ำทะเลจากแหล่งที่จับได้ ให้รสหวานมันแบบครีมมี่ และกลิ่นอายของน้ำทะเลที่ให้รสหวานตามธรรมชาติแบบไม่ต้องปรุงแต่งรสชาติใด ๆ (คำนี้มักจับคู่ทานกับสาเกเย็น ๆ ซึ่งให้รสชาติที่เข้ากันอย่างลงตัว โดยได้รสหวานของไข่หอยเม่นและความสดชื่นของสาเกที่ถือเป็นการล้างปากได้เป็นอย่างดี)

 

Bafun Uni

คำถัดมา เพิ่มรสชาติขึ้นอีกนิดด้วย Kinmedai ซูชิเนื้อปลาคินเมไดสีชมพูนวลสวยหรือปลากะพงแดงญี่ปุ่นจากเมืองโชชิที่นำไปบ่มกับดอกและใบซากุระ, Irisake (ซอสสาเกและบ๊วยดอง) จนได้รสเค็มของบ๊วยและรสหวานของเนื้อปลาที่ผสานความอร่อยออกมาได้อย่างลงตัว ตามด้วยวัตถุดิบจากท้องทะเลอีกอย่างหนึ่งที่ขาดเสียไม่ได้อย่าง Hotate หรือหอยเชลล์สดใหม่ที่ให้เนื้อสัมผัสที่นุ่มแน่นและรสละมุนลิ้น

 

Kinmedai

 

Hotate

ต่อเนื่องความอร่อยกันด้วย Akami ซูชิปลาทูน่าเนื้อสีแดงสดที่นำเข้าจากทะเลแถบเมืองโอกินาวา โดยเชฟได้นำส่วนอากามิหรือส่วนที่มีไขมันน้อยที่สุดไปดองกับโชยุสึเกะ เพื่อเสริมรสชาติของเนื้อปลาให้มีความเข้มข้นมากยิ่งขึ้น

 

Akami

ก่อนจะเสริมทัพตามอีกคำด้วย Buri ปลาบุรี (สายพันธุ์เดียวกันกับฮามาจิ) หรือปลาหางเหลืองที่คนญี่ปุ่นนิยมทานกันในช่วงฤดูหนาว และอีกหนึ่งสุดยอดความอร่อยอย่าง Chu Toro ปลามากูโรส่วนท้องที่มีไขมันแทรกปานกลาง (สำหรับคำนี้เวลาทานเชฟแนะนำให้อมไว้ก่อนประมาณ 2-3 วินาที เพื่อซึมซับรสชาติของตัววัตถุดิบ)

 

Buri

 

Chu Toro

มาถึงอีกคำไฮไลต์ที่หลายคนชื่นชอบก็คือ Ankimo ตับปลาอังโกะที่ท็อปด้วยไชเท้าดองสีแดงและวาซาบิ ให้รสชาติละมุนละไมสมการรอคอย เพราะหาทานได้เฉพาะฤดูหนาวนี้เท่านั้น

 

Ankimo

เบรกความครีมมี่ด้วยคำถัดมากับ Kohada ปลาตะเพียนญี่ปุ่นที่เชฟนำไปดองกับน้ำส้มจนได้รสเปรี้ยวนิด ๆ และมีกลิ่นหอมสดชื่น ให้เนื้อสัมผัสที่นุ่มเด้งของส่วนหนังปลา มาพร้อมรสชาติที่ช่วยตัดเลี่ยนและความมันจากเมนูอื่น ๆ ได้เป็นอย่างดี

 

Kohada

สำหรับใครที่ชอบทานข้าวปั้นห่อสาหร่ายเป็นชีวิตจิตใจ เชื่อว่าต้องฟินไปกับความอร่อยของ Toro Taku ทูน่าโรลที่เชฟเลือกใช้เนื้อทูน่าส่วนที่มีความมันค่อนข้างมาก นำมาสับให้ละเอียดแล้วคลุกเคล้ากับหัวไชเท้าดองรมควัน ให้รสกลมกล่อมและกลิ่นหอมรมควันชวนทาน

 

Toro Taku

ก่อนจะเอาใจคนทานปูด้วย Suwaii Kani เนื้อปูหิมะล้วน ๆ ที่เสิร์ฟมาในกระดองปู พร้อมกับใบชบาเมเปิ้ลที่มาช่วยตัดรสชาติ ทำให้เมนูนี้มีความกลมกล่อมอร่อยลงตัว


 

Suwaii Kani

อีกหนึ่งที่สุดของความอร่อยก็คือ Kuro Awabi หอยเป๋าฮื้อดำ ราดด้วยซอสที่ทำมาจากตับของหอยเป๋าฮื้อ มาพร้อมกลิ่นหอมของสมุนไพรที่มาช่วยดับกลิ่นคาวของตับ เมนูนี้ให้เนื้อสัมผัสนุ่มละมุนและรสหวานของหอยเป๋าฮื้ออย่างเป็นธรรมชาติ เสิร์ฟพร้อมซุปสกัด (ช็อตเล็ก ๆ) รสชาติแสนกลมกล่อม จากนั้นตัดรสชาติด้วยเมนู Bafun Uni อีกครั้ง โดยคำนี้จะเสิร์ฟมาในรูปแบบของการห่อสาหร่ายและท็อปด้วยไข่หอยเม่นตามลงไปอีกหลาย ๆ ชั้น

 

Kuro Awabi

 

Bafun Uni ห่อสาหร่าย

ตามมาด้วยเมนูหอยอย่าง Hamaguri หอยตลับทาด้วยซอสหวานที่เคี่ยวจากน้ำตาล มิริน และกระดูกสันหลังปลาไหลทะเล ให้เนื้อสัมผัสกรุบกรอบและรสหวานของเนื้อหอยแบบเต็มคำ

 

Hamaguri

ปิดคอร์สอาหารคาวด้วย Sujiko และ Shiru เมนูข้าวอบหัวปลาคินเมได ที่เชฟเลือกใช้ข้าวอบคุณภาพจากฮอกไกโด และเลือกใช้เปลือกกุ้งมาทำเป็นน้ำสต็อก ก่อนจะผสมเข้ากับใบมิโสะเพื่อให้ได้รสกลมกล่อม เมนูนี้จะเสิร์ฟมาพร้อมกับไชเท้าดองสีขาวและสีแดง เวลาทานเชฟแนะนำให้ตักข้าวอบทานไปสักครึ่งหนึ่ง แล้วราดน้ำซุปร้อน ๆ ตามลงไป คล้ายกับการทานข้าวต้ม จะได้อีกหนึ่งรสสัมผัสที่อร่อยไม่แพ้กัน

 

Shiru

ถึงคิวเมนูของหวานกันบ้าง โดยทางร้านพร้อมเสิร์ฟความอร่อยและปรับรสชาติปากด้วยเมนู Tamago หรือเค้กไข่หวานญี่ปุ่น หนึ่งในขนมหวานขึ้นชื่อของ Fillets ที่ตัดแบ่งชิ้นมาด้วยขนาดกำลังดี เนื้อเค้กมีความหอม รสชาติไม่หวานมาก ให้เนื้อสัมผัสนุ่มและบางเบา ทานแล้วไม่หนักท้องจนเกินไป

 

Tamago

ก่อนจะท้าชิงความอร่อยด้วยของหวานอีกหนึ่งอย่างกับเมนู Shoyu ไอศกรีมโชยุ ที่มีส่วนผสมของมะเขือเทศเคลือบคาราเมล เสิร์ฟพร้อมขนมบิสกิตแบบแท่งที่เคลือบด้วยน้ำตาล ให้รสชาติหวานมันเค็มเข้ากันได้อย่างลงตัว เป็นการปิดท้ายมื้อพิเศษสุดอิ่มคุ้มนี้ได้อย่างน่าประทับใจ

 

Shoyu

Must Read!
  • การทานคอร์สโอมากาเสะของทางร้านต้องสำรองที่นั่งล่วงหน้าเท่านั้น เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 1 สัปดาห์
Info
Hours
Open : 11AM - 1PM
5:30PM - 7PM
7:30PM - 9PM
Fri : 11AM - 1PM
5:30PM - 7PM
7:30PM - 9PM
Sat : 11AM - 1PM
5:30PM - 7PM
7:30PM - 9PM
Sun : 11:30AM - 1PM
5:30PM - 7PM
7:30PM - 9PM
Mon : Closed
Tue : 11:30AM - 1PM
5:30PM - 7PM
7:30PM - 9PM
Wed : 11AM - 1PM
5:30PM - 7PM
7:30PM - 9PM
Thu : 11AM - 1PM
5:30PM - 7PM
7:30PM - 9PM
Price

฿฿฿฿฿฿ มากกว่า 2,000 บาทต่อคน

Address
102 ถนนมหาเศรษฐ์ เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร
Map
Mass Transit

MRT หัวลำโพง

MRT สามย่าน

Suggest an Edit