Published on December 22, 2022

The Exclusive Dining Experience from South Korea

ชวนสัมผัสประสบการณ์ทานอาหารเกาหลีสไตล์ปิ้งย่างสุดเอ็กซ์คลูซีฟในบรรยากาศเป็นส่วนตัวที่ WOO TENDER ร้านเนื้อย่างเกาหลีเกรดพรีเมียมชื่อดังจากย่านกังนัม กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งเปิดให้บริการแฟรนไชส์เป็นแห่งแรกในไทยกับโลเคชันใจกลางเมืองภายในซอยร่วมฤดี พร้อมเสิร์ฟความอร่อยแบบจัดเต็มทั้งเมนูเนื้อย่างพรีเมียมส่วนต่าง ๆ อย่าง Chateaubriand, Ribeye, Marinate Beef Rib ที่ได้เชฟชาวเกาหลีมารังสรรค์ความอร่อยถึงที่เพื่อให้ได้รสชาติตรงปกตามแบบออริจินัล

 

เชฟชาวเกาหลีมากฝีมือ พร้อมรังสรรค์ความอร่อยถึงที่โต๊ะ

Better Beef for Beef Lovers

จากความชอบทานเนื้อและชื่นชอบวัฒนธรรมการกินอยู่ของชาวเกาหลีใต้เป็นการส่วนตัวของ คุณศิตา ชุติภาวรกานต์ ผู้เป็นเจ้าของร้าน WOO TENDER สาขาในไทยแห่งนี้ ซึ่งเธอนั้นมักเดินทางท่องเที่ยวไปยังประเทศเกาหลีใต้อยู่บ่อยครั้ง และเมื่อมีโอกาสได้ไปเยือนร้าน WOO TENDER สาขาแรกที่ย่านกังนัม สัมผัสความอร่อยของเนื้อย่างระดับพรีเมียมในสไตล์ จึงเกิดความประทับใจในรสชาติอาหาร บรรยากาศการนั่งทานที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัว พร้อมผุดไอเดียในการนำร้านอาหารนี้กลับมาเปิดในไทย เพื่อให้เหล่าฟู้ดดี้ชาวไทย (สายเนื้อตัวจริง) ได้ลิ้มลองรสชาติเนื้อพรีเมียมในแบบต้นตำรับของชาวเกาหลีใต้ดูบ้าง ซึ่งเป็นการเปิดประสบการณ์การทานปิ้งย่างอาหารเกาหลีในแบบพรีเมียมที่ค่อนข้างแปลกใหม่สำหรับเมืองไทยเลยทีเดียว

 

โฉมหน้าประตูทางเข้าไปยังร้าน WOO TENDER

 

บรรยากาศการนั่งรับประทานอาหารภายในห้องสุดส่วนตัว

 

เชฟบรรจงปิ้งย่าง Marinated Beef Rib เนื้อหมักพรีเมียมอย่างพิถีพิถัน

Enjoy Your Meal in a Private Room

สำหรับ WOO TENDER สาขาแรกในไทย ทางร้านได้เลือกนำเอาบรรยากาศการรับประทานอาหารของผู้คนที่นั่น รวมถึงวัฒนธรรมการกินแบบสไตล์เกาหลีจริง ๆ มาถ่ายทอดไว้ภายในร้านแห่งนี้ทั้งหมด โดยบรรยากาศการตกแต่งร้านจะเน้นเป็นธีมสีเขียว-ทองเรียบหรู ตามแบบออริจินัลของทางเกาหลี รวมถึงดึงเอา vibes ความเป็นส่วนตัวของที่นั่นมารวมไว้ที่นี่ด้วยเช่นกัน สอดคล้องกับการปรับตัวในช่วงยุคสถานการณ์โควิด ซึ่งกลายมาเป็นข้อดีที่ช่วยสร้างประสบการณ์การทานปิ้งย่างรูปแบบใหม่ ๆ ให้กับคนไทย เข้ากับไลฟ์สไตล์ New Normal ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งไฮไลต์เป็นห้องรับประทานอาหารแบบห้องกว้างแบบมี Partition เชื่อมต่อกัน ที่สามารถรองรับผู้เข้ามาทานแบบกลุ่มใหญ่ ๆ ได้จำนวนมากถึง 10 กว่าคน (ในระหว่างรับประทานอาหาร สามารถปรับเป็นห้องไพรเวทและปรับเป็นพื้นที่เชื่อมต่อกันในกรณีเพิ่มจำนวนคนได้อย่างสะดวกสบายด้วยม่านกั้นแบ่งโซนสุดส่วนตัวได้ตามต้องการ)

 

หลากหลายห้องรับประทานอาหารแบบไพรเวทที่แบ่งแยกไว้อย่างเป็นสัดส่วน

 

บรรยากาศการนั่งรับประทานอาหารภายในห้องจัดเลี้ยงขนาดใหญ่

ยิ่งไปกว่านั้นทางร้านยังเพิ่มความไพรเวทและความพรีเมียมมากขึ้นอีกขั้น ด้วยคอนเซ็ปต์การแต่งร้านแบบ Safe House โดยออกแบบให้มีลักษณะเหมือนตู้เซฟธนาคารบริเวณด้านหน้าทางเข้า โดยมีพนักงานร้านเป็นผู้คอยให้บริการ เพื่อเสริมกิมมิกพร้อมมอบความรู้สึกที่แตกต่าง พรีเซนต์ความพรีเมียมได้อย่างมีระดับราวกับเป็นห้องลับที่นำทางไปพบกับมื้ออาหารสุดพิเศษ อีกนัยหนึ่งเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศความเป็นเมืองจากด้านนอกให้กลายเป็นพื้นที่รับประทานอาหารที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย สบาย ๆ และเป็นส่วนตัว เหมือนเป็น Safe House สำหรับทุกคน

 

สัมผัสความพรีเมียมด้วยคอนเซ็ปต์การแต่งร้านแบบ Safe House โดยออกแบบให้มีลักษณะเหมือนตู้เซฟธนาคารบริเวณด้านหน้าทางเข้า

 

ห้องรับประทานอาหารแบบไพรเวทขนาดใหญ่

ห้องรับประทานอาหารของทางร้าน เปิดให้บริการทั้งหมด 6 ห้อง รวมห้องโอมากาเสะขนาดใหญ่ จำนวน 1 ห้อง (สำหรับห้องโอมากาเสะเนื้อ ที่เสิร์ฟความอร่อยในรูปแบบคอร์สนั้น ทางร้านจะเปิดให้บริการเต็มรูปแบบภายในต้นปี 2566)
 

โซนเคาน์เตอร์บาร์ห้องโอมากาเสะเนื้อ ที่จะเปิดให้บริการเต็มรูปแบบภายในต้นปี 2566

Korean Premium Beef and More

หลากหลายเมนูเนื้อย่างพรีเมียมและอาหารเกาหลีของทาง WOO TENDER รังสรรค์ความอร่อยโดยเชฟชาวเกาหลีมากฝีมือ รวมถึงทางร้านนั้นยังได้มีการส่งทีมเชฟชาวไทยไปเรียนรู้วิธีการกริลล์ตามแบบต้นตำรับถึงประเทศเกาหลีใต้อีกด้วย ซึ่งการมาทานอาหารที่ร้าน จะมีทีมเชฟคอยให้บริการถึงที่โต๊ะ เป็นผู้กริลล์เนื้อให้ตลอดมื้ออาหาร

สายเนื้อทั้งหลายจะได้อร่อยฟินไปกับเมนูเนื้อย่างพรีเมียมส่วนต่าง ๆ ที่ทางร้านคัดสรรมาเป็นอย่างดี ทั้ง Chateaubriand, Ribeye, Marinate Beef Rib และอื่น ๆ อีกมากมาย (ราคาเริ่มต้นที่หลักร้อยถึงหลักพัน โดยราคาของแต่ละเมนูนั้นจะขึ้นอยู่กับความพรีเมียมของวัตถุดิบที่เลือกใช้ แต่ยังคงอยู่ในเรทราคาที่เหล่าฟู้ดดี้สายเนื้อเอื้อมถึง) โดยเนื้อเกรดพรีเมียมของทางเกาหลีนั้นจะไม่ติดมัน ทานแล้วไม่เลี่ยนจนเกินไป ให้รสชาติเข้มข้นและเนื้อสัมผัสที่ชุ่มฉ่ำ ส่วนเมนูเครื่องเคียงที่มาเสริมทัพความอร่อย ส่วนใหญ่แล้วจะปรุงออกมาในแบบฉบับโฮมเมดและให้รสชาติออริจินัลของทางเกาหลีทั้งสิ้น ที่สำคัญมีให้เลือกเติมความอร่อยเต็มอิ่มแบบไม่อั้นตลอดมื้ออาหารอีกด้วย

 

เนื้อส่วน Ribeye ที่บรรจงย่างอย่างพิถีพิถันโดยเชฟชาวเกาหลี

ประเดิมความอร่อยเรียกน้ำย่อยกันด้วยหมวดเครื่องเคียงอย่าง ‘Ubi’ Woo Tender Special Uni & Caviar (5 ชิ้น 2,000 บาท) เนื้อดิบที่ท็อปลงบนสาหร่ายและแผ่นแป้ง โรยหน้าด้วยอูนิ (ไข่หอยเม่น) และคาเวียร์ เป็นเมนูซิกเนเจอร์สุดพิเศษประจำร้านที่ไม่ว่าใครแวะมาทานอาหารที่ WOO TENDER ต้องสั่งมาลิ้มลอง

 

‘Ubi’ Woo Tender Special Uni & Caviar (5 ชิ้น 2,000 บาท)

ตามมาด้วย Woo Tender Beef Tartar (1,390 บาท) เนื้อทาร์ทาร์ อีกหนึ่งเมนูซิกเนเจอร์ประจำร้าน ความพิเศษอยู่ที่การใส่ชีสและไข่ไก่ลงไปในเนื้อดิบที่ผ่านการหมักและปรุงรสมาอย่างพิถีพิถัน ให้รสชาติเข้มข้นกลมกล่อม ตัดกับความหวานหอมของลูกแพร์ที่ท็อปลงบนเนื้อและส่วนผสมต่าง ๆ ได้อย่างลงตัว

 

Woo Tender Beef Tartar (1,390 บาท)

หรือจะเป็น Beef Tartar Bibimbab (450 บาท) ข้าวยำเกาหลีหน้าเนื้อทาร์ทาร์ ที่ปรุงรสตามสูตรเฉพาะของทาง WOO TENDER ก็ดีงามไม่แพ้กัน

 

Beef Tartar Bibimbab (450 บาท)

จากนั้นเติมความอิ่มท้องมากขึ้นอีกนิดด้วยเมนู Woo Tender Beef Cutlet Sandwich (4 ชิ้น 1,800 บาท / 6 ชิ้น 2,190 บาท) แซนด์วิชเนื้อเกรดพรีเมียมที่คัดสรรส่วนเนื้อที่นิ่มที่สุดมาเป็นวัตถุดิบหลัก ราดซอสเกาหลีสูตรเฉพาะ ให้เนื้อสัมผัสนุ่มชุ่มซอสที่เข้ากันดีกับขนมปัง

 

Woo Tender Beef Cutlet Sandwich (4 ชิ้น 1,800 บาท / 6 ชิ้น 2,190 บาท)

Kimchi Pancake Seafood (590 บาท) ซีฟู้ดกิมจิแพนเค้ก ที่มีลักษณะเหมือนพิซซ่าสไตล์เกาหลี โดยสูตรของทางร้านจะท็อปปิ้งด้วยชีสแบบเน้น ๆ ตามด้วยกุ้งชิ้นโต ได้รสกลมกล่อมหอมชีสเต็ม ๆ คำ

 

Kimchi Pancake Seafood (590 บาท)

ส่วนใครที่มองหาเมนูข้าวอยู่ละก็ต้องลอง Beef Kimchi Fried Rice (750 บาท) ข้าวผัดกิมจิเนื้อ ปรุงรสชาติกลมกล่อม ไม่เปรี้ยวโดดจนเกินไป คงรสชาติของกิมจิโฮมเมดสูตรเฉพาะของทางร้านไว้ได้เป็นอย่างดี ท็อปด้วยไข่ดาวสุกกำลังดี และโรยหน้าด้วยสาหร่ายแบบพูน ๆ ซึ่งคนรับประทานสามารถครีเอตหน้าตาข้าวผัดกิมจิจานนี้ให้เป็นรูปใบหน้าคนกำลังยิ้มได้ตามความชอบ

 

Beef Kimchi Fried Rice (750 บาท)

ในระหว่างที่อิ่มอร่อยกับเมนูเครื่องเคียง อย่าลืมพักเบรกด้วยการสั่งน้ำซุปร้อน ๆ มาซดให้คล่องคอ โดยทาง WOO TENDER นั้นมีเมนูซุปให้ได้เลือกสั่งอยู่หลากหลายชนิด แนะนำ Seaweed Soup (350 บาท) ซุปสาหร่ายที่ปรุงรสตามสูตรต้นตำรับชาววังของทางประเทศเกาหลีใต้ (ด้วยความเชื่อของชาวเกาหลีเชื่อว่าทุกวันเกิดจะต้องทานซุปสาหร่าย เพราะฉะนั้นการปรุงรสชาติซุปจึงต้องพิถีพิถันเป็นพิเศษ เพื่อให้ได้รสกลมกล่อม ไม่ว่าจะเสิร์ฟมื้อไหนก็เหมือนได้อิ่มอร่อยในวันเกิด)

 

Seaweed Soup (350 บาท)

หรือจะเป็น Kimchi Soup (350 บาท) ซุปกิมจิที่ให้รสชาติกลมกล่อม ไม่เปรี้ยวโดดจนเกินไป ก็ตอบโจทย์คนชอบทานซุปได้ดีเช่นกัน

 

Kimchi Soup (350 บาท)

หลังจากอุ่นเครื่องกับเมนูเรียกน้ำย่อยกันไปเป็นที่เรียบร้อย ก็ได้เวลาจัดหนักจัดเต็มกับสารพัดเมนูเนื้อพรีเมียมแบบเน้น ๆ ไม่ว่าจะเป็น Chateaubriand (100 g 1,390 บาท) เนื้อชาโตบรีย็องที่มีลักษณะเป็นก้อนกลม ๆ โดยเป็นชิ้นเนื้อส่วนที่ขายดีที่สุดที่สายเนื้อตัวจริงควรสั่งมาลิ้มลอง ย่างออกในแบบมีเดียมแรร์ ให้สัมผัสถึงความนุ่มชุ่มฉ่ำ ไม่ว่าจะทานเนื้อล้วน จิ้มกับวาซาบิ ซอสเกาหลี หรือเกลือนิดหน่อย ก็ช่วยเสริมความอร่อยที่เข้ากัน

การเสิร์ฟเนื้อสไตล์เกาหลีแท้ ๆ ของทางร้าน หรือตามแบบวัฒนธรรมการกินของชาวเกาหลี จะไม่นิยมจับคู่กับเครื่องเคียงหรือผักแกล้มใด ๆ โดยจะเน้นเสิร์ฟความอร่อยด้วยเนื้อล้วน ๆ เพื่อจะได้สัมผัสรสชาติเนื้อแบบ 100% โดยจะเสิร์ฟมาพร้อมกับซอสเพียงไม่กี่ชนิด เช่น เกลือ ซอสงา หรือวาซาบิ (ที่ให้กลิ่นหอมสดชื่นของยูซุอย่างเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว) 

 

Chateaubriand (100 g 1,390 บาท)

 

เนื้อส่วน Chateaubriand ที่ถูกย่างมาในระดับมีเดียมแรร์

ท้าชิงความอร่อยตามมาติด ๆ ด้วยเนื้อส่วนไฮไลต์อย่าง Ribeye (100 g 990 บาท) เนื้อริบอาย สุดยอดเนื้อสเต๊กส่วนยอดนิยม เพราะมีลายไขมันแทรก ให้รสเข้มข้นติดมันนิด ๆ ไม่ว่าจะย่างแบบมีเดียมแรร์ หรือย่างแบบสุกกำลังดีก็อร่อยฟินทั้ง 2 แบบ

 

Ribeye (100 g 990 บาท)

ก่อนจะปิดท้ายมื้อนี้ด้วย Marinated Beef Rib (100 g 890 บาท) เนื้อร่องซี่โครงหมัก ปรุงรสอย่างพิถีพิถัน นำไปย่างหอม ๆ ได้รสเข้มข้นกลมกล่อม หอมกลิ่นสโมคแบบเต็มคำ

นอกจากนี้ ที่นี่ยังมี Marinated Pork เนื้อหมูหมักพิเศษ (ที่ทางร้านติดต่อผ่านฟาร์มโดยตรง) ไว้คอยเสิร์ฟให้บริการสำหรับคนที่ไม่ทานเนื้อเฉพาะสาขาที่ไทยที่นี่ที่เดียวอีกด้วย ทั้งยังมีเมนูอาหารเกาหลีให้เลือกสั่งมาทานอีกมากมายอย่างหมูตุ๋นกิมจิ ที่ต้องผ่านกรรมวิธีเคี่ยวตุ๋นเป็นระยะเวลานาน หาทานได้ยากในไทย เรื่อยไปจนถึงเมนูราเมง ใครที่ชื่นชอบเมนูเส้นหรือซดซุปร้อน ๆ คล่องคอมื้อดึก ขอแนะนำให้มาปักหมุดลิ้มลองความอร่อยกันที่นี่
 

Marinated Pork เสิร์ฟพร้อมเครื่องเคียงแบบจัดเต็ม

 

สารพัดเมนูเครื่องเคียงที่เสริมทัพความอร่อยให้กับมื้อพิเศษที่ WOO TENDER

Must Read!
  • แนะนำให้จองล่วงหน้าก่อนทุกครั้ง เพื่อความสะดวกรวดเร็ว โดยทางร้านจะแบ่งออกเป็น 2 รอบหลัก ๆ คือ รอบเวลา 17.00 น. และรอบเวลา 19.00 น. (หากต้องการปรับรอบเวลา สามารถแจ้งล่วงหน้ากับทางร้านได้ตามต้องการ)
Info
Hours
Everyday : 5PM - 10PM
Price

฿฿฿฿฿ 1,001-2,000 บาทต่อคน

Address
The Quart Ruamrudee by UHG, 3 ซอยร่วมฤดี ถนนเพลินจิต เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร
Map
Mass Transit

BTS เพลินจิต ทางออก 4

Facilities
Suggest an Edit