Wildly Good Vibes in Ratchapruek
ชวนปักหมุดความกู๊ดไวป์ เติมมู้ดสดชื่นดีต่อใจในย่านราชพฤกษ์กันที่ ‘Wild Woods’ และ ‘Wine Woods’ ร้านต้นไม้ที่เติมเต็มประสบการณ์รื่นรมย์ด้วยบรรยากาศของคาเฟ่สโลว์บาร์ขนาดกะทัดรัด ซึ่งเปิดให้บริการในตอนกลางวัน พร้อมเปลี่ยนบรรยากาศไปเป็นการสังสรรค์ในรูปแบบของไวน์บาร์ตอนกลางคืน เพื่อให้ที่นี่เป็นอีกหนึ่งคอมมูนิตี้ดี ๆ ขนาดย่อม ๆ สำหรับคนรักต้นไม้และคนที่ต้องการ Take Time วันสบาย ๆ ไปกับการจิบกาแฟสักแก้ว หรือพบปะสังสรรค์ เอ็นจอยความอร่อยกับมื้ออาหารค่ำสไตล์อีสานฟิวชันและดริงก์แก้วโปรดท่ามกลางความร่มรื่นของต้นไม้หลากหลายสายพันธุ์ที่จัดวางอยู่ทั่วทุกมุมร้าน
A Plant and Coffee Shop by Day, Lifestyle Wine Bar by Night
จุดเริ่มต้นของพื้นที่แห่งนี้เกิดจากความตั้งใจอันดีของ ‘คุณวัต-ภาวัต รุจิรากรสกุล’ หนึ่งใน Owner ผู้ร่วมก่อตั้งร้าน ซึ่งชื่นชอบต้นไม้เป็นพิเศษ เกิดไอเดียอยากทำร้านต้นไม้ดี ๆ สักร้านในกรุงเทพฯ โดยนิยามให้ที่นี่เป็น ‘ร้านต้นไม้ แบบ 100%’ ซึ่งไม่เพียงจำหน่ายแค่ต้นไม้เท่านั้น หากแต่ยังเป็นพื้นที่โชว์เคสต้นไม้และอุปกรณ์การปลูกแบบใช้งานจริง ด้วยคอนเซ็ปต์ที่เน้นการจัดต้นไม้แบบ Indoor เหมาะกับไลฟ์สไตล์คนเมืองที่มีพื้นที่จำกัด เช่น ผู้อยู่อาศัยในคอนโดหรือผู้ต้องการ Sculpture สักชิ้นเพื่อตกแต่งบ้าน มากกว่าการซื้อต้นไม้ทีเดียวจำนวนมาก อีกทั้งทำให้การซื้อและเลือกต้นไม้เป็นเรื่องง่าย โดยลูกค้าสามารถเข้ามาพูดคุย ปรึกษาและรับคำแนะนำการดูแลต้นไม้จากผู้เชี่ยวชาญกับทางร้านได้เสมอ
“เราเป็นร้านต้นไม้ 100% คือให้บริการตั้งแต่จัด Landscape อย่างกระถางต้นไม้ก็เป็นกระถางที่เรา สั่งผลิตมาจากต่างประเทศ นำเข้ามาเองทั้งหมด แล้วก็มีแปลงพักแปลงเพาะของเราเองด้วยครับ”
ต้นไม้หลากหลายสายพันธุ์ถูกจัดวางอยู่ทั่วร้าน ทั้งบนชั้น บนโต๊ะ บนพื้น กระทั่งห้อยย้อยระย้ามาจากด้านบนเพดาน มีกระถางหลายสี หลายขนาด ให้เลือกสรรมากมายที่เสมือนเป็นดิสเพลย์ขนาดย่อม อีกทั้งมุมที่แขวนอุปกรณ์สำหรับปลูกต้นไม้ รวมไปถึงของตกแต่งอย่างหินหลายประเภทที่ใช้ในกิจกรรม Plant Bar ซึ่งทางร้านมีการจัด Workshop เกี่ยวกับต้นไม้เป็นประจำในช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ ให้ผู้ที่สนใจในเรื่องการปลูกต้นไม้ได้เข้ามาร่วมกิจกรรมอีกด้วย
“ในส่วนของ Workshop ก็จะมีเป็นรอบ ๆ บางส่วนก็สามารถ Walk-in เข้ามาทำได้เลย บางอย่างที่ต้องใช้อุปกรณ์ ก็จะจัดเป็นรอบ ๆ ให้จองเข้ามาก่อนครับ ปกติเดือนนึงจะจัดประมาณ 2 รอบ ทำเป็น Calendar ออกมาให้เห็นภาพรวมทั้งหมดของเดือนนั้น ๆ สามารถติดตามทุกกิจกรรม Workshop ได้จากทางเพจของร้าน ซึ่งการ Workshop เราจะสอนเรื่องพื้นฐานของการปลูกต้นไม้สำหรับคนที่สนใจ มีหลายแบบ ก็พยายาม Create กันมาเรื่อย ๆ อย่างล่าสุดที่เพิ่งจัดไปก็จะเป็นลูกบอลมอส การจัดใบเฟิร์นเข้าเฟรมครับ"
และเพื่อให้ร้านต้นไม้เข้าถึงกลุ่มคนทั่วไปได้มากขึ้น จึงเลือกเติมเต็มประสบการณ์ให้กับผู้ที่แวะเวียนเข้ามาด้วยการดีไซน์ร้านให้เป็นคาเฟ่สโลว์บาร์ขนาดเล็กที่เน้นเสิร์ฟเมนูกาแฟเป็นหลัก และ Non-Coffee อย่างมัทฉะ ซึ่งดื่มง่าย ดื่มได้ทุกวัน
“พาร์ทคาเฟ่ เราตั้งใจให้บรรยากาศร้านเป็นเหมือนสวน Indoor ครับ แล้วก็ให้คนทั่วไปเห็นว่าจริง ๆ แล้วต้นไม้ปลูกในห้องแอร์ ปลูกแบบ Indoor ได้นะ และด้วยความที่ร้านกาแฟเราเป็นแบบสโลว์บาร์ เลยเป็นจุดแข็งของที่นี่ที่ไม่ได้เป็นแค่คาเฟ่อย่างเดียว แต่เป็นคาเฟ่ที่มาซัพพอร์ทร้านต้นไม้ให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น”
สำหรับช่วงเวลาของ Wild Woods ที่เปิดให้บริการร้านต้นไม้และสโลว์บาร์นั้น จะเริ่มต้นตั้งแต่เวลา 10 โมงเช้า และเมื่อถึงเวลา 6 โมงเย็นเป็นต้นไป ก็จะเปลี่ยนบรรยากาศให้เป็นช่วงเวลาของ Wine Woods ด้วยมู้ดที่เป็นบาร์
แน่นอนว่าการทำให้สเปซนี้มีความหลากหลายที่รวมทั้งร้านต้นไม้ คาเฟ่ และไวน์บาร์เข้าไว้ด้วยกัน ต้องอาศัยผู้ร่วมเป็นพาร์ทเนอร์ที่มาช่วยดูแลในแต่ละส่วน ซึ่งนอกจากคุณวัตแล้ว ทาง Owner ยังมี ‘คุณเสือ-ธรรมวิทย์ ลิ้มเลิศเจริญวนิช’ เจ้าของร้านอาหาร House Number 1712 (ร้านอาหารอีสานไฟน์ไดน์นิ่ง) และ โรงกลั่นออนซอน (สุราชุมชนของดีเมืองสกลฯ) จากจังหวัดสกลนคร มาดูแลในส่วนของเรื่องอาหารและเครื่องดื่ม พร้อมด้วย ‘คุณไบร์ท-สิตราวัชร์ พนาวิวัฒนาการ’ รุ่นน้องสมัยเรียนมหาวิทยาลัยที่อยู่ในธุรกิจฟาร์มผักออร์แกนิกผู้เชี่ยวชาญเรื่องดินมาดูแลพาร์ทต้นไม้ของทางร้าน ทำให้การบริหารจัดการร้านมีความลงตัวและสร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้แก่ผู้มาเยือนได้อย่างครบถ้วน ด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่เหมือนที่ไหน ๆ
Everyday (Specialty) Coffee and More
ในพาร์ทของร้านกาแฟหรือคาเฟ่สโลว์บาร์ ที่นี่เน้นเสิร์ฟเมนูกาแฟ (คัดสรรเมล็ดเบลนด์พิเศษจาก Roast Runner แบรนด์โรงคั่วกาแฟสเปเชียลตี้ที่จัดว่าอยู่ในอันดับต้น ๆ ของไทย) เป็นหลัก
“จะสังเกตได้ว่าเมล็ดกาแฟของทางร้านจะใช้เมล็ดของ Roast Runner โดยเฉพาะ เพราะว่าเป็นแบรนด์ที่ผมดื่มประจำอยู่แล้ว ค่อนข้างมั่นใจในคุณภาพของกาแฟครับ กาแฟที่เราดื่มทุกวัน เราอยากดื่มแบบไหนก็ตั้งใจจะเสิร์ฟแบบนั้น เลยเป็นเมล็ดกาแฟเบลนด์ที่เราเลือกมา 2 เกรด ที่เราเสิร์ฟก็จะเป็น El Flamingo กับ Jason Brown ครับ อันนึงจะออกโทนช็อกโกแลต-ถั่ว อีกอันนึงก็จะออกโทนเปรี้ยวผลไม้แบบ Floral Fruity”
ตามด้วยเครื่องดื่ม Non-Coffee จำพวกช็อกโกแลต ชานม ชาดำ น้ำยูซุโซดา และหมวดมัทฉะที่พร้อมเสิร์ฟทั้ง Clear Matcha และ Matcha Latte
“ร้านเราเลือกสินค้ามาแบบ Ceremonial Grade โดยที่เราก็เลือกมา 2 โทน โทนนึงจะออกอูมามิหน่อย ซึ่งได้จากพวก Seaweed สาหร่ายทะเล ส่วนอีกอันนึงจะออกโทนถั่ว ซึ่งเป็นโทนลูกค้าคนไทยส่วนใหญ่ชอบดื่มและเข้าถึงง่าย”
การมาเยือนสโลว์บาร์ Wild Woods ครั้งนี้ ทางร้านเลือกเสิร์ฟเมนูแนะนำอย่าง Americano (100 บาท) สำหรับแก้วนี้ทางร้านเลือกใช้เมล็ดกาแฟอาราบิก้าเบลนด์ที่ชื่อว่า Jason Brown จากโรงคั่ว Roast Runner ให้ Taste Note แบบบาลานซ์ สามารถดื่มได้ทุกวัน (แต่ทั้งนี้ลูกค้าสามารถเลือกเมล็ดกาแฟเบลนด์ได้ตามต้องการ) และ Matcha Latte (140 บาท) มัทฉะลาเต้ที่ทางร้านเลือกใช้ผงมัทฉะจากแบรนด์ Monster and Friends (หรือ Monster Coffee Roasters) ซึ่งทางร้านเลือกใช้ 2 แบบ คือ Yabukita ที่ให้รสชาติอูมามิของโทนสาหร่าย เหมาะเสิร์ฟแบบเมนู Clear Matcha และ Okumidori ที่ให้รสชาติของโทนถั่ว เหมาะเสิร์ฟแบบเมนูนม ได้ความอร่อยกลมกล่อม พร้อมเสิร์ฟชงให้ได้ลิ้มลองในครั้งนี้
Thai-Esan Tapas x Onson Drinks
เมื่อตะวันลับขอบฟ้า ก็ได้เวลาที่ Wild Woods จะเทิร์นเป็นไวน์บาร์ Wine Woods ที่มีบรรยากาศเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงจากช่วงกลางวัน โดยทางร้านจะครีเอตความอร่อยออกมาในลักษณะของเมนูทาปาสในสไตล์ Thai Tapas ที่นำอาหารอีสานมาประยุกต์เป็นเมนูทาปาส อาหารทานเล่นจานเล็ก ๆ ที่สามารถแพริ่งความอร่อยกับเมนูเครื่องดื่มอย่างไวน์หรือค็อกเทลได้อย่างลงตัว (ความพิเศษของบาร์แห่งนี้ คือเครื่องดื่มหลายชนิดมาจากโรงกลั่นออนซอน (สุราชุมชนของดีเมืองสกลฯ) แบรนด์ของทางร้านที่นำมาจากสกลนคร ทั้ง Gin, Vodka, และ Rum รวมถึงสาโทค็อกเทล ซึ่งเป็นไวน์ข้าวที่ทำจากข้าวเหนียว
เมนูอาหารที่ทางร้านแนะนำในครั้งนี้ ได้แก่ จุ๊ปลาสลัดน้ำมันงา (230 บาท) ที่นำปลานิล (เลี้ยงในฟาร์มแบบระบบปิด) มาเป็นวัตถุดิบ เนื้อแน่นสดเด้ง ไร้กลิ่นขาว เสิร์ฟให้รับประทานแบบซาชิมิ ใส่ซอสพอนสึรสเปรี้ยวอมหวานทานแล้วสดชื่น พร้อมด้วยสลัดน้ำมันงาให้ได้อิ่มอร่อยคู่กัน
ตามด้วย Sakon Party (175 บาท) เซ็ตเมนูรวมไส้กรอกไทย-อีสาน ส่งตรงวัตถุดิบจากจังหวัดสกลนคร ประกอบไปด้วย หมูยอ กุนเชียง และไส้กรอกอีสาน ที่ทางร้านนำไปรมควัน ให้ได้กลิ่นสโมคหอม ๆ และรสชาติที่กลมกล่อมแตกต่างกันไป เสิร์ฟมาพร้อมผักดอง 4 อย่างของทางร้าน ซึ่งล้วนเป็นผักที่ทางร้านดองเองทั้งหมด อาหารเซ็ตนี้สามารถแพริ่งคู่กับเครื่องดื่มของทางร้านได้แบบหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นไวน์ สาโท หรือค็อกเทล ก็เสริมรสชาติได้เข้ากันดีทีเดียว
หรือจะเป็น ไก่ย่างสไตล์เปรู (150 บาท) ไก่ย่างที่ถูกหมักด้วยเครื่องเทศสไตล์อเมริกาใต้ และเสิร์ฟมาพร้อมกับซอสในสไตล์จิ้มแจ่วบาร์บีคิว สูตรเฉพาะของทางร้าน โดยตัวเนื้อไก่จะให้เนื้อสัมผัสนุ่มฉ่ำในและส่วนหนังกรอบแบบกำลังดี
จากนั้นเติมอรรถรสให้กับบรรยากาศการสังสรรค์ยามค่ำคืนด้วยซิกเนเจอร์ดริงก์อย่าง Vodka Cappuccino (210 บาท) วอดก้าออนซอนผสมกับกาแฟ Roast Runner ให้รสขมนุ่ม ๆ ของวอดก้าที่ผสมกับความหอมของกาแฟ รวมเป็นรสชาติแปลกใหม่ไม่เหมือนใคร
และ Soil Soil Seasonal - สาโทออนซอน (170 บาท) สาโทค็อกเทลที่ทางร้านเบสรสชาติจากข้าวเหนียว ผสานน้ำเชื่อมโฮมเมดด้วยวัตถุดิบตามฤดูกาล เสิร์ฟมาในกระติ๊บข้าวเหนียว พร้อมตัดรสชาติริมแก้วเคลือบด้วยผงลาบข้าวคั่วให้ได้สัมผัสกลิ่นอายของความเป็นอีสานแท้ ๆ
ก่อนปิดท้ายมื้อค่ำนี้ด้วย Tiramisu (205 บาท) ทีรามิสุ ขนมเบเกอรีโฮมเมดสไตล์อิตาเลียน สูตรโฮมเมดของทางร้านที่ให้เนื้อสัมผัสเนียนนุ่ม ละลายในปาก พร้อมรสชาติหวานละมุนกำลังดี
หากใครที่กำลังมองหาคอมมูนิตี้สเปซสำหรับมาแฮงเอาต์กันแบบชิล ๆ ที่ได้บรรยากาศอบอุ่น สบาย ๆ หรือต้องการคำแนะนำเรื่องการจัดมุมต้นไม้ในบ้าน Wild Woods, Wine Woods แห่งนี้คือคำตอบ ด้วยความตั้งใจและความใส่ใจในทุกรายละเอียด ทั้งต้นไม้ อาหาร เครื่องดื่ม ที่พร้อมต้อนรับทุกคนให้ได้แวะมาสัมผัสประสบการณ์ใหม่ ๆ ที่หลากหลายและไม่เหมือนใคร !
Must Read!
- ในส่วนของไวน์บาร์แนะนำให้สำรองที่นั่ง/โต๊ะล่วงหน้า เพราะทางร้านรองรับได้จำนวน 15 ที่นั่ง
- สามารถจอดรถได้ที่โครงการอยู่เย็นการ์เด้น








