Delicate To The Beloved Grand Mother 'Nusara'
สำหรับใครที่เป็นแฟนอาหารไทยของ เชฟต้น-ธิติฏฐ์ ทัศนาขจร เชฟชื่อดังที่คว้ารางวัลมิชลินสตาร์ระดับ 1 ดาว จากร้าน Le Du ถึงเวลาแล้วที่จะมาลิ้มลองคอร์สเมนูอาหารไทยในสไตล์ใหม่ที่ นุสรา เชฟเทเบิ้ลร้านใหม่ล่าสุด โดยตั้งอยู่บนชั้น 2 ของร้าน Mayrai Padthai Wine Bar ในย่านท่าเตียน
โดยชื่อ 'นุสรา' นั้น เป็นชื่อคุณยายอันเป็นที่รักของเชฟต้นและน้องชาย คุณตาม-ชัยสิริ ทัศนาขจร หลังจากการจากไปของคุณยาย ทางเชฟต้นและคุณตามจึงได้ร่วมกันเปิดร้านนี้ขึ้นมาเพื่อเป็นอนุสรณ์ชวนให้ระลึกถึงคุณยาย 'นุสรา' นั่นเอง
Vintage Building with New Colors
เมื่อเดินขึ้นมาถึงชั้นบนบริเวณโซนร้าน 'นุสรา' จะพบกับบรรยากาศที่แตกต่างจากด้านล่างอย่างสิ้นเชิง ตัวร้านตั้งอยู่ในอาคารเก่าแก่อายุกว่า 200 ปี ได้ถูกนำมารีโนเวทใหม่ โดยแบ่งออกเป็น 2 โซน โซนแรกจะเป็นพื้นที่ส่วนโซฟาลวดลายวินเทจ ประดับด้วยแจกันดอกไม้สีสันสดใสหลากหลายชนิด รวมถึงผ้าม่านและหมอนอิงสีสันโทนส้มสด ตัดกับพื้นไม้สีเข้มและผนังสีเขียว เป็นโซนซึ่งให้แขกที่มาทานอาหารได้นั่งพักดื่มเครื่องดื่มและพูดคุย ก่อนจะเริ่มมื้ออาหารกันอย่างเป็นทางการ
สำหรับโซน Dining ตรงกลางห้องเป็นโต๊ะไม้ยาวรองรับสำหรับ 10 ที่นั่ง บนโต๊ะมีจานสีทองวางอยู่ สร้างลุคที่ดูหรูหราท่ามกลางบรรยากาศที่ผสมผสานยุคสมัยเก่า บนผนังประดับด้วยรูปภาพขาวดำสไตล์วินเทจ รวมถึงรูปภาพของคุณยายนุสรา ผู้เป็นแรงบันดาลใจของร้านแห่งนี้
Authentic Thai Cuisine with Colors
เชฟต้นได้ให้คำนิยามอาหารของทางร้านไว้ว่าเป็นสไตล์อาหาร 'ไทยปัจจุบัน' หรืออาหารไทยจริง ๆ ที่ได้ถูกแต่งแต้มสีสันขึ้นมาใหม่ เน้นใช้วัตถุดิบท้องถิ่นและยังได้นำรูปแบบวิธีการเสิร์ฟแบบไคเซกิของอาหารญี่ปุ่นชั้นสูง ที่เน้นการค่อย ๆ เสิร์ฟทีละเมนูและไล่ลำดับรสชาติของแต่ละเมนู จากของทานเล่นคำเล็ก ๆ ไปจนถึงขนมหวาน โดยต้องการเน้นคุณค่าของอาหารไทยผ่านการเสิร์ฟอย่างพิถีพิถัน มีทั้งหมด 12 คอร์ส ราคา 1,900 บาท
มีเมนูเรียกน้ำย่อยอย่าง ยำปลาหมึก ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากเมนูข้าวเกรียบปากหม้อ เลือกใช้เนื้อปลาหมึกหอมจากตราดมาสไลด์บาง ๆ คลุมบนยำสไตล์โบราณ ประกอบด้วยแตงกวาสับ มะเขือเทศ กระเทียมโทน เพิ่มสีสันด้วยดอกพวงชมพูและดอกแตงกวา คลุกเคล้ากับน้ำยำที่มีส่วนผสมของน้ำกระเทียมดองและน้ำปลาแท้จากตราด
ต่อด้วย อ่องปูนา อินทรีย์ แนม ข้าวมัน เมนูนี้ได้แรงบันดาลใจจากเมนูซูชิในอาหารญี่ปุ่น ตัวข้าวเป็นการผสมผสานระหว่างข้าวหอมมะลิและข้าวเหนียวเขี้ยวงูที่นำมาหุงในกะทิและสมุนไพรไทย ได้ทั้งความหอมและเนื้อสัมผัสที่นุ่มละมุน ท็อปหน้าด้วยอ่องมันปูอินทรีย์จากลำพูน และซอสที่ดัดแปลงจาก chimichurri ซอสของอาหารเม็กซิกัน โดยทางเชฟเลือกใช้ผักกาดหิ่น ใบผักชี ใบต้นหอม กระเทียม พริก ปรุงด้วยน้ำมะนาวและเกลือ เมื่อทานทุกอย่างพร้อมกันจะได้รสเปรี้ยวเผ็ดตัดกับรสมัน ๆ ของอ่องปู ซึ่งเข้ากันได้เป็นอย่างดี
มาถึงเมนูซุปอย่าง ต้มข่าปลาสลิด ตัวน้ำกะทิใช้กะทิคั้นสดใหม่ เคี่ยวกับเครื่องเทศไทยที่นำเป็นเผาก่อนเพื่อให้ได้ความหอม ปรุงรสด้วยเกลือและน้ำมะขามเปียก ออกมาเป็นต้มข่าที่ให้รสกลมกล่อม เสริมรสเค็มด้วยปลาสลิดจากบางบ่อ ที่ทางเชฟนำไป Dry Aged ก่อน และนำมาทอดในน้ำมันร้อน ๆ จนได้เนื้อปลาที่กรอบฟู เป็นจานที่มีรสชาติเบา ๆ แต่แฝงด้วยกลิ่นอายของสมุนไพรไทย
ปิดท้ายด้วยเมนูขนมหวานที่คุ้นเคยอย่าง สาคูเผือก มะพร้าวอ่อน โดยได้แรงบันดาลใจจากเมนูอาหารอิตาเลียนอย่าง ริซอตโต้ ทางร้านเลือกที่ใช้สาคูแท้ ๆ จากต้นสาคู จังหวัดพัทลุง ให้รสสัมผัสที่แตกต่างจากสาคูที่ทำจากแป้ง วิธีการทำคือนำสาคูมาต้มกับน้ำมะพร้าวอ่อน แล้วเพิ่มเท็กซ์เจอร์ด้วยการฝานเกาลัดบาง ๆ คล้ายการฝานเห็ดทรัฟเฟิลในอาหารอิตาเลียน ก่อนจะราดตามด้วยกะทิเค็ม จนได้รสชาติที่ลงตัว