A Culinary Tribute to Heritage and Heart
ดื่มด่ำกับความอร่อยของ Sushi Kuuya ศิลปะแห่งโอมากาเสะที่ผสานรากเหง้าความเป็นญี่ปุ่นมาพร้อมความโดดเด่นไม่เหมือนใคร ไม่ใช่เพียงแค่ฝีมือของเชฟ Goji Kobayashi ผู้เป็นเฮดเชฟและเจ้าของร้าน หรือคุณภาพของวัตถุดิบ แต่คือความใส่ใจลึกซึ้งที่ถ่ายทอดผ่านทุกคำในคอร์ส โดยชื่อของ Sushi Kuuya คำว่า “Kuuya” มาจากภาษาถิ่นของเมืองฮากาตะ ในจังหวัดฟุกุโอกะ บ้านเกิดของเชฟ ซึ่งคุณพ่อของเชฟเป็นผู้ตั้งชื่อร้านให้ เพื่อเป็นการให้เกียรติรากเหง้าและวัฒนธรรม
ในภาษาญี่ปุ่น “食うや” (Kūya) เป็นคำแสลงที่หมายถึง “มากินกันเถอะ” เป็นภาษาที่ใช้กันในชีวิตประจำวันอย่างเป็นกันเอง และนั่นคือสิ่งที่เชฟโกจิตั้งใจส่งต่อผ่านทุกจานที่เสิร์ฟ สำหรับโลโก้ของร้านถูกวาดขึ้นด้วยมือโดยปรมาจารย์ด้านปลาชาวญี่ปุ่นจากเมืองยะอิซุ จังหวัดชิซุโอกะ ทุกเส้นสายของโลโก้สะท้อนถึงความเคารพในศิลปะการทำซูชิแบบดั้งเดิม การเชิดชูธรรมชาติของวัตถุดิบ และจิตวิญญาณของชาวญี่ปุ่นที่ซ่อนอยู่ในรายละเอียดอย่างใส่ใจ
An Intimate Encounter with Culinary Craftsmanship
ตัวร้านตั้งอยู่บนชั้น 2 ของโครงการ Vivre Langsuan พร้อมต้อนรับคุณด้วยบรรยากาศเรียบง่าย สะอาดตา ในโทนสีขาวตัดกับประตูไม้สีอ่อนที่เชื้อเชิญให้คุณก้าวเข้าสู่โลกของความพิถีพิถันในทุกรายละเอียด ภายในตกแต่งอย่างเรียบง่ายแต่แฝงด้วยความอบอุ่น ด้วยการเลือกใช้โทนสีขาวและไม้สีธรรมชาติเป็นหลัก เพิ่มความผ่อนคลายในทุกมุมมอง ไฮไลต์ของร้านอยู่ที่เคาน์เตอร์บาร์แบบเปิด ซึ่งเปรียบเสมือนเวทีของเชฟในการถ่ายทอดฝีมือและศิลปะการปรุงอาหารให้คุณได้สัมผัสอย่างใกล้ชิดทุกขั้นตอน
The Philosophy of Chef Goji Kobayashi
เชฟ Goji Kobayashi ถ่ายทอดประสบการณ์การทานอาหารญี่ปุ่นอย่างแท้จริง ผ่านความละเอียดอ่อนในแต่ละขั้นตอนและปรัชญาญี่ปุ่นที่ยึดถือ “ความสุภาพ ความใส่ใจ และการทำทุกอย่างอย่างดีที่สุด” เป็นเสน่ห์ที่แฝงอยู่ในทุกการบริการ แม้จะขึ้นชื่อในเรื่องการนำเสนอซูชิสไตล์ดั้งเดิม แต่เชฟยังคงสอดแทรกความสร้างสรรค์ลงไปในแต่ละคำด้วยเทคนิคของจานอาหารร้อนที่มีทั้งย่าง ต้ม ทอดและนึ่ง ล้วนเป็นการนำเสนออีกมิติของโอมากาเสะที่ไม่จำกัดความแค่ซูชิเท่านั้น
นอกจากนี้เชฟยังพิถีพิถันตั้งแต่การหุงและผสมข้าวใหม่ทุกรอบของการเสิร์ฟ โดยจะหุงด้วยหม้อหุงข้าวแบบญี่ปุ่นที่ชื่อว่า ”Hagama“ และใช้คู่กับเตาหุงข้าวที่เชฟสั่งทำพิเศษขึ้นมา เพื่อให้ได้ข้าวที่รสชาติดีที่สุดในทุกคำที่ได้ลอง สำหรับคอร์สต่าง ๆ ทางร้านมีให้เลือก 3 คอร์สด้วยกันได้แก่ Nigiri Course (4,500 บาท ++), Premium Course (6,500 บาท++) และ Lunch Course (3,900 บาท++) คอร์สอาหารกลางวันรอบ 12.00 น. ที่ให้บริการในทุกวันสุดสัปดาห์ ซึ่งวันนี้เชฟจะขอยกตัวอย่างเมนูไฮไลต์จากคอร์สต่าง ๆ มาให้เราได้ลิ้มลอง
เชฟโกจินั้นเกิดและโตในอเมริกา แต่เลือกเดินทางกลับไปญี่ปุ่นเพื่อเริ่มต้นเส้นทางสายซูชิที่เมืองโอตารุ ฮอกไกโด ก่อนจะสั่งสมประสบการณ์บนสายงานนี้มายาวนานกว่า 18 ปี ทั้งในญี่ปุ่น LA, San Francisco และ ไทย นอกจากฝีมือที่เชี่ยวชาญแล้ว เชฟยังสื่อสารภาษาอังกฤษได้คล่องแคล่ว ทำให้สามารถอธิบายเมนูต่าง ๆ และแลกเปลี่ยนเรื่องราวกับลูกค้าทุกคนได้อย่างเป็นกันเอง
สำหรับคอร์สอาหารกลางวันในวันนี้ เริ่มต้นด้วย Awabi Sakamushi หรือหอยเป๋าฮื้อสายพันธุ์ Megai จากจังหวัดยามางุจิ เชฟพิถีพิถันในการเสิร์ฟด้วยการนำไปนึ่งนานกว่า 5 ชั่วโมง เพื่อให้ได้เนื้อสัมผัสที่นุ่มละมุน พร้อมคงรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ของหอยไว้ได้อย่างสมบูรณ์ เสิร์ฟคู่กับซอสเข้มข้นจากตับหอยเป๋าฮื้อ ที่ช่วยเติมมิติของรสชาติให้กลมกล่อมยิ่งขึ้น
ต่อกันด้วย Kegani หรือปูขนจากฮอกไกโด ที่มาพร้อมเนื้อปูสดหวานตามธรรมชาติ เชฟจัดเต็มด้วยการเสิร์ฟคู่กับ มันปู Kani Miso หอมมัน เพิ่มความละมุนขั้นสุดด้วย อูนิสายพันธุ์ Murasaki และ ไข่ปลาแซลมอน Ikura รังสรรค์เป็นคำพิเศษที่กลมกล่อม จนกลายเป็นเมนูในดวงใจของใครหลายคนได้ไม่ยาก
จานถัดไปคือ Ayu หรือปลาหวาน (Sweetfish) ซึ่งเชฟนำมาย่างอย่างพิถีพิถันด้วยถ่าน Binchotan ที่มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว ช่วยขับกลิ่นและรสชาติของเนื้อปลาให้โดดเด่นยิ่งขึ้น ย่างจนสุกพอดี เสิร์ฟแบบทั้งตัวตามธรรมเนียมญี่ปุ่น เพื่อคงความงดงามและอัตลักษณ์ของฤดูกาลไว้ได้อย่างครบถ้วน เนื้อปลานุ่มละมุน พร้อมรสหวานอ่อน ๆ จากตัวปลาที่เป็นธรรมชาติอย่างแท้จริง
มาถึงซูชิสไตล์ดั้งเดิมกันบ้าง เชฟเริ่มต้นที่ Kisu ปลาขาวเนื้อเบา สดจากฤดูร้อน ผ่านการหมักกับสาหร่ายคมบุ เพื่อดึงรสอูมามิออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ เนื้อปลานุ่มละมุน รสชาตินิ่งและสะอาด ไม่ต้องปรุงแต่งมาก
ต่อกันด้วย Kohada ปลาหนังเงิน หนึ่งในวัตถุดิบคลาสสิกของโอมากาเสะสไตล์ Traditional ที่ต้องใช้ทักษะในการหมักจนได้รสชาติเปรี้ยวเค็มกลมกล่อม ให้ความรู้สึกซับซ้อนในคำเดียว
ต่อกันด้วย Aori Ika ปลาหมึกสดสไลซ์บางอย่างประณีต สอดไส้ด้วยอูนิระหว่างชั้นของข้าวและเนื้อปลาหมึก มอบรสหวานละมุนที่กลมกล่อมและเข้ากันได้อย่างลงตัว
ส่วนใครที่หลงใหลในปลาเนื้อแดงไม่ควรพลาด Otoro จาก Bluefin Tuna ธรรมชาติ ส่วนท้องที่ไขมันแทรกอย่างสมบูรณ์แบบ เชฟนำมาย่างผิวบาง ๆ ด้วยถ่าน Binchotan เพิ่มกลิ่นหอมอ่อน ๆ และช่วยขับรสของไขมันปลาให้โดดเด่นยิ่งขึ้นในทุกคำ
ถัดมาคือ Zuke Maguro ปลาทูน่าที่ผ่านการหมักด้วยซอสสูตรเฉพาะของเชฟ ให้รสชาติกลมกล่อมที่ช่วยขับเนื้อปลาให้เด่นชัดยิ่งขึ้น ก่อนห่อด้วยสาหร่ายเกรดพรีเมียมที่ย่างจนกรอบ หอม เพิ่มมิติของรสสัมผัสในคำเดียว
อีกหนึ่งคำพิเศษคือ Anago ปลาไหลทะเลเนื้อนุ่มละลาย ซึ่งเชฟใช้เวลาอย่างพิถีพิถัน ค่อย ๆ แกะก้างออกทีละเส้นด้วยมือ เพื่อให้ได้คำที่ละมุนที่สุด ทุกขั้นตอนสะท้อนถึงความตั้งใจและความเคารพในวัตถุดิบอย่างแท้จริง
มาถึงคำสุดท้ายอย่าง Kaisen Futomaki โรลที่จัดเต็มด้วยวัตถุดิบชั้นเลิศ ไม่ว่าจะเป็น Bluefin Tuna ธรรมชาติ, กุ้งโบตัน, อูนิ และ คัมเปียว ผสานรสชาติหลากหลายให้กลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวในคำเดียวอย่างลงตัว
ก่อนจะปิดท้ายคอร์สด้วย Tamagoyaki เนื้อเนียนนุ่มคล้ายคัสตาร์ด ที่ได้จากการผสม มันมือเสือ ไข่ ปลา และกุ้ง ให้รสกลมกล่อม อบอุ่น ไม่หวานจัด แต่เต็มไปด้วยความละเมียดละไม ปรุงด้วยเทคนิคการควบคุมไฟอย่างประณีต พร้อมด้วย Seasonal Owan ซุปร้อน ๆ ตามฤดูกาล ที่ช่วยเติมเต็มมื้อโอมากาเสะนี้ให้สมบูรณ์แบบอย่างแท้จริง








