Published on February 18, 2020

Experience the Freedom of Taste

จะเป็นอย่างไร หากการดินเนอร์ของคุณสามารถสร้างความเซอร์ไพรส์ พร้อมมอบประสบการณ์สุดพิเศษให้คุณได้ไม่ต่างจากการเข้าชมงานศิลปะ Karmakamet Conveyance คือหนึ่งในร้านอาหาร Fine Dining ที่จะมอบประสบการณ์การทานอาหารแปลกใหม่ในลักษณะดังกล่าว ให้ผู้ที่เข้ามาทานได้ลิ้มรสชาติอาหารหลากหลายสัญชาติผ่านความทรงจำอันแสนคุ้นเคยแบบไร้ข้อจำกัด

 

บริเวณชั้น 1 ทางร้านได้เปิดบริการช็อปผลิตภัณฑ์เครื่องหอมของแบรนด์ Karmakamet ขนาดย่อม ๆ ให้ได้เลือกช้อปกันอีกด้วย

จากประสบการณ์และความฝันในการทำร้านอาหารของ เชฟส้ม-จุฑามาศ เทียนแท้ หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง Karmakamet Conveyance เธอตกหลุมรักการทำอาหารนับตั้งแต่ที่ได้มีโอกาสออกเดินทางไปเรียนต่อยังประเทศอินเดีย ก่อนจะเริ่มต้นอาชีพหลังครัวที่ประเทศสหรัฐอเมริกา และกลับมาทำงานต่อที่ประเทศไทย ทุกอย่างที่เธอนำมาถ่ายทอดเป็นเมนูต่าง ๆ ของทางร้านล้วนเกี่ยวพันกับความทรงจำและการเดินทางทั้งสิ้น ผ่านการสร้างรสชาติอาหารอย่างอิสระ มีเอกลักษณ์ โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากความทรงจำในช่วงเวลาและสถานที่ต่าง ๆ ราวกับจะบอกกับคนทานว่า ‘รสชาติบางอย่างก็สามารถดึงความทรงจำของคนเรากลับมาได้เช่นกัน’ ส่วนการรังสรรค์ความอร่อยในสไตล์เชฟส้มและรูปแบบหน้าตาอาหารของเธอจะเป็นอย่างไรบ้างนั้น สามารถติดตามกันได้ในลำดับถัดไป


 

เชฟส้ม-จุฑามาศ เทียนแท้ (Photo by Karmakamet Conveyance)

Create Styles from Different Eras

ความประทับใจแรกพบ เริ่มต้นขึ้นจากการได้สัมผัสบรรยากาศหรูหรา แต่ทว่าเรียบง่าย สบาย ๆ ด้วยการตกแต่งร้านโดยเน้นใช้วัสดุธรรมชาติ สร้างความโดดเด่นด้วยกำแพงอิฐเปลือยที่ห้อมล้อมห้องอาหารสีขาวสุดเนี้ยบเอาไว้ 

 

บรรยากาศภายในร้าน

 

ภายในร้านออกแบบพื้นที่ใช้สอยทุกส่วนอย่างครอบคลุมและคุ้มค่า โดยมีโซนนั่งทานอาหารทั้งหมด 24 ที่นั่ง

ตามมาด้วยของตกแต่งร้านแต่ละโต๊ะที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ ภายใต้คอนเซ็ปต์ของความทรงจำ (Memories) รวมถึงอุปกรณ์บนโต๊ะอาหาร จาน ชาม ช้อน ส้อม ช้อนขนมหวาน มีดเซ็ตบนโต๊ะอาหาร ที่สั่งทำขึ้นเป็นพิเศษ สะท้อนถึงความไม่สมบูรณ์แต่มีดีเท่ากันหมด ประกอบกับเฟอร์นิเจอร์แนววินเทจในธีมสีที่ล้อไปกับตัวร้าน เป็นการผสานความคลาสสิกของยุคเก่าเข้ากับความร่วมสมัยของยุคใหม่ได้อย่างลงตัว พร้อมออกแบบพื้นที่ใช้สอยแบบคุ้มค่าทุกตารางนิ้ว โดยแบ่งโซนนั่งทานอาหารจำนวน 24 ที่นั่งไว้ได้อย่างเป็นสัดส่วน 

 

ทุกโต๊ะอาหารจะมีโน้ตคำอธิบายเกี่ยวกับคอนเซ็ปต์ร้าน ลิสต์เมนูอาหาร ให้ผู้ที่เข้ามาทานได้อ่านเพลิน ๆ เช่นเดียวกับการเดินชมงานศิลปะในพิพิธภัณฑ์ ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการเพิ่มอรรถรสในระหว่างที่ทานอาหารและทำความรู้จักร้านมากขึ้น

Karmakamet Cuisine

เมื่อนั่งลงประจำที่และวางผ้ากันเปื้อนลงบนตัก ก็ได้เวลาชิมรสชาติแห่งความทรงจำ โดยเบื้องหลังการครีเอตแต่ละเมนูของเชฟส้มนั้น เธอเผยว่าไม่ได้ยึดจากตำรับใดตำรับหนึ่ง แต่เป็นการผสมผสานวัตถุดิบและรสชาติจากความทรงจำเมื่อครั้งที่เธอออกเดินทางท่องเที่ยว แล้วรังสรรค์ออกมาเป็นเมนูพิเศษแบบไร้ซึ่งคำนิยามใด ๆ อีกทั้งไม่ยึดติดกับสูตรหรือวิธีการปรุง พร้อมออกแบบหน้าตาอาหารให้ดูต่างไปจากเดิม รสชาติที่ได้จึงขึ้นอยู่กับประสบการณ์การทานของแต่ละคนที่จะเป็นผู้ตัดสินว่ารู้สึกกับจานนั้น ๆ อย่างไร หรือเมนูที่ทานเข้าไปสามารถดึงรสชาติอะไรในความทรงจำของคนทานออกมาได้บ้าง?

All is good! อาจเรียกได้ว่าเป็นนิยามสั้น ๆ แต่ได้ใจความ ถึงการครีเอตเมนูอาหารของเชฟส้ม ซึ่งขึ้นอยู่กับ Dynamic ของรสชาติ ไม่ว่าจะเป็นอาหารสัญชาติไหน ทำมาจากวัตถุดิบอะไร ทุกอย่างล้วนมีความเท่าเทียมกันหมด เพื่อให้คนทานรู้สึกถึงความเป็นอิสระ หลุดจากกรอบเดิม ๆ ตามคำกล่าวของเธอที่ว่า “ทุกอย่างบนโลกใบนี้และสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วนับเป็นสิ่งดี มีคุณค่า ขึ้นอยู่กับการมองและการตีความสะท้อนผ่านวิธีคิดของแต่ละคน ที่จะนำไปใช้กับเรื่องต่าง ๆ ได้อย่างเหมาะสม เพราะทุกอย่างบนโลกใบนี้ดีเท่ากันหมด” 
 

เชฟส้ม-จุฑามาศ เทียนแท้ (Photo by Karmakamet Conveyance)

ทางร้านพร้อมเสิร์ฟมื้อค่ำ Karmakamet Dining (Tasting Menu 2,500++ บาท / Champagne Pairing 2,500++ บาท) สไตล์ New Asian Cuisine จำนวน 10 คอร์สหลัก โดยที่ไม่บอกเล่ารายละเอียดใด ๆ เพียงแต่มีชื่อเมนู ธีมหลักที่มาพร้อมกับคำอธิบายสั้น ๆ เกี่ยวกับแรงบันดาลใจของเมนูนั้น ๆ แต่ละคอร์สไม่ได้มีความหมายอะไรซับซ้อน ไม่มีผิดถูก จะทานอย่างไรก็ได้ ขึ้นอยู่กับว่าคุณพอใจจะทานอาหารที่อยู่ตรงหน้าอย่างไร ความน่าสนใจอีกอย่างคือ ทุกเมนูก่อให้เกิดบทสนทนาบนโต๊ะอาหารที่แปลกและแตกต่าง นอกจากเรื่องของความอร่อยแล้ว ยังก่อให้เกิดคำถาม “ทานแล้วนึกถึงช่วงเวลาไหน สถานที่อะไร และทำไมถึงมีความทรงจำแบบนั้น?” ผุดขึ้นมาเป็นระยะ ๆ เหมือนได้เปิดลิ้นชักความทรงจำและความรู้สึกส่วนตัวออกมาแชร์กับเพื่อนร่วมโต๊ะอีกด้วย ทั้งนี้ แต่ละคอร์สจะถูกเสิร์ฟพร้อมกับแชมเปญ ซึ่งเป็นเครื่องดื่มที่เข้ากันกับอาหารที่มี Dymamic ในเรื่องของรสชาติได้มากที่สุด


เริ่มต้นจากการปรับรสสัมผัสด้วย Miracle Water เหล้าดองที่คุณพ่อของเชฟส้มได้หมักบ่มเอาไว้นานถึง 40 ปี จนได้รสเข้มข้น เสิร์ฟมาในลักษณะของแก้วช็อตเล็ก ๆ บนจานเซรามิกที่มีร่องรอยแตกร้าวอย่างมีกิมมิก

 

Miracle Water เหล้าดองที่ผ่านการหมักบ่มนานถึง 40 ปี จนได้รสชาติที่เข้มข้นลงตัว

ก่อนจะเรียกน้ำย่อยด้วยเมนู Grains แป้งทอดก้อนกลมรสชาติต่าง ๆ ที่สอดไส้ด้วยส่วนผสมจากธัญพืชและผลไม้ โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากอาหารอินเดีย แล้วดัดแปลงให้เกิดความแปลกใหม่ เวลาทานให้เรียงลำดับจากด้านซ้ายสุดไปยังด้านขวาสุด เพื่อลำดับความเข้มข้นของรสชาติ ลูกแรกคือมันเทศ หอมกลิ่นสมุนไพร, ลูกที่ 2 คือชีสที่ทำมาจากถั่ว และลูกสุดท้ายคือกล้วยหอมที่ผสมเข้ากับเครื่องเทศ เวลาทานจะใช้มือหยิบทานหรือใช้ส้อมจิ้มทานก็ได้ ให้เนื้อสัมผัสนุ่มหนึบหนับคล้ายกับขนมไข่เต่า แต่อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของเครื่องเทศและสมุนไพรอย่างมาก ในส่วนของคอร์สที่ 3 เลือกเสิร์ฟตามมาด้วยเมนู Warmth ซุปใสรสกลมกล่อมที่เสิร์ฟมาในโถสีขาวและช็อตแก้วเล็ก ๆ ให้ยกดื่ม โดยตัวซุปมีส่วนผสมของไก่และน้ำสกัดจากมะเขือเทศ ทานตอนร้อน ๆ คล่องคอดีเหลือเกิน

 

Grains ธัญพืชก้อนกลมหลากหลายรสชาติ

คอร์สที่ 4 คือ Rainforest สลัดคลอโรฟิลด์ เป็นพืชสมุนไพรนานาชนิดที่ราดด้วยน้ำสลัดสีเขียวเข้ม ทานแล้วรู้สึกสดชื่น หอมกลิ่นสมุนไพร สำหรับคอร์สที่ 5 เอาใจคนรักอาหารแนวสตรีทฟู้ดเป็นพิเศษด้วยเมนู Street Hustling & Bustling คอร์สนี้ตีความบรรยากาศบนท้องถนนอันแสนวุ่นวายออกมาเป็น 2 จานคู่กัน โดยเป็นการจำลองรสชาติของหอยทอดแนวอาหารริมทางที่หลายคนคุ้นเคย จานแรกคือหอยนางรมสด ๆ ที่ท็อปด้านบนด้วยแป้งทอดและด้านล่างเป็นซอสพริก ส่วนอีกจานคือเส้นพาสต้าที่นำมาปรุงรสด้วยน้ำยาขนมจีน คลุกเคล้าเข้ากับเครื่องเทศรสเผ็ดร้อน พร้อมเสิร์ฟให้ทานคู่กับไข่ดาวกรอบและส้มโอแบบเข้ากัน 

 

Street Hustling & Bustling ลิ้มลองความอร่อยในแบบสตรีทฟู้ด

คอร์สที่ 6 อีกหนึ่งจานไฮไลต์ที่ใช้ชื่อว่า Village จากคำอธิบาย ‘The unpredictable tastes of moment of places in life’ จานนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากการเดินทางไปยังหมู่บ้านต่าง ๆ และได้เจอกับอาหารท้องถิ่น ความพิเศษของเมนูนี้อยู่ที่การผสานรสชาติอาหารเอเชียนจากหลายแหล่งเข้าไว้ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น ‘บะจ่าง’ ตัวแทนจากอาหารสไตล์จีน, เนื้อปู และหอยดองที่มาพร้อมกับน้ำจิ้มซีฟู้ด ตัวแทนจากอาหารภาคตะวันออกของไทย, ปลาย่างและแจ่วข่าสูตรชาวอุบลราชธานี ตัวแทนจากอาหารอีสาน และน้ำมะพร้าวในรูปแบบของเจลลีใส ๆ ที่มาช่วยตัดรสจัดจ้าน เสิร์ฟมาในรูปแบบของจานสไลด์ ได้รสชาติแปลกใหม่ที่หลายคนไม่เคยลิ้มลองที่ไหนมาก่อนแน่นอน

มาถึงจานหลักคอร์สที่ 7 กับเมนู Life ลิ้นวัวตุ๋นที่เสิร์ฟมาพร้อมกับทอดมันปลา หมั่นโถว กุ้งแพ กานาฉ่าย และแป้งใสเนื้อหนึบนุ่มที่ทานคู่กับน้ำจิ้มซีฟู้ดรูปแบบเจลลีที่ทานแล้วเข้ากันสุด ๆ ได้กลิ่นอายสไตล์อาหารจีนแบบเต็ม ๆ 

 

Village การผสมผสานรสชาติที่แปลกใหม่ รอให้คุณได้มาลิ้มลองด้วยตัวเอง

เปลี่ยนบรรยากาศจากการทานอาหารคาวมาเป็นของหวานเพื่อเบรกรสชาติและความอิ่มระหว่างมื้อค่ำด้วยเมนู Fleur De Sel ไอศกรีมดอกเกลือที่เสิร์ฟมาพร้อมกับผลไม้รวม ได้รสหวานปนเค็มและกลิ่นหอมของผลไม้ เหมือนได้ทาน Sea Salt Caramel เลยทีเดียว จากนั้นสลับมาทาน Pre-Motion เมนูนี้ได้ไอเดียมาจากการทานซูชิตามสไตล์อาหารญี่ปุ่น เป็นข้าวปั้นท็อปบนด้วยปลา Black Cod ได้รสเค็มของเนื้อปลาที่เข้ากันดีกับรสหวานของข้าวนุ่ม ๆ ก่อนจะปิดท้ายด้วย Motion เมนูปลาทอดวัตถุดิบจากช่องแคบโดเวอร์ ที่เสิร์ฟมาพร้อมกับซอส 2 รสชาติ และดอกซูกินีที่นำมาชุบแป้งทอด

 

Fleur De Sel ไอศกรีมดอกเกลือแสนอร่อย

มาถึงคอร์สที่ 8 กับเมนู Wealth จานนี้เชฟส้มเลือกเสิร์ฟ Lamb Briyani หรือข้าวหมกแกะสูตรเฉพาะ ราดซอสมัสตาร์ด แล้วท็อปบนด้วยข้าวโพดทอด โดยทั้งหมดนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากอาหารอินเดียนั่นเอง ต่อเนื่องด้วยคอร์สที่ 9 ซึ่งใช้ชื่อว่า Celebration เมนูหวานเย็นที่มีลักษณะคล้ายกันกับเต้าทึง แต่มีส่วนผสมที่ต่างกัน ประกอบด้วย แซงเกรีย (ไวน์แดงของสเปนที่สกัดจากผลไม้รสเปรี้ยว) เต้าฮวย บัวลอยเผือก สาคูไส้หมู งา ถั่วเหลือง และอบเชย ก่อนจะปิดท้ายมื้อค่ำนี้ด้วยคอร์สที่ 10 กับ Farewell อีกหนึ่งเมนูขนมหวานซึ่งด้านในมีส่วนผสมของน้ำผึ้ง, กระวานเทศ, สาคู, นมสด, น้ำกะทิ, พร้อมห่อหุ้มทับด้วย Silver ที่สามารถทานได้ ให้รสหวานละมุน

 

Farewell ขนมหวานปิดท้ายมื้ออาหารสุดพิเศษ

Must Read!
  • ทานอาหารที่นี่ต้องสำรองที่นั่งล่วงหน้าเท่านั้น โดยสามารถสำรองที่นั่งได้ทาง www.karmakametconveyance.com หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่โทร. 0-2004-3997
Info
Hours
Open : 6PM - 11:30PM
Thu : 6PM - 11:30PM
Fri : 6PM - 11:30PM
Sat : 6PM - 11:30PM
Sun : Closed
Mon : 6PM - 11:30PM
Tue : 6PM - 11:30PM
Wed : 6PM - 11:30PM
Price

฿฿฿฿฿฿ มากกว่า 2,000 บาทต่อคน

Address
1, 1/1 ซอยสุขุมวิท 49 เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร
Map
Mass Transit

BTS พร้อมพงษ์ ทางออก 3

BTS ทองหล่อ ทางออก 1

Suggest an Edit