Paper Plane Project

Published on February 22, 2022

Workplaces Based On Working People’s Behaviour

เปลี่ยน Co-Working Space แบบเดิม ๆ เพิ่มเติมฟีลบรรยากาศของคาเฟ่และบาร์สุดชิลล์ไปกับ Paper Plane Project คาเฟ่และบาร์บนชั้น 40 ของอาคาร T-One ย่านสุขุมวิท ที่พร้อมตอบโจทย์ความต้องการของชาวออฟฟิศในการหาสถานที่นั่งทำงานใหม่ ๆ ได้บรรยากาศที่เอื้ออำนวยต่อการสร้างสรรค์งาน ควบคู่ไปกับการพักผ่อนสุดชิลล์ตั้งแต่เช้าจรดค่ำ

 

Cafe and Brunch กับธีมตกแต่งแบบออฟฟิศ

The Brunch and Bar Comes with Office Style Decoration

จากแนวคิดและแรงบันดาลใจในการคิดงานด้านครีเอทีฟของคนรุ่นใหม่ บวกกับประสบการณ์ โอกาสการพูดคุยกับคนวัยทำงาน การมองหาสถานที่นั่งทำงานในอุดมคติของชาวออฟฟิศในปัจจุบัน นำมาซึ่งไอเดียในการสร้าง Paper Plane Project แห่งนี้ขึ้นมา ภายใต้การดูแลของ คุณมอส-ชินดนัย สรวยจิรวัฒน์ (Managing Director) และ คุณเป้-ธรณ์ธัณย์ ศิริวิทยเจริญ (Food and Beverage Director) สองหนุ่ม Co-Founder ของโปรเจ็กต์นี้ ที่นำเอาความเห็นของคนทำงานออฟฟิศส่วนใหญ่ที่มัก ‘ไม่ชอบทำงานที่ออฟฟิศ’ มาเป็นข้อสังเกตแล้วต่อยอดไอเดียสร้างสเปซสำหรับนั่งทำงานรูปแบบใหม่ ได้ฟีลของการนั่งทำงานในสไตล์ Cafe and Brunch กับธีมตกแต่งแบบออฟฟิศ เพื่อให้คนทำงานได้ลองเปลี่ยนบรรยากาศมานั่งทำงานออฟฟิศแต่ได้ฟีลที่ต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง โดยช่วงเช้าจะมาในธีมของคาเฟ่ ส่วนช่วงเย็นเป็นต้นไป จะเป็นธีมออฟฟิศยามค่ำคืน ให้ความรู้สึกเหมือนได้ปาร์ตี้ออฟฟิศช่วงปีใหม่ มีการเพิ่มสีสันและความสนุกด้วยแสงสีเสียง (ใช้เครื่องเสียงแบรนด์ Jack Sound ที่ได้คุณภาพชั้นนำระดับโลก) ซึ่งที่นี่เลือกจำลองบรรยากาศแห่งความสุขนี้ขึ้นมาให้ได้สัมผัสกัน

 

Co-Working Space ที่ให้ชาวออฟฟิศได้เลือกนั่งทำงานท่ามกลางบรรยากาศสบาย ๆ สไตล์ Cafe and Brunch

ภายในร้านมีหลากหลายโซนนั่งสบายให้ได้เลือกนั่งทำงานตามชอบ ไม่ว่าจะเป็นการเลือกใช้โต๊ะยาว (Long Table) ซึ่งทางร้านมองว่าจะช่วยให้เกิดการสร้างความสัมพันธ์ มิตรภาพใหม่ ๆ จากการได้มานั่งทำงาน หรือในระหว่างจิบเครื่องดื่ม ทานอาหารที่นี่

หรือจะเป็นมุมนั่งทำงานแบบเป็นส่วนตัวที่ครีเอตสเปซออกมาในลักษณะของห้องทำงานผู้บริหารธีมต่าง ๆ เพื่อเสริมมู้ดของร้าน คอนเซ็ปต์ของร้านให้ชัดเจนมากขึ้น ซึ่งทาง Paper Plane Project เอง ก็ได้มีการให้ทีมบริหารจริงมาช่วยกันออกแบบ ซึ่งเปิดโอกาสให้ทุก ๆ คนที่เข้ามาในร้านได้เลือกมุมทำงาน ประชุมงานในห้องส่วนตัวกับธีมห้องทำงานของผู้บริหารกันได้ตามอัธยาศัย

 

มุมทำงานสุดส่วนตัวธีมห้องผู้บริหาร

 

มุมทำงานสุดส่วนตัวธีมห้องผู้บริหาร

ตามมาด้วย 2 โซนไฮไลต์อย่างมุม Lounge Chair ที่ให้ได้นั่งพักสบาย ๆ ไปพร้อมกับชมวิวเมืองสวย ๆ 

 

มุม Lounge Chair แสนสบาย

และมุมเวทีมินิคอนเสิร์ตที่ดีไซน์ให้มีลักษณะคล้ายกับห้องสมุด ผ่านการตกแต่งแบบเรียบง่าย อบอุ่น และเป็นกันเอง (ดีไซน์เวทีให้เป็นมุมหนังสือ เพื่อเสริมสร้างบรรยากาศสบาย ๆ ให้ทุกคนเข้าถึงได้ สามารถขึ้นเวทีมาถ่ายรูป หรือเลือกอ่านหนังสือกันได้แบบไม่ต้องเคอะเขิน) ซึ่งการจัดวางหนังสือบนชั้นของที่นี่ล้วนผ่านการคัดสรรโดยทีมงานของทางร้านทั้งสิ้น เพื่อให้ลูกค้าที่เข้ามาที่นี่ได้อ่านหนังสือหลากหลายประเภทตามความสนใจกันฟรี ๆ โดยในอนาตตทางร้านก็ได้วางแผนที่จะเชิญบุคคลที่น่าสนใจจากสาขาอาชีพต่าง ๆ มาร่วมเวิร์คช็อป พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น หรือแนะนำหนังสือที่ชื่นชอบ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับทุกคนที่มีโอกาสมาเยือนที่นี่ให้ได้รับอะไรดี ๆ กลับไป

 

มุมชั้นวางหนังสือที่สามารถเลือกหยิบอ่านกันได้ตามอัธยาศัย

American Brunch with Energy Drinks

การให้บริการด้านอาหารและเครื่องดื่มของ Paper Plane Project เลือกนำเสนอเมนูคลาสสิกที่ทุกคน (โดยเฉพาะคนทำงานออฟฟิศ) สามารถทานได้ ผ่านการเลือกสรรวัตถุดิบคุณภาพและทวิสต์รสชาติ ส่วนผสมให้มีความพิเศษมากขึ้น อย่างในส่วนของเครื่องดื่มที่พร้อมเสิร์ฟความสดชื่นด้วยเมนูกาแฟ Special Roasted and Blended ซึ่งสั่งคั่วและเบลนด์เมล็ดพิเศษร่วมครีเอตกับทีม Karo Coffee (พร้อมเสิร์ฟเมนูคลาสสิก และเพิ่มเติมเมนูพิเศษเข้าไปด้วยในแต่ละเดือน) อีกทั้งยังมีเมนูอาหารสไตล์ Home Cooking ให้ได้อิ่มอร่อย เติมพลังงานสำหรับการทำงานในช่วงกลางวัน ก่อนจะปรับมู้ดอาหารการกินในช่วงเย็นให้ล้อไปกับธีมของบาร์ ด้วยเมนูค็อกเทล (Signature Cocktails และ Classic Cocktails) และเมนูฟิงเกอร์ฟู้ดที่ทานคู่กับเครื่องดื่มแก้วโปรดแล้วได้รสชาติลงตัว

เริ่มกันที่เมนูกาแฟแนะนำ Signature Dirty (180 บาท) กาแฟเดอร์ตี้รสนุ่มละมุน ที่ถึงแม้จะเป็นเมนูกาแฟนมสุดคลาสสิก แต่ทางร้านเพิ่มความพิเศษด้วยการเลือกใช้ไซรัปโฮมเมดที่ทำขึ้นเองหลายแบบ ทั้งไซรัปคาราเมล, ไซรัปผลไม้ และยังสามารถเลือกเมล็ดกาแฟได้ตามต้องการอีกด้วย 

 

Signature Dirty (180 บาท)

ก่อนจะเอาใจคอกาแฟกันอีกสักแก้วด้วยเมนู February Morn Rose (180 บาท) กาแฟโคลด์บรูว์ House Blend สุดพิเศษต้อนรับเดือนแห่งความรักที่ผสานรสชาติเข้ากับ Fermented Juice รสราสพ์เบอร์รีที่ใช้เวลาหมัก 4 วัน, น้ำเลมอน แล้วประดับตกแต่งแก้วด้วย Wildflower และดอกกุหลาบมอญสุดคิวต์ ดื่มแล้วรู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่า

 

February Morn Rose (180 บาท)

ส่วนเมนูอาหารที่มาแล้วต้องลองทาน ได้แก่ Paper Plane Brekkie (240 บาท) หนึ่งในเมนูบรันช์ที่จัดเต็มด้วยเครื่องวัตถุดิบคุณภาพแบบเน้น ๆ ไม่ว่าจะเป็นขนมปังซาวร์โดว์ เบคอน ไข่ออมเล็ต และไส้กรอกที่สั่งทำพิเศษ ทานแล้วอิ่มท้อง เพิ่มพลังในการทำงานได้ตลอดทั้งวัน

 

Paper Plane Brekkie (240 บาท)

ตามมาด้วยเมนูพาสต้าน่าลองอย่าง Slow Cooked Chicken Breast Pesto (320 บาท) สปาเก็ตตี้เพสโต้สูตรเฉพาะของทางร้าน ที่คลุกเคล้าด้วยส่วนผสมจากแมคคาเดเมียที่มาช่วยเพิ่มความหอมมัน เสิร์ฟมากับเนื้อไก่นุ่ม ๆ ที่ผ่านการซูวีมาเป็นอย่างดี ได้เนื้อสัมผัสนุ่มชุ่มฉ่ำและรสชาติที่กลมกล่อม 

 

Slow Cooked Chicken Breast Pesto (320 บาท)

ปิดท้ายกันที่ Panchetta Cabo (280 บาท) เมนูพาสต้าที่มาท้าชิงความอร่อยให้คนรักเส้นได้เลือกทาน เป็นสปาเก็ตตี้คาโบนาราที่เสิร์ฟมาพร้อมกับหมูกรอบสไตล์อิตาเลียน ให้เนื้อสัมผัสกรอบนอกนุ่มในเข้ากับความครีมมี่ของตัวซอสได้อย่างพอดี

 

Panchetta Cabo (280 บาท)

Info
Hours
Open : 9AM - 5PM
5PM - 11PM
Fri : 9AM - 5PM
5PM - 11PM
Sat : 9AM - 5PM
5PM - 11PM
Sun : 9AM - 5PM
5PM - 11PM
Mon : Closed
Tue : 9AM - 5PM
5PM - 11PM
Wed : 9AM - 5PM
5PM - 11PM
Thu : 9AM - 5PM
5PM - 11PM
Price

฿฿฿ 301-500 บาทต่อคน

Address
ชั้น 40, อาคาร T-One, ซอยสุขุมวิท 40 ถนนสุขุมวิท เขตพระโขนง กรุงเทพมหานคร
Map
Mass Transit

BTS ทองหล่อ

Facilities
Suggest an Edit